ตอนที่ 128-4 สกุลหนานกง พวกเรามาแล้ว!!

จำนนรักชายาตัวร้าย

คิดได้ดังนั้น ตี้อูหยวนจึงรีบออกไปตามหาที่มาที่ไปของเทพอัคคีเมื่อครู่ในทันที แต่ใครเล่าจะคาดคิดว่าเขาเที่ยวตามหาไปเสียทั่ว ทว่า อย่าว่าแต่ตัวเทพอัคคีเลย แม้แต่เงาของเทพอัคคีเขาก็ยังไม่เห็น

 

 

หรือว่าเขามีวาสนาเพียงแค่ได้พบพานกับเทพอัคคีแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น?

 

 

ตี้อู่หยวนไม่ยอม! เขาต้องตามหาเทพอัคคีให้พบ จะต้องครอบครองเทพอัคคีกลายเป็นนายของเทพอัคคีให้จงได้!

 

 

ทางด้านอวี้เฟยเยียนไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าเจ้าไฟบรรลัยกัลป์ของตนเองได้ถูกตีตราจองจากตี้อู่หยวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

เมื่อครู่ติ่งที่ใช้เสียหายไปเสียหายไป ยังดีที่นางมีสำรอง

 

 

รอจนกระทั่งเจ้าไฟบรรลัยกัลป์กลับเข้าสู่ร่างของนางเรียบร้อย อวี้เฟยเยียนจึงได้เริ่มปรุงยา โดยใช้วิธีการโบราณที่สืบทอดต่อกันมา จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืน ถึงได้ยาสำเร็จออกมา

 

 

“ชู่ว์!”

 

 

เมื่อจัดการเก็บยาเรียบร้อย อวี้เฟยเยียนก็บิดเอวแก้เคล็ดขัดยอก

 

 

ยังไม่ทันที่นางจะได้หายใจหายคอ ซย่าโหวฉิงเทียนที่อ่านหนังสืออย่างเงียบสงัดอยู่ข้างกายนางมาโดยตลอดก็ทิ้งหนังสือในมือลงทันที แล้วอุ้มนางขึ้นวางลงบนเตียงส่วนตัวเขาทาบทับลงมา

 

 

“เดี๋ยว…” อวี้เฟยเยียนยังมิทันกล่าวจบ ริมฝีปากก็ถูกบดขยี้อย่างเร่าร้อนทันที

 

 

“แมวน้อย พวกเรามามีความสุขร่วมกันเถอะ”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนยิ้ม แล้วผ้าม่านของเตียงก็ถูกลปดลง เขาใช้พละกำลังทางร่างกายและการกระทำของตนแสดงออกถึงความรักอันลึกซึ้งที่มีต่ออวี้เฟยเยียนออกมา

 

 

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ จึงได้เริ่มมีเสียงอ้อนวอนอย่างออดอ้อนของอวี้เฟยเยียนดังออกมาจากบนเตียง

 

 

“ฉิงเทียน ฟ้าสางแล้วพวกเรายังต้องไปที่สกุลหนานกงอีกนะ อย่า…”

 

 

“ไม่เป็นไร เจ้านอนเถอะ พี่ยังมีเรี่ยวแรงเต็มพิกัด! ไม่นอนทั้งคืนยังไม่เป็นอะไรด้วยซ้ำ!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนประคองเอวน้อยๆของอวี้เฟยเยียนขึ้นมา เส้นผมสีเทาของเขาปรกที่แผ่สยายบนเรือนร่างของอวี้เฟยเยียน ละเลียดกับผิวพรรณนวลเนียนขาวอมชมพูระเรื่อของอวี้เฟยเยียน สิ่งที่เห็นราวกับภาพวาดที่งดงามสมบูณ์ไร้ที่ติก็ไม่ปาน

 

 

ได้ยินเช่นนั้น อวี้เฟยเยียนก็แทบน้ำตาเล็ด

 

 

เช่นนี้แล้ว ข้าจะได้นอนกับเขาไหม? คราวนี้อวี้เฟยเยียนตระหนักได้ในทันทีว่า สำเร็จเพียงปรมาจารย์นั่นแหละดีอยู่แล้ว

 

 

ร่างกายที่ยัง ‘อ่อนแอ’ ขณะที่เป็นปรมาจารย์นั้น ทนรับกับการสอดใส่ของซย่าโหวฉิงเทียนไม่ค่อยไหว ทำให้นางหมดเรี่ยวแรงจนสลบไปในที่สุด เช่นนั้นนางจึงยังได้นอนหลับพักผ่อนสักตื่นหนึ่ง

 

 

ตอนนี้นางสำเร็จขั้นปลายของจอมปราชญ์อาวุโสแล้ว พละกำลังยอดเยี่ยม สดชื่นกระปรี้กระเปร่ามากเช่นนี้ จึงสามารถสนองความปรารภนาของซย่าโหวฉิงเทียนได้เป็นอย่างดี

