บทที่ 115 เผชิญหน้าข้าศึก

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม เล่ม 1

บทที่ 115 เผชิญหน้าข้าศึก โดย Ink Stone_Romance

สวบ!

ศรเกาทัณฑ์พุ่งตรงมาจากเส้นขอบฟ้า แหวกอากาศมายังยอดไม้ซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะ แรงนั้นทำให้กิ่งไม้ไหว จนกองหิมะร่วงลงบนพื้น

ความอบอุ่นของต้นฤดูใบไม้ผลิยังไม่มาเยือนดินแดนแถบซีเป่ย หิมะสีขาวยังคงปกคลุมทิวเขาใหญ่ดังเคย

สวบ!

ศรอีกดอกหนึ่งพุ่งเข้ามา ครั้งนี้มิได้ปักลงบนยอดไม้ หากแต่ตกลงบนพื้น ห่างจากร่างของทหารนายหนึ่งซึ่งกำลังนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะเพียงคืบเดียว

ทหารผู้นี้มิได้ขยับแต่อย่างใด เขาไม่ส่งเสียง นอนตัวแข็งทื่ออยู่เช่นนั้น

“อวี๋เฒ่า! อวี๋เฒ่า!” อู๋ซันวิ่งค้อมตัวฝ่าศรเกาทัณฑ์ของซยงหนูซึ่งโหมกระหน่ำประหนึ่งพายุฝน กระโดดลงไปในหลุมหลบภัยที่เพิ่งขุดใหม่

หลุมหลบภัยนี้ไม่ใหญ่ ด้านบนคลุมด้วยกิ่งไม้ที่นำมาวางขัดกัน

อวี๋เซ่าชิงนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านใน ศรดอกหนึ่งทะลุพุ่มไม้ด้านหลังของเขาเข้ามา และเกือบปักลงบนศีรษะของเขา แต่เขากลับมิได้แม้แต่กะพริบตา เขาใช้เวลาทุกวินาทีไปกับการทำ ‘อาวุธ’

อาวุธเหล่านี้ดัดแปลงมาจากศรธนูของทหารซยงหนู บรรจุศรสองสามดอกลงไปในหน้าไม้ขนาดเล็ก ระยะการยิงของหน้าไม้ชนิดนี้ไม่ไกลเท่าไรนัก อีกทั้งความสามารถในการโจมตีก็ไม่อาจเทียบพลธนูมากประสบการณ์ได้ ทว่าหน้าไม้มีข้อได้เปรียบด้านความสะดวก สามารถบรรจุศรได้ห้าดอกต่อครั้ง ลดขั้นตอนในการดึงศร ในยามคับขันสามารถยิงได้ห้าดอก นั่นนับว่าเป็นวิธีการรักษาชีวิตเช่นกัน

“อวี๋เฒ่า…โอ๊ย เวรเอ๊ย!” อู๋ซันเพิ่งนั่งลง ก็มีศรดอกหนึ่งยิงข้ามพุ่มไม้ซึ่งใช้กำบัง อู๋ซันรีบกุมหัวของตนทันที ศรดอกนั้นปักลงบน ‘กำแพงน้ำแข็ง’ ด้านหลังของเขา

อวี๋เซ่าชิงดึงศรดอกนั้นออกมาด้วยสีหน้าราบเรียบ

อู๋ซันไม่อาจทำท่าทางไม่สะทกสะท้านเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ว่าเมื่อไรที่พวกเขาจะถูกฝังกลบใต้ศรเกาทัณฑ์ของพวกซยงหนู จะให้นั่งนิ่งไม่ไหวติงประหนึ่งอรหันต์เข้าฌาณได้อย่างไรกัน

นับเป็นเวลาครึ่งเดือนเต็มๆ ตั้งแต่คืนวันสิ้นปี วันนี้เป็นเทศกาลซั่งหยวน กระนั้นเทศกาลซั่งหยวนของพวกเขาก็ไม่มีทังหยวน ไม่มีครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา มีเพียงศรธนูห่าใหญ่ของชาวซยงหนูซึ่งตามสังหารพวกเขาระลอกแล้ว ระลอกเล่า

หลังจากแม่ทัพเซียวจากไป อวี๋เซ่าชิงก็พาพวกเขาเดินทางออกจากถ้ำ มุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้

