“เกิดอะไรขึ้น?” ทุกคนต่างมึนงง “ออกจากที่นี่กันก่อน” เซียวอวี๋แค่นเสียงก่อนจะรีบตามออกไป อูเธอร์นั้นมีความสำคัญต่อเขามาก เขาจะไม่ยอมให้อูเธอร์เป็นอะไรไป หากเกิดอะไรขึ้นกับอูเธอร์ นั่นจะเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง และการฟื้นฟูภาคีหัตถ์เงินก็จะกลายเป็นฟองสบู่ เซียวอวี๋นำกรอม เมอีฟและคนอื่นๆออกจากหลุม สิ่งที่ได้เห็นคือห้องโถงที่วิจิตรตระการตา ทั่วทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยอัญมณีที่ส่องประกาย โถงต้อนรับอันโอ่อ่าที่ได้เห็นทำให้มันดูคล้ายกับโรงแรมห้าดาวที่เซียวอวี๋เคยเห็น มีรูปปั้นทองคำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่กลางห้อง และที่ด้านหน้าของรูปปั้นก็เป็นโลงศพขนาดใหญ่ “มารดามันเถอะ ที่นี่คือสุสานของอูเธอร์….” เมื่อเห็นฉากที่เบื้องหน้า เซียวอวี๋ก็เข้าใจเรื่องราวทันที ที่นี่ก็คือหลุมศพของอูเธอร์ที่เขาตามหา ระยะทางระหว่างสโคโลแมนซ์และหลุมฝังศพของอูเธอร์นั้นไม่ได้อยู่ไกลกันมากนัก ทุกครั้งที่เซียวอวี๋มายังสโคโลแมนซ์ เขาก็มักจะแวะสักการะที่หลุมฝังศพของอูเธอร์เสมอ คาดไม่ถึงว่าหลุมฝังศพของอูเธอร์จะอยู่ที่นี่ นี่พวกเขาขุดกันมาถึงหลุมฝังศพของอูเธอร์เลยงั้นหรือ? ไม่น่าแปลกใจที่อูเธอร์มีท่าทีเช่นนั้น ที่นี่จะต้องมีมรดกของอูเธอร์อยู่แน่ และตัวอูเธอร์ย่อมสัมผัสได้ถึงสิ่งของเหล่านั้น เซียวอวี๋เงยหน้าขึ้นมองรูปปั้นและเห็นว่าอูเธอร์กำลังลอยอยู่หน้ารูปปั้นนั้น ดวงตาของอูเธอร์ปิดสนิทและอยู่ในท่าทางเดียวกับรูปปั้น ปรากฏแสงสีทองส่องสว่างจากด้านบนของรูปปั้น กลุ่มแสงนั้นลอยลงมาห่อหุ้มร่างของอูเธอร์เอาไว้ “อูเธอร์คนเก่ากลับมาแล้ว” เซียวอวี๋ถอนหายใจ เขารู้ว่าอูเธอร์ก็ได้รับมรดกของตัวเองกลับคืนมาเช่นเดียวกับเมอีฟ นี่ย่อมเป็นเรื่องดีต่อพวกเซียวอวี๋ คนที่เหลือค่อยๆทยอยตามมาสมทบ เมื่อสมาชิกกลุ่มภาคีหัตถ์เงินได้มาเห็นฉากนี้ พวกเขาก็พลันคุกเข่าลงทำความเคารพต่ออูเธอร์ พวกเขาเลือกไม่ผิด อูเธอร์ผู้นี้คืออูเธอร์ตัวจริง กลับกลายเป็นว่าที่นี่ก็คือหลุมฝังศพที่พวกเขาตามหากันมาแสนนาน ผู้ใดก็คาดไม่ถึงว่าหลุมฝังศพของอูเธอร์จะตั้งอยู่ใกล้เมืองเม็กเช่นนี้ “ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน?” เซียวอวี๋กวาดสายตาผ่านห้องโถงพลางเอ่ยถามออกมา “ข้าก็ไม่ทราบขอรับ แต่ตามการคาดเดาของข้าแล้วที่นี่สมควรอยู่ภายในเมืองเม็ก” ก๊อบลินที่เดินตามมากล่าวตอบ เซียวอวี๋พยักหน้า “เมอีฟ เจ้าไปสำรวจดู” เมอีฟพยักหน้ารับก่อนจะหายไปอย่างไร้ซุ่มเสียง เซียวอวี๋สั่งทุกคนไม่ให้รบกวนอูเธอร์ ดังนั้นทั้งหมดจึงหย่อนก้นนั่งพักเอาแรงอย่างสงบเสงี่ยม ตอนนี้ทั้งหมดต่างก็ทราบแล้วว่าพวกเขากำลังอยู่ภายในเมืองเม็ก และไม่นานการต่อสู้ก็จะปะทุขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมความพร้อมก่อนการต่อสู้ ไม่นาน เมอีฟก็กลับมารายงาน “นายท่าน ที่นี่เป็นวิหารที่ตั้งอยู่บนเขาในเขตหวงห้ามของเมืองเม็ก มีพวกทหารคอยเฝ้าอยู่ด้านนอก” “ดี” ได้ยินดังนั้นเซียวอวี๋ก็ยินดี ‘เจ้ามิรันด้านั่นบังอาจมีความคิดต่อผู้หญิงของลูกพี่ รนหาที่จริงๆ’ เซียวอวี๋ กรอมและฮีโร่คนอื่นๆติดตามเมอีฟไปเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ จากนั้นทั้งหมดจึงเริ่มประชุมวางแผน เซียวอวี๋พบว่าเวลานี้ภายในเมืองนั้นมีทหารอยู่บางตา นั่นก็เพราะมิรันด้าคิดว่าเซียวอวี๋ยังอยู่ที่สโคโลแมนซ์ ดังนั้นมิรันด้าจึงแบ่งทหารออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งส่งเข้าไปสำรวจสโคโลแมนซ์ ขณะที่อีกส่วนทำการโอบล้อมทางเข้าสโคโลแมนซ์เอาไว้ มิรันด้าย่อมไม่คิดไม่ฝันว่าตอนนี้เซียวอวี๋จะเข้ามาในเมืองเม็กได้แล้ว สิ่งที่สร้างความกังวลให้กับเซียวอวี๋นั้นมีเพียงปืนใหญ่เวท หากทำลายทิ้งได้ เพียงอาศัยความสามารถในการต่อสู้ของนักรบแต่ละนายก็เพียงพอต่อการสยบเมืองนี้แล้ว หลังจากจัดการทหารยามด้านนอกจนหมดแล้ว ทั้งหมดก็กลับเข้ามาในสุสานอีกครั้ง เซียวอวี๋หันไปมองอูเธอร์ที่ตอนนี้กำลังดูดซับแสงสว่างเข้าไปจนตอนนี้แสงเริ่มจางลงแล้ว คงอีกไม่นาน ก่อนที่อูเธอร์จะดูดซับพลังงานเสร็จสิ้น ความแข็งแกร่งของอูเธอร์สมควรถูกยกระดับขึ้นอีกขีดขั้นหนึ่ง เซียวอวี๋เริ่มแจกจ่ายงานให้กับคนทั้งหมด เซียวอวี๋หันไปมองกลุ่มอาชาเหล็กที่ตอนนี้ทุกคนล้วนสวมใส่เกราะกระดูกด้วยความตื่นเต้น หากคนเหล่านี้ปรากฏตัวออกไป มันจะสร้างผลกระทบต่อกองทัพอีกฝ่ายขนาดไหนกัน? หลังจากนั้นราวครึ่งชั่วโมง แสงที่รายล้อมอูเธอร์อยู่ก็ระเบิดออกกระจายไปทั่วทั้งห้องโถง “ข้ากลับมาแล้ว” ปากของอูเธอร์ไม่ได้ขยับ กระนั้นกลับมีเสียงดังขึ้นมาจากร่างของเขา ชัดเจนว่าวิญญาณดวงเก่าของอูเธอร์ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ร่างของอูเธอร์ร่อนลงมาถึงพื้น เวลานี้ทั่วทั้งร่างของอูเธอร์แผ่กลิ่นอายที่ดูศักดิ์สิทธิ์ออกมา เหล่าพาลาดินแห่งภาคีหัตถ์เงินรีบกล่าวสรรเสริญ บางคนกระทั่งหลั่งน้ำตาด้วยความยินดี ในที่สุด….ท่านอูเธอร์ผู้ยิ่งใหญ่ก็กลับมาแล้ว ครืน….. รูปปั้นของอูเธอร์เริ่มพังทลายลงมา จากนั้นทั่วทั้งห้องโถงก็เกิดการสั่นสะเทือน “บัดซบ! ที่นี่กำลังจะถล่ม รีบออกจากที่นี่!” เมื่อเห็นท่าไม่ดี เซียวอวี๋ก็รีบนำทุกคนออกจากที่นี่ เมื่อทุกคนออกมาแล้ว สิ่งก่อสร้างทางด้านหลังก็ยิ่งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง “เอาล่ะ พวกเราจะลงมือตามแผนทันที เมื่อที่นี่ถล่ม พวกมันจะต้องรู้ตัวแน่ ดังนั้นพวกเราต้องรีบแล้ว” เซียวอวี๋ตะโกน “ไป ไปล่าตัวมิรันด้า” เซียวอวี๋นำพรากวิญญาณออกมาชูก่อนจะนำทั้งหมดวิ่งลงเขา ……………………… ……………………..

