ตอนที่ 1033 - อีกหนึ่งทรราชย

The Divine Nine Dragon Cauldron

“ชายคนนั้นมีพลังจริงมากแค่ไหนกันแน่?”
  พลังของซือหยูที่เอาชนะศัตรูได้ในกระบวนท่าเดียวได้ทำให้หลายคนจากดินแดนอื่นหันมาสนใจ
  เมื่อพวกเขาพยายามจะมองดูพลังของซือหยูมันก็ถูกหน้ากากสีเงินขวางเอาไว้
  “เขาเป็นจ้าวเทวะ!พลังชีวิตนั้นคือพลังของจ้าวเทวะ เขาจะต้องเป็นจ้าวเทวะแน่นอน…”
  มีคนวิเคราะห์
  “ไร้สาระ!จะมีใครที่เข้ามาในแดนมณีแล้วมีพลังต่ำกว่าจ้าวเทวะบ้าง? แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นจ้าวเทวะระดับแปดหรือเก้าต่างหาก”
  มีเพียงคนจากตำหนักโลหิตเท่านั้นที่รู้ว่าซือหยูเป็นเพียงภูติระดับเก้าเขายังไม่เป็นจ้าวเทวะเลย
  “นั่นมันอะไรกัน?”
  เซียนหลิงตัวแข็งทื่อนางยืนนิ่งอยู่กับหน้าไม้ของนาง กระบี่ท่าสัตว์ประหลาดนั่นสามารถเอาชีวิตนางได้เช่นกัน! นางจำได้แม่นว่าตอนที่เจอซือหยูครั้งแรก เขาเป็นแค่คนที่เพิ่งจะเป็นภูติมาไม่นาน นางสามารถสังหารเขาได้เพียงแค่ดีดนิ้ว แต่ไม่นานนัก พลังของเขาก็ทะยานขึ้นมาจนนางต้องแหงนหน้ามอง เซียนหลิงราวกับอยู่ในฝัน
  เทียนหยูเบิกตากว้างนางตกตะลึงอย่างรุนแรง พลังของซือหยูเกินกว่าที่นางคาดคิดเอาไว้ จ้าวเทวะระดับแปดที่มีพลังสูงสุดอย่างถังหลิงรับมือแม้แต่กระบวนท่าเดียวของซือหยูไม่ได้! เทียนหยูรู้สึกถึงอันตรายอย่างแรงกล้า
  ศิษย์ในคนอื่นจากตำหนักโลหิตหน้าซีดด้วยความหวาดผวาถังหลิงตายในกระบวนท่าเดียว พวกเขาจ้องมองซือหยู เหล่าศิษย์ในหลายคนเริ่มคิดจะปรับความสัมพันธุ์กับเขาใหม่
  “เจ้าแข็งแกร่งขนาดนี้เลยรึ?”
  ปิงหวูชิงตกใจนางรู้ว่าซือหยูเก็บซ่อนพลังเอาไว้ แต่จากที่นางคาด เขาน่าจะอยู่ในระดับของจ้าวเทวะระดับหก
  ซือหยูหัวเราะเบาๆ และปรบมือ
  “เจ้ารีบจัดการส่วนของเจ้าเถอะ”
  “ฮื่ม!เจ้าไม่ต้องสั่งข้าหรอก!”
  ปิงหวูชิงโมโห
  นางกดดัชนีทั้งห้ากรรไกรมังกรทองอยู่ในจุดที่อ่อนแอที่สุดแล้ว มันมิอาจต้านทานพลังได้อีก มันถูกกระบี่นับไม่ถ้วนแทงทะลุ แสงพลังวิญญาณหายไป กรรไกรแหลกเป็นเสี่ยง ๆ
  เทียนหยูนั้นมีการเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณกับสมบัติกึ่งภูติเมื่อมันถูกทำลาย ดวงวิญญาณนางจึงเสียหายเช่นกัน นางกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานพร้อมกระอักเลือดออกมา  เทียนหยูบาดเจ็บสาหัสในทันทีและถังหลิงก็ตายไปแล้ว
  “ซือหยูเซี่ยน!”
  เทียนหยูจ้องมองเถ้าถ่านของถังหลิงและตะโกนอย่างดุร้าย
  “แทนที่จะช่วยคนสำนักตัวเองแก้ปัญหาเจ้ากลับสังหารถังหลิง เจ้าคิดอะไรอยู่? และเจ้า ปิงหวูชิง เจ้าทำลายสมบัติภูติของข้าและทำข้าบาดเจ็บ พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไรกันแน่?”