ด้วยกลัวว่าควันไฟจะนำทหารซยงหนูมาที่นี่ ร่างไร้วิญญาณของแม่ทัพเซียวก็มิอาจเผาและนำกลับไป จำต้องใช้วิธีเดียวกับทหารคนอื่น ก็คือฝังเอาไว้ใต้ผืนหิมะ

บางทีสุดท้ายแล้วอาจไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาถูกฝังเอาไว้ในหุบเขาอันเงียบงันแห่งนี้ไปตลอดกาล

อู๋ซันพึมพำ “เจ้าว่าถ้าพวกเรากลับมา…จะยังจำหลุมศพของแม่ทัพเซียวได้หรือไม่?”

แม้จะเรียกว่าหลุมศพ แต่ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงหลุมซึ่งราบไปกับหน้าดิน เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ซยงหนูขุดศพขึ้นมาเฆี่ยน พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะก่อดินขึ้นมา ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงป้ายหน้าหลุม

ขณะมีชีวิตอยู่สังหารข้าศึกไปไม่รู้เท่าไร สิ้นลมกลับถูกฝังไว้ใต้พื้นที่รกร้างว่างเปล่า ทุกครั้งที่อู๋ซันนึกถึงสถานที่แห่งนี้ ความเศร้าก็พลันถาโถมเข้ามาในจิตใจ

“ไห่จื่อ ฉางเหมาเอ่อร์ อาอี้…” อู๋ซันนับบรรดาพี่น้องที่ตนฝังร่างเองกับมือ

“เจ้ามาหาข้า มีเรื่องอะไร?” อวี๋เซ่าชิงกล่าวขึ้นขัดความคิดของเขา

อู๋ซันงุนงง ในที่สุดก็นึกได้ว่าตนมาทำอะไร เขาตั้งสติพร้อมกับกล่าวว่า “ต้าหนิวให้ข้ามาบอกเจ้าว่าทหารซยงหนูตั้งค่ายอยู่ที่เชิงเขาแล้ว คืนนี้จะข้ามแม่น้ำมาจัดการพวกเรา”

ภูมิประเทศที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ไม่ดีเท่าไรนัก ไม่รู้ว่าแม่ทัพเซียวพูดกับอวี๋เฒ่าว่าอย่างไร อวี๋เฒ่าจึงไม่ปักหลักที่เดิมเพื่อรอความช่วยเหลือ แต่กลับพาพวกเขาข้ามหุบเขาหิมะ สองวันแรกเป็นไปอย่างราบรื่น วันที่สามก็พบกับทหารซยงหนู

พวกเขาถูกบีบมาจนถึงริมฝั่งแม่น้ำ เดิมทีคิดว่าจะรื้อสะพานทิ้ง คงจะช่วยยื้อเวลาได้ไม่มากก็น้อย ไหนเลยจะรู้ว่าหุบเขาด้านหน้ามีหิมะถล่ม เส้นทางของพวกเขาจึงถูกปิดกั้นทันที

“ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะขุดช่องเขาเสร็จ?” อวี๋เซ่าชิงเอ่ยถาม

อู๋ซันถอนหายใจ “เร็วที่สุดก็พรุ่งนี้เช้า”

ทว่าคืนนี้ พวกซยงหนูจะข้ามแม่น้ำมาแล้ว

มือของอวี๋เซ่าชิงซึ่งกำลังปอกศรธนูหยุดชะงัก “ใครมา?”

อู๋ซันบอกเล่าคำพูดของต้าหนิวทุกคำไม่มีตกหล่น “…รายละเอียดยังไม่ชัด แต่คร่าวๆ ก็เท่านี้”

“เป็นอูเหิงอ๋อง ข้าเคยเห็นเขาประมือกับแม่ทัพเซียว” อวี๋เซ่าชิงกล่าว

“เขาเก่งหรือไม่?” อู๋ซันถาม

อวี๋เซ่าชิงพยักหน้า “ใต้คมมีดของแม่ทัพเซียว ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต เขาเป็นคนแรก”

อู๋ซันตระหนกตกใจ “…ชะ…เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”

อวี๋เซ่าชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฆ่าเขาทิ้ง”