ณ ห้องโถงของสำนักงานเมือง อัสตูที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นและกำลังครุ่นคิดบางสิ่งก็พลันได้ยินเสียงกู่ร้องจากทางด้านนอก “หืม? เกิดอะไรขึ้น?” อัสตูขมวดคิ้วก่อนจะเดินออกไปดู แต่เขาก็พบว่าอาคารโดยรอบหลายแห่งลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงแล้ว “นี่มันบ้าอะไรกัน? มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” อัสตูตกตะลึง ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะทันได้ตอบสนองใดๆ อัสตูก็รู้สึกเย็นวาบที่ลำคอและสูญเสียประสาทสัมผัสไป “นะ…นี่….” สายตาของเขาเห็นร่างที่ไร้ศีรษะของตนเองล้มลงกับพื้น การโจมตีเพียงครั้งเดียวจากเมอีฟก็ส่งวิญญาณของอัสตูให้ล่องลอยไป เวลานี้เมอีฟแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก เว้นแต่ตัวตนขั้นที่หกแล้ว การจะรอดจากการลงมือของเมอีฟนับว่ายากเย็นแสนเข็ญยิ่ง ครู่หนึ่ง เซียวอวี๋ก็นำกรอม อิลิดันและคาร์นและมังกรน้อยมาสมทบ เขารู้ว่ามิรันด้านั้นมียอดฝีมือขั้นที่หกสองคนคอยตามอารักขา ดังนั้นเซียวอวี๋จึงไม่กล้าประมาทและพายอดฝีมือมาที่นี่ด้วยตนเอง ขณะที่เซียวอวี๋ต้องการจะเข้าไปในห้องของมิรันด้านั้นเอง ชายหัวโล้นก็วิ่งออกมาพลางคำราม “ผู้ใดกัน?” เซียวอวี๋หัวเราะพลางตอบว่า “บรรพบุรุษของเจ้ามาเยือนแล้ว” “เป็นเจ้า! ฮึ่ม ครั้งก่อนปล่อยให้เจ้าหนีไปได้ ครั้งนี้เจ้าไม่รอดแน่” โล้นมหากาฬกล่าวเสียงเย็น เซียวอวี๋หัวเราะ “ท่านปู่ผู้นี้รออยู่แล้ว แน่จริงก็เข้ามาสิ” “สารเลว!” โล้นมหากาฬคำรามก่อนจะพุ่งเข้าใส่เซียวอวี๋ ในเวลาเดียวกัน ที่ลานกว้างก็ปรากฏทหารนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาโจมตีไปที่เซียวอวี๋เป็นจุดเดียว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้สร้างความประหลาดใจต่อเซียวอวี๋และคนอื่นๆแต่อย่างใด มิรันด้านั้นเป็นถึงเจ้าชายของจักรวรรดิแลนซ์ หากว่าเขาไม่มีคนอยู่ข้างกายเลยก็แปลกไปแล้ว เซียวอวี๋ส่งสัญญาณมือให้มังกรน้อยพลางกล่าวว่า “ไปกระทืบพวกมัน” มังกรน้อยนำทอนฟาออกมาก่อนจะพุ่งตัวออกไป แน่นอนว่าอาวุธเวทมนตร์ของพวกทหารอีกฝ่ายสามารถสร้างความเสียหายให้เขาได้ แต่อย่างไรก็ตาม เผ่าพันธ์มังกรนั้นมีขนาดใหญ่โตและบินได้ ทั้งยังลงมือได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง พวกทหารทั่วไปยังจะทำอย่างไรกับมันได้หรือ? “ฮี่ฮี่ เอาทอนฟาไปกินซะ!” มังกรน้อยพุ่งตัวไปกลางกลุ่มศัตรูก่อนที่จะบรรเลงเพลงยุทธออกมา….