ตอนที่ 1102 คมดาบของปีศาจ (1)

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1102 คมดาบของปีศาจ (1) โดย Ink Stone_Fantasy

“จากรายงานที่มีอยู่ทั้งหมดตอนนี้ ทีมที่ปรึกษาได้ข้อสรุปคร่าวๆ ออกมาดังนี้…” เอดิธส์เคาะโต๊ะพร้อมพูดออกมา “การจุดไฟครั้งนี้อาจจะเป็นแผนเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อโจมตีอีกด้านหนึ่ง”

“เบี่ยงเบนความสนใจ?” ขวานเหล็กพูดเสียงเข้ม “เจ้าจะบอกว่าเป้าหมายของพวกศัตรูไม่ใช่เพื่อตัดเส้นทางขนส่งของกองทัพเหรอ?”

“ปีศาจอยากทำ แต่พวกมันทำไม่ได้” เอดิธส์ชี้ไปบนแผนที่ “ระยะทางจากซากเมืองทาคิลามายังทิศเหนือของสถานีปลายทางในป่านั้นไกลมากกว่า 500 กิโลเมตร ซึ่งไกลกว่ารางรถไฟบนที่ราบมาก อย่างนั้นพวกมันต้องขนเอาหมอกแดงมาเท่าไรถึงจะเดินทางมาถึงจุดวางเพลิงพร้อมซุ่มโจมตีได้? ข้าคิดว่าแม่มดของทาคิลาก็คงจะรู้ดีเช่นเดียวกัน”

“ถ้าไม่สร้าง ‘เรดไลน์’ สำหรับจ่ายหมอกแดง แล้วก็ไม่มีหอสังเกตการณ์ล่ะก็ กองทัพของพวกมันไม่มีทางจะเดินทางมาได้ไกลขนาดนี้แน่” ฟิลลิสซึ่งเป็นตัวแทนของทาคิลาชะงักไปเล็กน้อย “จากประสบการณ์ที่ผ่านมาก ขีดจำกัดของพวกปีศาจอยู่ที่ประมาณ 500 ตัว”

“ส่วนสถานีปลายทางในป่าก็เป็นแนวป้องกันที่มีความเพียบพร้อม จะเรียกว่าเป็นป้อมปราการขนาดย่อมก็ยังได้” เอดิธส์พูดต่อว่า “ฝ่าบาททรงเคยวางแผนเอาไว้นานแล้ว ทันทีที่ศัตรูจุดไฟเผาป่า คุณหนูลีฟก็จะสร้างแนวสกัดไฟขึ้นมาและทำให้ไฟมันหยุดอยู่ที่ด้านนอกสถานี ซึ่งแนวสกัดไฟนี้จะกลายเป็นสนามยิงปืนตามธรรมชาติให้กับเรา ไม่มีอะไรบดบัง ไม่มีอะไรมาเป็นที่กำบัง ถ้าปีศาจมันบุกเข้ามาก็ไม่ต่างอะไรกับการเข้ามาหาที่ตาย”

“แต่สมมติว่าพวกมันมีวิธีในการทำลายเส้นทางขนส่งของเราและยกทัพบุกเข้ามาในป่าเร้นลับได้จริงๆ อย่างนั้นการจุดไฟมันจะกลับกลายเป็นกลายเป็นการเปิดเผยความเคลื่อนไหวของพวกมันเอง” เฟร์รานพูดเสริมขึ้นมา “ถ้าพวกมันรอบุกโจมตีในเวลากลางคืน บางทีอาจจะได้ผลที่ดีกว่า เพราะว่าป่าจะกลายเป็นเหมือนที่กำบังให้กับพวกมัน ก่อนที่พวกมันจะบุกเข้ามาถึงอาณาเขตที่ท่านลีฟควบคุมอยู่ เราจะสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของพวกมันได้ค่อนข้างยากลำบาก”

“มีเหตุผล…” ขวานเหล็กพยักหน้า “แต่ว่าทั้งซิลเวีย ไลต์นิ่งกับเมซี่ต่างก็ไม่พบร่องรอยของปีศาจตรงแนวหน้าเลย ถ้าตอนนี้พวกมันเพิ่งคิดจะบุกโจมตีสถานีหมายเลขหนึ่งอีกครั้ง เกรงว่าคงจะสายไปเสียแล้ว”

“นี่เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พวกเรายังไม่เข้าใจ บางทีศัตรูอาจจะมีวิธีในการสอดแนมแบบใหม่ หรือไม่ก็มีอาวุธใหม่ที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน” เอดิธส์พูดอย่างเปิดเผย “แต่แผนเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อโจมตีอีกฝั่งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสถานีหมายเลขหนึ่งเสมอไป”

“เจ้าหมายถึง…สถานีหมายเลขศูนย์?”