 

 

“ขอร้องละ… “

 

 

อวี้เฟยเยียนสะอึกสะอื้น เสียงอ่อนเสียงหวานเอ่ยอดอดอ้อน มือน้อยที่อ่อนนุ่มของนางลูบไล้ใบหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนแผ่วเบา และเพราะเนื่องจากมีเหงื่อซึมออกมาที่ฝ่ามือ ดังนั้นใบหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนจึงเปียกชื้นเล็กน้อย

 

 

“ปล่อยข้าเถอะ! ข้าไม่อยากจะเดินขาสั่นไปพบหลิงเอ๋อร์ เพราะนางจะต้องหัวเราะข้าอย่างแน่นอน!”

 

 

“ได้ ขอเพียงครั้งเดียว!” ซย่าโหวฉิงเทียนเห็นใจนางเช่นนี้ ทำให้อวี้เฟยเยียนดีใจยิ่งนัก

 

 

ในเมื่อซย่าโหวฉิงเทียนรับปากว่าคืนนี้ขอเพียงได้ขึ้นสวรรค์เพียงครั้งเดียวก็จะปล่อยนาง ดังนั้นอวี้เฟยเยียนจึงยินยอมให้เขาได้เป็นผู้นำทางในการแสดงความรักต่อกันแม้ว่าจะเป็นท่าทางต่างๆนานาที่น่าเขินอายก็ตามที

 

 

เพียงแต่ว่าเพียงครั้งเดียวของซย่าโหวฉิงเทียนกว่าจะจบลงก็ปาเข้าไปจนกระทั่งฟ้าสว่าง

 

 

มองดูสีหน้าที่เปี่ยมสุขที่และดูพึงพอใจเสียเต็มประดาของซย่าโหวฉิงเทียนภายหลังจากที่สวมใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย อวี้เฟยเยียนถึงกับประคองเอวน้อยๆที่จวนเจียนจะขาดของตนเองขึ้นมาพร้อมกับกำหมัดแล้วต่อยไปที่หมอนอย่างแรง นางใช้หมอนแทนตัวซย่าโหวฉิงเทียนเทียนเพื่อระบายอารมณ์

 

 

หนึ่งคืนหนึ่งครั้ง!

 

 

หนึ่งคืนหนึ่งครั้ง!

 

 

แม่เจ้า นางจะไม่ยอมเล่นเกมส์ใบ้คำจากตัวอักษรกับเขาอีกแล้ว!

 

 

“คนโกหก!”

 

 

“ท่านมันคนร้ายกาจ…” อวี้เฟยเยียนน้ำตาคลอเบ้า ภาพตรงหน้าพร่าเรือนราวกับมีหมอกบางๆปกคลุมอยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้าง

 

 

“เจ้าชอบพี่ที่แสนเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ”! ซย่าโหวฉิงเทียนโน้มตัวลงมา งับที่ใบหูสีชมพูระเรื่อของอวี้เฟยเยียนแผ่วเบา

 

 

“เมื่อคืนนี้ใครกันที่ร้องห่มร้องไห้ตะโกนขอร้องพี่กัน?”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยถึงตรงนี้ทำให้อวี้เฟยเยียนทนไม่ไหวจนต้องเอาหน้ามุดเข้าไปในผ้าห่มทันที

 

 

หมอนี่ วันๆเอาแต่คิดหาวิธีร้อยแปดมาล้อเลียนนาง

 

 

มือหนึ่งประคองฝ่าเท้าเล็กๆจิ้มลิ้มของนาง อีกมือหนึ่งเชยคางของนางขึ้นมาแล้วประจุมพิตอย่างดูดดื่ม ไม่มีคำพูดใดเอ่ยออกมา แต่เขากำลังใช้การกระทำเพื่อบังคับให้นางต้องอ้อนวอนเขา

 

 

เมื่อคิดถึงเหตุการณ์วาบหวามชวนขวยเขินที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ทั้งเนื้อทั้งตัวของอวี้เฟยเยียนก็แดงระเรื่อ ม้วนงอราวกับกุ้งสุกก็ไม่ปาน

 

 

ก่อนแต่งงานซย่าโหวฉิงเทียนเป็นเพียงกระดาษขาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์ไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ แล้วเหตุใดในตอนนี้กลับกลายเป็นภาพชุนกงถูที่ลงน้ำหมึกดำจนเข้มข้นเจนจัดไปได้

 

 

เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนี้กัน!

 

 

ก่อนหลังแตกต่างกันลิบลับเกิน!

 

 

คืนเสี่ยวฉิงฉิงที่แสนบริสุทธิ์มาให้นางเดี๋ยวนี้นะ!