อู๋ซันพูดไม่ออก กล่าวเสียง่าย แต่จะฆ่าเขาได้อย่างไรกัน? อีกฝ่ายมีพลธนูนับร้อย พวกเรายังมิทันได้ประชิดตัวอูเหิงอ๋อง ก็คงถูกยิงตายเสียก่อน

“ตอนนี้จะทำอย่างไร?” อู๋ซันถาม

“รอ”

“รออะไร”

อวี๋เซ่าชิงจ้องหน้าอู๋ซันแล้วตอบว่า “ข้ามแม่น้ำ”

ทหารซยงหนูเลือกข้ามแม่น้ำในตอนกลางคืน ก็เพราะแผ่นน้ำแข็งเหนือแม่น้ำในตอนกลางวันนั้นบางเกินไป พวกเขามิได้กลัวทัพใหญ่ซีเป่ยแต่อย่างใด หากแต่เมื่อตกกลางคืน ชั้นน้ำแข็งจะหนาและไม่แตกง่าย ชาวซยงหนูก็จะสามารถข้ามแม่น้ำได้โดยไม่ต้องรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง

แน่นอนว่าพวกเขาไม่มั่นใจว่าแม่ทัพเซียวอยู่ในกลุ่มทหารเหล่านี้หรือไม่ พวกเขาจัดการทหารแตกทัพไปจำนวนหนึ่ง โดยที่อูเหิงอ๋องมิต้องลงมือเอง

จวบจนอวี๋เซ่าชิงสวมชุดเกราะของแม่ทัพเซียว ถือดาบของแม่ทัพเซียว และยืนอยู่บนหน้าผา อูเหิงอ๋องก็รู้สึกกระเหี้ยนกระหือรือ อยากจะสังหารชาวฮั่นผู้นี้เสีย! มันจะต้องพบกับความอัปยศ!

อูเหิงอ๋องพุ่งไปข้างหน้า เขาไปถึงริมฝั่งเป็นคนแรก อวี๋เซ่าชิงกลับไม่เผชิญหน้ากับศัตรู แต่เขาหันหลัง และหลอกล่อเขาเข้าไปในป่า

พวกเขาวางกำลังพลธนูสำหรับซุ่มโจมตีเอาไว้จำนวนหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดยิงโดนอูเหิงอ๋อง

เมื่อเห็นว่าอูเหิงอ๋องวิ่งเข้าไปในตาข่าย ต้าหนิวซึ่งอยู่ด้านข้างก็ดึงตาข่ายสุดแรง ทันใดนั้นเอง อูเหิงอ๋องก็ตวัดดาบฟันตาข่ายเป็นสองซีก

ทุกคนล้วนอยู่ในอาการตกตะลึง

อูเหิงอ๋องอะไรนี่ เก่งกาจเกินไปแล้ว!

หัวหน้ากองพัน…หัวหน้ากองพันตกที่นั่งลำบากเสียแล้วสิ!

“แย่แล้ว! ซยงหนูไล่ตามมาแล้ว!” ทหารนายหนึ่งตะโกน

ต้าหนิวและทหารคนอื่นๆ ชักดาบออกมาสู้

“อ๊ากกกกก” เป็นเสียงร้องโหยหวนของเสี่ยวอวี๋

เขาเพิ่งถูกตัดขาในวันสิ้นปี หลังจากนั้นก็ใช้ยาของแม่ทัพเซียว กว่าจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้นั้นแสนลำบาก แต่ก็ไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกพวกซยงหนูฟันขาอีกครั้งหนึ่ง

ต้าหนิวรุดเข้าไปสังหารทหารซยงหนูที่ทำร้ายเสี่ยวอวี๋ แล้วยื่นมือไปพยุงเสี่ยวอวี๋

เสี่ยวอวี๋ร้องเสียงดังด้วยความตกใจ “ระวัง!”

เกาทัณฑ์ดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาด้านหลังต้าหนิว ปักทะลุหัวใจของเขา

ต้าหนิวก้มหน้ามองดูศรซึ่งทะลุอกด้านซ้ายของเขาออกมา กระอักเลือดออกมาครั้งหนึ่ง แล้วล้มลงบนร่างของเสี่ยวอวี๋

……………………………………