“การสอดแนมของพวกเราในตอนนี้เน้นหนักไปที่แนวหน้าที่กำลังวางรางรถไฟอยู่ ดังนั้นพวกเราจึงไม่อาจตัดความเป็นไปได้นี้ทิ้งไปได้”

“แต่ระยะทางยิ่งไกล จำนวนปีศาจที่บุกเข้ามาก็จะมีจำกัด” ขวานเหล็กพูดเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“ถูกต้อง” เอดิธส์พูดอย่างมั่นใจ

“ข้าเข้าใจแล้ว” ผู้บังคับบัญชานิ่งเงียบไปครู่ ก่อนจะสั่งการออกไป “หลังจากที่ฝ่าบาทอันนาเสด็จกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ก็ให้แบล็คริเวอร์หมายเลขหนึ่งไปประจำอยู่ที่สถานีหมายเลขศูนย์ ส่วนแบล็คริเวอร์หมายเลขสองให้วิ่งลาดตระเวนไปมาระหว่างสถานีหมายเลขศูนย์กับหมายเลขหนึ่ง หน่วยที่เหลือเพิ่มการเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นอีกระดับจนกว่าสัญญาณเตือนจะถูกยกเลิก นอกจากนี้ถึงแม้โอกาสที่ปีศาจจะบุกมาจากทางด้านเหนือของป่าจะมีไม่สูงนัก แต่ไฟที่ไหม้อยู่ก็ควรรีบดับมันจะดีกว่า” เขาหันหน้าไปทางอกาธา “เรื่องนี้รบกวนพวกเจ้าได้หรือเปล่า”

“วางใจได้ พวกข้าจะพยายามเต็มที่” แม่มดน้ำแข็งตอบ

“ดีมาก แนวหน้าให้คงการตรวจตราเอาไว้เหมือนเดิม หลักๆ ให้เน้นไปทางทาคิลา คุณหนูซิลเวีย…”

“ข้าจัดการเอง” ซิลเวียพยักหน้า

ขวานเหล็กปรบมือ “เมื่อดูจากความเร็วในการลามเข้ามาของไฟแล้ว คาดว่าน่าลามมาถึงสถานีปลายทางในป่าตอนช่วงหัวค่ำ ถ้าปีศาจมันไม่รู้ว่าคุณหนูลีฟสามารถสร้างแนวสกัดทะเลเพลิงได้ด้วยตัวคนเดียว อย่างนั้นมันก็น่าจะเผยเขี้ยวเล็บออกมาตอนที่ตะวันตกดินไปแล้ว ตอนนี้พวกเรายังมีเวลาอีกประมาณชั่วโมงหนึ่ง ทุกคนไปเตรียมตัวได้!”

…..

ซิลเวียยืนอยู่บนยอดหอสังเกตการณ์ภายในค่าย เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นอันแผ่นเบาจากสายลมที่พัดโชยเข้ามา

พระอาทิตย์ค่อยๆ คล้อยไปทางตะวันตก ท้องฟ้าเกือบครึ่งกลายเป็นสีแดง ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่เหมือนถูกย้อมไว้ด้วยสีสามสี ส่วนที่ไกลที่สุดกลายเป็นสีทอง ส่องประกายรับกับพระอาทิตย์ ส่วนที่ใกล้เข้ามาหน่อยกลายเป็นเหมือนทะเลดอกไม้สีม่วง ส่วนพื้นหญ้าที่อยู่ใต้เถ้าถูกเงามืดบดบังกลายเป็นสีน้ำเงินดำ ซึ่งนี่ก็เป็นสีที่บ่งบอกว่าเวลากลางคืนคืบใกล้เข้ามาแล้ว

ภาพอันงดงามเช่นนี้คงจะพบเห็นได้แค่ใน ‘แผ่นดินรกร้าง’ ที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาเท่านั้น

แต่มันก็เป็นการนับถอยหลังก่อนจะเข้าสู่สงครามเช่นเดียวกัน

ทุกวินาทีที่พระอาทิตย์คล้อยตกไป นั่นหมายถึงพวกศัตรูกำลังคืบใกล้เข้ามา

เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่งดงามพลันดูหม่นหมองลงไปทันที สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟัน

ซิลเวียหันหน้าไปมองทางตะวันตกเฉียงใต้ ถึงแม้ป่าเร้นลับจะไม่ได้อยู่ในขอบเขตการตรวจตราของดวงตาแห่งเวทมนตร์ แต่เธอก็ยังคอยแอบเหลือบมองดูบ้างเป็นบางครั้ง ส่วนเหตุผลที่ทำเช่นนั้นเธอเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เธอเพียงแต่รู้สึกแอบกังวลอยู่ในใจลึกๆ

เมื่อลองนึกย้อนดู ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ของทีมที่ปรึกษาหรือว่าคำสั่งของขวานเหล็กก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรข้อบกพร่องอะไรเลย ปีศาจที่ไม่มีท่อส่งหมอกแดงจะยิ่งอ่อนแอเมื่อระยะทางยิ่งไกล ถ้าพวกมันบุกเข้ามาโจมตีสถานีปลายทางในป่ากับสถานีหมายเลขศูนย์จริงๆ ทหารที่ประจำการอยู่ก็จะสามารถยื้อสถานการณ์เอาไว้จนกระทั่งกองหนุนมาช่วยเหลือได้ ดังนั้นจุดที่ศัตรูจะทุ่มกำลังบุกมาโจมตีได้มากที่สุดก็ยังคงเป็นด้านหน้าของรางรถไฟ

แต่ทำไม…ภายในใจเธอยังคงรู้สึกกังวล?