 

 

อวี้เฟยเยียนตกอยู่ในสภาวะเขินอายเช่นนั้นอยู่เป็นนาน จนกระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนอุ้มนางขึ้นแนบอก นางก็ยังคงหน้าแดงอยู่อย่างนั้น

 

 

“เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ…”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนยิ้มขณะที่แต่งตัวเกล้าผมให้กับอวี้เฟยเยียน เขาชื่นชอบกลิ่นหอมของดอกไอริสจากกายของนาง ทุกครั้งที่ได้กลิ่นหอมหวานนี้มันจะทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ จนอดไม่ได้ที่จะต้องหลอมรวมเข้าร่างกายเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับนาง

 

 

“พี่รักเจ้า!” ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยแล้วก็สวมต่างหูห้อยระย้าสีชมพูวาวระยับให้กับอวี้เฟยเยียน ซย่าโหวฉงิเทียนโอบกอดนางจากทางด้านหลัง เขาโน้มกายลงมากระซิบที่ข้างหูของางแผ่วเบา

 

 

“เจ้าเป็นของพี่!”

 

 

เจ้าหมอนี่——

 

 

ป่าวประกาศความเป็นเจ้าของ เป็นเรื่องที่สัตว์ป่าตัวผู้เท่านั้นที่จะทำกัน ซึ่งซย่าโหวฉิงเทียนก็แลดูมีความดุร้ายน่าเกรงข้ามเฉกเช่นเดียวกันกับสัตว์ป่าอยู่เต็มพิกัดเสียวด้วย

 

 

บนเตียงก็เหมือน นอกเตียงก็เหมือน

 

 

เพียงแต่เจ้าสัตว์ป่าตัวนี้มีใบหน้าที่เป็นมนุษย์ทั้งยังหล่อเหลาเย่อหยิ่งอีกด้วย แต่แท้ที่จริงเขาเป็นชายเจ้าเล่ห์จอมลากมกโดยสายเลือดต่างหาก! ใช่ ผู้ชายเจ้าเล่ห์จอมลามก! อวี้เฟยเยียนแลบลิ้นปลิ้นตาให้กับซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

“เรี่ยวแรงยังดีเช่นนี้ เห็นทีว่าครั้งเดียวคงจะไม่พอ!” ซย่าโหวฉิงเทียนมีวิธีการตอบโต้การแยกเขี้ยวยิงฟันของอวี้เฟยเยียนได้อย่างชะงัดนัก

 

 

ซึ่งก็จริงอย่างที่คาด เมื่อได้ยินดังนั้น อวี้เฟยเยียนก็รีบกลายร่างเป็นสาวน้อยผู้เรียบร้อยน่ารักน่าเอ็นดูในทันที อวี้เฟยเยียนที่รีบทำหน้าตาประจบประแจงเอาอกเอาใจซย่าโหวฉิงเทียนทันทีขณะที่มองมาที่เขา

 

 

“ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว! จริงๆนะ! ท่านพี่ ท่านแข็งแกร่งยิ่งนัก ปล่อยข้าไปเถอะ!”

 

 

อวี้เฟยเยียนออดอ้อนออเซาะ เล่นเอาซย่าโหวฉิงเทียนใจหวิว เขาชอบการที่นางเปลี่ยนแปลงได้ร้อยแปด เขารักที่เป็นทุกอย่างของนาง

 

 

“ก็ได้ วันนี้จะไม่ทำอะไรเจ้า!” กล่าวจบ ซย่าโหวฉิงเทียนก็เริ่มหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ทันที

 

 

หากมิใช่หนานกงจื่อหลิงเกิดเรื่องละก็ ในตอนนี้ซย่าโหวฉิงเทียนคงจะกำลังพาอวี้เฟยเยียนท่องเที่ยวอยู่ที่ใดที่หนึ่งในเมืองอู๋โยวอย่างสบายใจไปแล้ว

 

 

เขาและนางไม่จำเป็นต้องสนใจคืนวันว่าจะมืดหรือสว่าง เขาและนางสามารถทำตามที่ใจปรารถนา เขาและนางจะผูกพันธ์แน่นแฟ้นกันมากขึ้น ได้ทำในสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายมีความสุข

 

 

แต่ชีวิตที่แสนสุขของพวกเขาก็มักจะมีอะไรมาขัดขวางอยู่ตลอด

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของซย่าโหวฉิงเทียนก็อัดแน่นไปด้วยความโกรธเคือง แต่กลับไม่มีที่จะให้ระบายมันออกมา

 

 

วันนี้นับเป็นวันดีที่จะเดินทางไปที่สกุลหนานกง เพื่อจะได้ไปคิดบัญชีกับหนานกงอ๋าวและซย่าจื่ออวี้ให้แล้วเสร็จ ระบายไฟแค้นออกไปจากใจ

 

 

ในเมื่อพวกเขาถึงกับใช้หนานกงจื่อหลิงเป็นเหยื่อล่อ ก็จงเตรียมน้อมรับไฟแห่งความโกรธเคืองของเขาได้เลย!