ตอนที่ 1103 คมดาบของปีศาจ (2)

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1103 คมดาบของปีศาจ (2) โดย Ink Stone_Fantasy

แต่ที่ระยะนี้อีกฝ่ายไม่มีทางได้ยินเสียงเตือนของเธอแน่นอน

ส่วนความเร็วของจุดสีแดงก็เพิ่มขึ้นมากกว่า แถมยังมีความชัดเจนมากกว่าเดิมด้วย

ทำยังไงดี?

ใช่ ใช่แล้ว…โทรศัพท์! ใช้โทรศัพท์โทรไปหาลีฟได้!

ซิลเวียรูดเสาจากบนหลังคาลงมายังห้องประชุมใต้ดิน ก่อนจะตะโกนบอกเฟร์รานว่า “รีบโทรหาลีฟเร็ว บอกให้นางรีบออกมาจากตรงนั้น!”

น่าจะเป็นเพราะรู้ว่ากำลังมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น เฟร์รานจึงยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาโดยไม่ถามอะไร จากนั้นจึงหมุนโทรศัพท์โทรไปหาลีฟ “ออกมา….แล้วจะให้ไปที่ไหน?”

“ที่ไหนก็ได้! เนเวอร์วินเทอร์ ทิศใต้ของป่า…ยิ่งไกลจากสถานีปลายทางยิ่งดี!”

ในเวลานี้สายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาที่ตัวซิลเวีย

“เจ้าเห็นอะไรอย่างนั้นเหรอ?” เอดิธส์ถาม

“พวกเราเดาผิดแล้ว ศัตรูมันพุ่งไปหาลีฟ แถมยังมีแค่ตัวเดียวด้วย!” ซีลเวียรีบมองไปทางตะวันตกเฉียงใต้อย่างร้อนใจ “ตอนที่ลีฟกำลังควบคุมป่าอยู่ นางจำเป็นต้องรวบรวมสมาธิ ในเวลานี้ขอเพียงศัตรูมองเห็นการไกลเวียนของพลังเวทมนตร์ มันก็จะสามารถรู้ถึงตำแหน่งของนางได้! ที่พวกมันเผาป่าก็เพื่อรอเวลานี้!”

“อะไรนะ?” เอดิธส์ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “หรือว่าเจ้ามองเห็นปีศาจจากตรงนี้ได้?”

“เพราะว่าพลังเวทมนตร์ของมัน…แข็งแกร่งอย่างมากน่ะสิ” เธอพูดพึมพำออกมา

“แต่ท่านลีฟก็แข็งแกร่งอย่างมากนี่นา” เฟร์รานพูดแทรก “ถ้าไม่ใช้ไฟล่ะก็ ต่อให้เป็นกองทัพปีศาจก็ยากที่จะทำอะไรนางได้ในเวลาสั้นๆ ไม่ใช่เหรอ?”

“แต่ในเมื่อศัตรูทำแบบนี้แล้ว เราก็ต้องเตรียมการป้องกันเอาไว้..” ซิลเวียกำหมัดแน่น จุดสีแดงในสายตาของเธอเริ่มลอยขึ้นไปด้านบน วิถีการเคลื่อนไหวของมันเหมือนกับหัวงูที่ชูขึ้นอย่างไรอย่างนั้น “ยังไม่รับโทรศัพท์เหรอ?”

“ใช่…ทางนั้นไม่มีคนรับ”

อย่างที่คิดไว้เลย ลีฟถูกไฟดึงสมาธิไปจนหมดงั้นเหรอ? จากความเร็วอันนี้ อย่างมากก็เหลือเวลาอีก 1 – 2 นาทีก่อนที่ทั้งสองจะเจอกัน!

“โทรไปที่สถานีปลายทาง” เอดิธส์พูด “ให้กองทัพที่หนึ่งที่ประจำการอยู่ที่นั่นแจ้งลีฟ แล้วก็ให้พวกเขาเพิ่มระดับการป้องกันด้วย”

“รับทราบ” เฟร์รานหมุนตัวไปหมุนโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่ง

ในขณะที่กำลังรอคอยอย่างร้อนใจ ซิลเวียมองเห็นแสงสีแดงข้ามยอดไม้ไป ก่อนจะพุ่งตกลงไปที่พื้นเหมือนกับอุกกาบาต

บุกโจมตีตรงๆ จากบนฟ้างั้นเหรอ…..

ภายในใจเธอเหมือนจะเดาคำตอบที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว

เกรงว่าศัตรูคงจะเป็น….ผู้พิฆาตเวทมนตร์!