  ซือหยูหัวเราะเยาะเมื่อนางพูดถึงเรื่องแก้ปัญหาให้สหายร่วมสำนัก
  “เจ้าก็รู้ไม่ใช่เรอะว่าสำนักกำลังเจอปัญหา?แทนที่จะร่วมมือกันต่อสู้กับคนนอก แต่ใครกันที่คิดจะใช้กำลังทำร้ายคนสำนักตัวเอง? ศิษย์พี่เทียนหยู ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะไม่คิดเรื่องนี้มาก่อนหรอก! พวกข้าต่างหากที่ควรจะเป็นคนถามความตั้งใจของเจ้า!”
  คนดินแดนมีดสวรรค์กำลังเข่นฆ่าชีวิตคนตำหนักโลหิตแต่เทียนหยูกับนับเรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องใหญ่กว่าสำนัก ตอนนี้นางยังใส่ความซือหยูกับปิงหวูชิงอีก!
  ในเรื่องที่ซือหยูไม่คิดช่วยศิษย์ตำหนักในนั้นก็ใจดีพออยู่แล้วกับพวกเขาที่กำลังต่อสู้คิดถึงสิ่งที่ถังหลิงทำกับเขาในอดีต เขาพยายามทำร้ายซือหยูหลายต่อหลายครั้ง ซือหยูทำเท่านี้มันก็ดีพอแล้ว
  เทียนหยูกัดฟันตะโกน
  “เจ้าควรถูกประหารเพราะฆ่าสหายร่วมสำนัก!เจ้าต้องถูกสืบสวนเรื่องหลอกลวงพวกเราด้วย! สหายร่วมสำนักเอ๋ย พวกเจ้ารออะไรกันอยู่? ฆ่าไอ้ทรยศนี่ ข้าจะให้ความดีความชอบกับพวกเจ้าเมื่อกลับไปหาเจ้าตำหนัก เพราะพวกเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง!”
  ใบหน้าเหล่าศิษย์ตำหนักโลหิตเปลี่ยนไปเล็กน้อย
  ให้หันดาบใส่ซือหยูเซี่ยนกับปิงหวูชิงรึ?
  พวกเขามีมากกว่าสี่สิบคนแต่ในด้านพลังพวกเขาห่างไกลยิ่งนักที่จะเทียบกับซือหยูเซี่ยนและปิงหวูชิง
  “ถามหาความดีความชอบจากเจ้าตำหมักม่อรึ?ฮื่ม นางจะเอาหัวเจ้าน่ะสิ!”
  ปิงหวูชิงก่นด่า
  “สร้างปัญหาภายในยามเจอภัยคุกคามพวกเจ้าทุกคนยังไม่รู้ว่านางคิดอะไรอีกรึ?”
  ปิงหวูชิงแสยะยิ้มให้เทียนหยู
  “ตอนที่ต่อสู้กับพวกมีดสวรรค์ข้าไม่เห็นเจ้าใช้กรรไกรมังกรทองเลยสักครั้งแม้กำลังเสียเปรียบ แต่เจ้าใช้มันกับข้า! บอกข้ามาสิ เทียนหยู เจ้าเป็นศิษย์ตำหนักโลหิตหรือเป็นคนมีดสวรรค์กันแน่?”
  เหล่าศิษย์ในขนลุกที่นางพูดเป็นความจริง ในระหว่างการต่อสู้อย่างรุนแรงกับดินแดนมีดสวรรค์ เทียนหยูนั้นออมพลังเอาไว้จนหลายคนบาดเจ็บล้มตาย
  แต่เมื่อต่อสู้กับปิงหวูชิงทุกกระบวนท่าของเทียนหยูนั้นโหดร้ายและตั้งใจคร่าชีวิต!   ด้วยเกียรติยศของศิษย์ในอันดับสองแห่งตำหนักโลหิตพวกเขาไม่ได้คิดมากในเรื่องนี้นัก แต่เมื่อปิงหวูชิงวิเคราะห์ออกมาให้เห็น เหงื่อเย็นยะเยือกจากความตกตะลึงก็ผุดออกมา!
  ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ! novel-lucky
  เหล่าศิษย์ในทิ้งระยะจากเทียนหยูพวกเขาระแวงนางในทันที
  “อย่าไปเชื่อเรื่องเหลวไหลของพวกมัน!”
  เทียนหยูรีบอ้างนางจ้องปิงหวูชิงด้วยความเกลียดชัง
  แต่เมื่อมีเฉาลี่จากตำหนักเมฆาม่วงเป็นตัวอย่างก็ไม่มีใครกล้าเชื่อเทียนหยูถ้าดินแดนมีดสวรรค์สามารถทำให้เฉาลี่เปลี่ยนข้างได้ แล้วมันจะเป็นไปไม่ได้กับเทียนหยูรึ?