ซิลเวียส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดฟุ้งซ่านภายในหัวออกไป ในขณะที่เธอกำลังกวาดตามองดูแนวรบด้านหน้าอีกครั้ง หางตาของเธอพลันมีแสงไฟปรากฎขึ้นมา

แสง?

เป็นไปได้ยังไง…?

เธอลืมตาโตอย่างแปลกใจพร้อมกับหันหน้ามองไปทางแสงไฟ มันเป็นสีแดงเหมือนกับเปลวเพลิงที่ลุกโชนและกำลังพุ่งไปทางด้านทิศใต้อย่างรวดเร็ว

แปลก ตาลายเหรอ?

ดวงตาแห่งเวทมนตร์ไม่น่าจะมองเห็นได้ไกลขนาดนั้นนี่นา

ถูกต้อง เธอมองไม่เห็น ภาพสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่ในทัศนวิสัยของเธอยืนยันในจุดนี้ หลังเลยขอบเขตการสำรวจออกไปแล้ว ดวงตาเวทมนตร์จะสูญเสียความสามารถในการมองทะลุไป และมุมมองจะกลับมาเป็นเหมือนปกติ ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีแสงหรือมีแสงน้อย เธอจะไม่สามารถแยกแยะจุดเชื่อมของพื้นดินกับผืนป่าได้อย่างชัดเจน ส่วนใหญ่มันจะกลายเป็นสีดำทั้งหมด และก็ด้วยเหตุนี้ แสงไฟที่ว่าจึงดูสะดุดตาอย่างมาก

ในเมื่อเธอไม่ได้ตาฝาด อย่างนั้นสิ่งที่เธอเห็นมันคืออะไร…

ทันใดนั้นซิลเวียรู้สึกได้ถึงไอเย็นที่แผ่ขึ้นมาจากใต้เท้าและลามขึ้นมาถึงสันหลัง มันทำให้เธอตัวสั่นขึ้นมาอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้

เธอรู้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองกังวลมันคืออะไร

ซึ่งนั่นก็เป็นจุดหนึ่งที่ทุกคนมองข้ามกัน

สิ่งที่เธอมองเห็นคือพลังเวทมนตร์!

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นพลังเวทมนตร์ที่ทรงพลังอย่างมากด้วย….

ที่ระยะการมองเห็นของดวงตาแห่งเวทมนตร์มีอยู่อย่างจำกัดก็เนื่องมาจากร่างกายของเธอยังไม่สามารถแสดงพลังออกมาได้มากกว่านี้ แต่ในตอนที่มีแหล่งกำเนิดพลังเวทมนตร์อันแข็งแกร่งปรากฏขึ้นมา ถึงแม้จะอยู่นอกระยะการสำรวจของดวงตาเวทมนตร์ แต่ปฏิกิริยาของแหล่งกำเนิดพลังเวทมนตร์นั้นก็ยังส่งมาถึงดวงตาแห่งเวทมนตร์และ ‘ถูก’ เธอมองเห็นได้ ก็เหมือนกับแสงไฟที่ส่องผ่านเข้ามาในดวงตาถึงแม้จะหลับตาอยู่!

การที่เธอสามารถมองเห็นมันได้จากระยะนี้ พลังเวทมนตร์ของอีกฝ่ายนั้น….แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่!

ปีศาจแห่งคำสาป

ภายในหัวซิลเวียมีชื่อนี้ปรากฏขึ้นมา

สิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์ที่มีรูปร่างเหมือนคนและเป็นผู้บังคับบัญชาของกองทัพปีศาจ ในอดีตที่ผ่านมาปีศาจที่เป็นแม่ทัพจะเป็นหัวใจสำคัญของกองทัพ ในขณะที่สองทัพกำลังฆ่าฟันกันอยู่ มันจะทำหน้าที่เป็นคนเล่นหมากรุกที่คอยควบคุมเบี้ยในมือเพื่อเอาชนะ มีน้อยครั้งมากที่พวกมันจะลงมาในสนามรบด้วยตัวเอง

แต่พวกเธอกลับลืมไปว่าอีกฝ่ายนั้นก็เป็นปีศาจระดับสูงที่แข็งแกร่งอย่างมากเช่นเดียวกัน ตัวมันมีความสามารถในการต่อสู้ที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

และในเวลานี้ ความเร็วในการเคลื่อนไหวของดวงไฟสีแดงกำลังเร็วขึ้น ความเร็วของมันเร็วกว่าเมซี่ในตอนที่แปลงร่างเป็นอสูรสยองเกือบสามเท่า

อีกฝ่ายนั้นตั้งใจพุ่งตรงเข้าไปหาลีฟตั้งแต่แรกแล้ว!

“หนี…รีบหนีเร็ว…” ซิลเวียตะโกนออกมาเสียงดัง “รีบหนีเร็ว ลีฟ!”

……………………………………………………………