…..

แบบนี้ก็น่าจะใช้ได้แล้วทั้ง ลีฟปัดมือพร้อมถอนหายใจออกมา

ต้นไม้ริมค่ายทหารแยกตัวออกห่างจากป่าทางด้านทิศเหนือ แบบนี้ไม่ว่าไฟจะแรงแค่ไหนก็จะไม่สามารถทำอะไรสถานีปลายทางได้

เพียงแต่ตอนที่เห็นต้นไม้ใบหน้าที่บิดม้วนอยู่ในเปลวไฟ เธอยังคงรู้สึกเจ็บปวด

ถ้าต้นไม้ที่โดนเผาคือต้นไม้ที่เธอควบคุมอยู่ เธอจะสูญเสียความทรงจำไปเท่าไร? แล้วจะเหลือความทรงจำที่สำคัญ ความทรงจำที่ล้ำค่าอยู่เท่าไร?

คำถามนี้แค่คิดๆ ก็ทำให้เธอรู้สึกแย่แล้ว

สู้มัน ลีฟ!

หลังจากนี้ยังต้องเตรียมตัวดับไฟอีก!

เธอพูดให้กำลังใจตัวเอง ในขณะที่เธอกำลังจะไปสำรวจดูรอบๆ ค่ายว่ามีอะไรที่ตัวเองพอจะช่วยเหลือได้บ้าง ด้านบนหัวเธอพลันมีเสียงหวีดดังขึ้นมา

ลีฟเงยหน้าขึ้นใน แต่ตอนนี้ใกล้จะเป็นเวลากลางคืนแล้ว ท้องฟ้ากลายเป็นสีม่วงคล้ำ ยากที่จะมองเห็นได้ว่าเสียงที่ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร

“ระวัง รีบหลบเร็ว!” จู่ๆ พลันมีเสียงคนตะโกนขึ้นมา

ลีฟรีบหลบเข้าไปในต้นไม้ทันทีโดยที่ยังไม่ทันได้หันไปดูว่าคนที่พูดเป็นใคร ขณะเดียวกัน เงาดำสายหนึ่งก็ร่วงตกลงมาจากบนฟ้า ก่อนจะเฉียดหน้าเธอไปเพียงนิดเดียว ต้นไม้ที่อยู่รอบๆ หักโค่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ในตอนที่เงาดำร่วงตกลงไปที่พื้นนั้นไม่มีเสียงที่ดังสนั่นแต่อย่างใดๆ เรียกได้ว่าเงียบเชียบอย่างมาก ภาพเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ทำเอาลีฟรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างรุนแรง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไร คลื่นที่บิดเบี้ยวลูกหนึ่งแผ่กระจายออกมาจากเงาดำที่ว่า

พลังเวทมนตร์ที่เดิมทีไหลเวียนได้อย่างลื่นไหลพลันจับตัวแข็งขึ้นมาทันที

หลังจากนั้นก็เหมือนกับบานกระจกที่แตกออก!

“อ๊ากกกก!”

ลีฟรู้สึกเหมือนโลกหมุน ก่อนจะถูกพลังอันแข็งแกร่งที่ไม่สามารถต้านทานได้ผลักออกมาจากต้นไม้

หลังกระเด็นกลิ้งไปบนพื้นอย่างแรง ภายในลำคอเธอพลันรู้สึกได้ถึงความหวาน เธออ้าปาก เลือดสดๆ ไหลทะลักออกมา

ในเวลานี้เอง ลีฟถึงได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน

มันเป็นปีศาจที่มีรูปร่างสูงใหญ่และใบหน้าที่ดูดี ถ้าตัดผิวที่มีเป็นสีน้ำเงินกับเสื้อผ้าแปลกๆ ออกไปแล้ว มันก็แทบจะไม่ได้ต่างอะไรจากมนุษย์เลย เพียงแค่มันยืนอยู่ตรงนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความกดดันอย่างที่ยากจะบรรยายได้แล้ว

เหมือนกับอากาศจับตัวแข็งขึ้นมา

ลีฟพยายามฝืนลุกขึ้นยืน ไม่ว่าภายในใจจะร้องเรียงอย่างไร ป่าก็ไม่ตอบสนองต่อคำเรียกของเธอ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกบีบให้ตัดขาดการเชื่อมต่อกับหัวใจแห่งป่า

“ผู้พิฆาตเวทมนตร์…” หัวใจเธอร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ส่วนอีกฝ่ายนั้นไม่มีการยิ้มเย้ยหยัน ไม่มีการส่งเสียงคำราม มันเพียงแค่ยื่นกรงเล็บอันแหลมคมออกมา ก่อนจะพุ่งเข้ามาหาเธอ

ลีฟกัดฟันพร้อมหลับตา

แต่ความรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่เธอคิดเอาไว้ก็ไม่ได้เกิดขึ้น

“เคร้ง!”