  “ข้าสงสัยศิษย์พี่เทียนหยูมานานแล้วนางแปลกไป และมันก็เป็นอย่างที่ข้าคิด!”
  จ้าวเทวะระดับแปดคนหนึ่งตะโกนเขาพุ่งไปด้านหลังซือหยูและปิงหวูชิง เขาเลือกข้างชัดเจน
  คนที่เหลือคิดเพียงครู่เดียวและรีบตัดสินใจ
  ประการแรกด้วยวิถีกระบี่ของปิงหวูชิงและพลังที่นางปล่อยออกมา นางจะกลายเป็นคนที่พวกเขาพึ่งพาได้
  ประการที่สองเทียนหยูนั้นน่าสงสัยจริง การอยู่กับนางนั้นอันตรายมาก
  ไม่นานศิษย์ตำหนักโลหิตทุกคนก็มายืนด้านหลังซือหยูและปิงหวูชิงเทียนหยูถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว
  “นี่พวกเจ้า!”
  เทียนหยูโกรธแค้นนางเหลือบมองเหล่าศิษย์ในที่หักหลังนาง แต่ก็มีรอยยิ้มชั่วร้ายตามมา
  “พวกเจ้าโชคดีนัก!”
  ฟึ่บ!
  เทียนหยูหายกลายเป็นเงาเข้าหาปี้หลิงเทียน  ปี้หลิงเทียนยิ้มอย่างอ่อนโยนเขาหันไปพูดเบา ๆ
  “ขออภัยที่ทำให้เจ้าต้องลำบากหลายปีมาแล้วนะ”
  เทียนหยูมองเขาอย่างนับถือ
  “เทียนหยูยินดียิ่งนักที่ได้รับใช้สำนักด้วยหัวใจและดวงวิญญาณ!”
  ทุกคนแตกตื่น
  “อะไรกัน?นางเป็นคนทรยศตัวจริงงั้นเรอะ!”
  คนแรกก็เฉาลี่จากตำหนักเมฆาม่วงและตอนนี้ก็เป็นเทียนหยูจากตำหนักโลหิตอีก! มีสายลับที่ดินแดนมีดสวรรค์ส่งมาในดินแดนพรสวรรค์กี่คนกันแน่?
  หลายคนแอบตกใจ
  เหล่าคนด้านหลังซือหยูยังคงกลัวแต่พวกเขาก็รู้สึกโชคดีที่เลือกทางถูก ที่สำคัญกว่านั้น พวกเขายังโชคดีที่ซือหยูกลับมาทันเวลาและเปิดโปงเทียนหยูได้โดยบังเอิย มิเช่นนั้นถ้าหากเทียนหยูยังอยู่ต่อไป พวกเขาจะกลายเป็นเถ้าถ่านด้วยมือพวกมีดสวรรค์!
  “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นหนอนบ่อนไส้!”
  ปิงหวูชิงถอนหายใจยาวนางเพียงแค่ทดสอบเท่านั้น แต่นางก็ได้พบกับความจริงที่ไม่น่าเชื่อ
  เทียนหยูถอนหายใจแรง
  “ถอนหายใจอะไรของเจ้า?คนที่มีพรสวรรค์ย่อมถูกเลือกให้ไปสูงกว่ ตำหนักโลหิตต่อต้านขุมอำนาจโลก ถูกลิขิตให้ถูกกองกำลังที่ใหญ่กว่าทำลาย ข้าก็แค่เห็นความจริงเร็วกว่าพวกเจ้า!”
  “ปิงหวูชิงเจ้ามีพรสวรรค์ดี ข้าแนะนำให้เจ้าทิ้งตำหนักโลหิตโดยเร็วจะดีกว่า มีโอกาสที่ยิ่งใหญ่กว่ารอเจ้าอยู่!”
  ปิงหวูชิงตอบอย่างไม่สนใจ
  “ใยข้าต้องให้ทรราชย์อย่างเจ้ามาห่วงใยอนาคตของข้า?เจ้าเอาเวลาไปคิดว่าจะมีชีวิตรอดจากแดนมณียังไงดีกว่า!”
  “ฮ่าๆๆๆๆๆ!”
  เสียงหัวเราะดังออกมาจากปากเฉียนเฟิง
  “กลับกันแล้ว!พวกเจ้านั่นแหละคือคนที่ต้องคิดว่าจะหาทางมีชีวิตรอดออกจากแดนมณียังไง ไม่ใช่พวกข้า!”
  เฉียนเฟิงสายตาราวกับอสรพิษร้ายมันเปล่งแสงสีเลือดออกมา