ดาบยักษ์รูปร่างแปลกประหลาดเล่มหนึ่งมากันอยู่ด้านหน้าของเธอ กรงเล็บอันแหลมคมของอีกฝ่ายถูกหยุดเอาไว้ ตัวดาบที่หนาเหมือนกับบานประตูกับสัญลักษณ์พระอาทิตย์ที่เปล่งประกายสีทองอยู่บนตัวดาบทำให้เธอรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือใคร

‘ทูตเอชแชส’

“คู่ต่อสู้ของเจ้าอยู่นี่ เจ้าสัตว์ประหลาด!” หลังแอชเชสปัดกรงเล็บของผู้พิฆาตเวทมนตร์ออกไป เธอก็มายืนขวางอยู่ด้านหน้าลีฟ

“อะ แอชเชส?” ลีฟลืมตาโตอย่างประหลาดใจ “เจ้าไม่ได้กลับไปเมืองเนเวอร์วินเทอร์พร้อมกับเจ้าหญิงทิลลีเหรอ? แต่ข้าเห็นซีกัล…”

“อืม เดิมมันควรเป็นอย่างนั้นนั่นแหละ” แอชเชสตอบโดยไม่หันหน้ากลับมา “แต่ข้ารู้สึกว่าไฟไหม้ครั้งนี้มันมีอะไรแปลกๆ ก็เลยขอเจ้าหญิงทิลลีอยู่ที่นี่ เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ข้าก็ยังพอจะช่วยอะไรได้ใช่ไหมล่ะ?”

อย่างนี้นี่เอง เสียงเตือนก่อนหน้านี้ก็เป็นของเธอสินะ!

“อย่างนั้น นี่คือผู้พิฆาตเวทมนตร์ที่พวกเจ้าเคยเจองั้นเหรอ?”

“ใช่ แต่เจ้าต้องระวังนะ มันแข็งแกร่งกว่าปีศาจระดับสูงที่เราเคยเจอมาก!”

“จุดนี้ข้าเองก็มองออก” แอชเชสยกดาบมากันไว้ตรงหน้าอก “วางใจได้ เราอาจจะเอาชนะไม่ได้ แต่ขอเพียงยื้อเอาไว้จนกองหนุนมาช่วยได้ก็พอ”

ปีศาจมองไปทางค่ายทหาร ก่อนจะหันมามองทั้งสองคนด้วยสายตาเยือกเย็น “อมนุษย์…เหรอ?”

ถึงแม้มันจะออกเสียงกุกๆ กักๆ แต่ว่านั่นเป็นภาษาที่มนุษย์ฟังเข้าใจอย่างแน่นอน นี่ทำให้ทั้งสองคนยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่

ในสงครามแห่งโชคชะตาอันยาวนาน ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ที่ปีศาจคุยกับแม่มดมาก่อน!

“เจ้า…พูดภาษาพวกเราได้อย่างนั้นเหรอ?” ลีฟอดถามขึ้นมาไม่ได้

“การเรียนรู้คือพื้นฐานของการวิวัฒนาการ มีแต่เพียงเจ้าเท่านั้นแหละที่รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้” ปีศาจระดับสูงกางสองมือออก “ช่วงเวลาหลายร้อยปีสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ตั้งมากมาย แต่พวกเจ้ากลับเหมือนใช้ชีวิตเหมือนย่ำอยู่กับที่อย่างไรอย่างนั้น ทั้งปีศาจ อมนุษย์ คำเรียกที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ช่าง…น่าสมเพศเสียจริงๆ”

“เจ้าว่าอะไรนะ?” แอชเชสตะคอก

แต่สิ่งที่ตอบเธอกลับมากลับเป็นกระแสลมอันรุนแรง!

แอชเชสไม่เพียงแต่จะไม่ถอย ห่างแต่ฝ่าสายลมพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับเหวี่ยงดาบยักษ์ใส่ศัตรูอย่างแรง พายุหมุนที่สร้างขึ้นมาจากเวทมนตร์สลายตัวไปทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าหินอาญาสิทธิ์ แต่ปีศาจกลับหายตัวไปเสียแล้ว

………………………………………………………………………….