บทที่ 131 โดย Ink Stone_Romance

 

บทที่ 131 วิกฤตโรงแรม (5)

             อี้เป่ยซีเงยหน้ามองตามสายตาของเขาไป หลานฉือเซวียนไม่รู้ว่ายืนอยู่ข้างหลังเซี่ยเช่อตั้งแต่เมื่อไร อาจจะเป็นเพราะพักผ่อนไม่เต็มที่ ดวงตาแดงก่ำ สีหน้าก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก และเปี่ยมไปด้วยความใจร้อน เซี่ยเช่อหันหลังทันที เดินเข้าไปอย่างเอาใจ “บอกให้นายนอนเยอะๆ ไม่ใช่เหรอ?”

            หลานฉือเซวียนไม่สนใจเขา เดินลงไปข้างล่าง “นายยังไม่ทำข้าวเช้าเหรอ?”

            “อ๊ะ ไปเดี๋ยวนี้ ไปเดี๋ยวนี้” เซี่ยเช่อก้มตัวเดินผ่านเขาไป เดินเข้าห้องครัวไปอย่างรวดเร็วแล้วเริ่มง่วนกับการทำอาหาร อี้เป่ยซีเห็นท่าทางของทั้งสองคน อยากหัวเราะแต่หัวเราะไม่ออก ไหล่สั่นไหวเล็กน้อย

            หลานฉือเซวียนรินน้ำแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา ราวกับว่าไม่เห็นพวกเขาทั้งสองคน ในขณะที่ก้นสัมผัสกับโซฟานั้น คิ้วก็ขมวดกันแน่น ลั่วจื่อหานโอบไหล่ของอี้เป่ยซี เดินไปข้างหน้า

            “พวกนายจะไปไหน?”

            “กลัวพวกนายสองคนจะทำเขาเสียคน”

            “ไปเจอผู้ใหญ่”

            อี้เป่ยซีกับหลานฉือเซวียนต่างมองเขาตาไม่กระพริบ

            ‘เจอ เจอผู้ใหญ่ เร็วแบบนี้เลยเหรอ ทั้งสองคนเพิ่งจะตกลงคบกันเองไม่ใช่เหรอ’ เธอบิดชายเสื้อของตัวเอง มองหลานฉือเซวียนด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ เห็นเพียงเขาเก็บอาการประหลาดใจ ทำท่าทีราวกับว่าไม่เกี่ยวอะไรกับตน

            “มันเร็วไปหรือเปล่า นาย คือว่า ลั่วจื่อหาน พวกเรา…” เธอพูดจาตะกุกตะกัก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความลังเลและหวาดกลัว ขนตายาวๆ กระพือไหว

            ลั่วจื่อหานรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย มือข้างหนึ่งวางบนดวงตาของเธอ “แค่ไปหาปู่ของฉัน คนที่เธอเจอเมื่อวาน”

            “อ๋อๆๆ” ความกังใจของเธอผ่อนคลายลง โน้มตัวพิงลั่วจื่อหานเบาๆ “อืม”

            บ้านคุณปู่ของลั่วจื่อหานอยู่ไม่ไกลจากบ้านของพวกเซี่ยเช่อนัก นั่งรถครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว อี้เป่ยซีมองดูสวนที่ถูกล้อมรอบด้วยรั้ว มองดูลั่วจื่อหาน และมองทัศนียภาพตรงหน้า ขยี้ตาของตัวเองด้วยความเหลือเชื่อเล็กน้อย

            ‘ไหนว่าเป็นตระกูลสูงส่งของประเทศ U ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้มีกลิ่นอายถึงประเพณีเก่าแก่และติดดินแบบนี้’ เพิ่งลงจากรถก็ได้ยินเสียงเห่า อี้เป่ยซีหดตัวอยู่ด้านหลังของลั่วจื่อหาน

            “ทำไม นายเลี้ยงหมาด้วยเหรอ”

            “มันเป็นหมาที่คุณย่าฉันเลี้ยงเมื่อก่อน”

            “คุณย่าก็อยู่ด้วยเหรอ”

            “ไม่อยู่แล้ว” ลั่วจื่อหานนึกถึงหญิงแก่ใจดี ความมืดมนก็ปรากฏอยู่ในสายตาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วินาทีถัดมามือน้อยๆ ก็กุมฝ่ามือที่ใหญ่โตและแข็งแรงของเขา เสียงอ่อนโยนนั้นไพเราะเป็นพิเศษในบรรยากาศที่เงียบสงบ

            “ขอโทษนะ”

            เขาเผชิญกับสายตาที่บริสุทธิ์เหมือนกวางตัวน้อย อดไม่ไหวที่จะยื่นมือไปลูบหัวของเธอ “ไม่เป็นไร พวกเราไปกันเถอะ”

            “เข้าไปทั้งแบบนี้เลยเหรอ?”

            “ไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง”

            เพียงประโยคสั้นๆ ราวกับว่าได้ฉีดยากล่อมประสาทให้กับอี้เป่ยซี เธอพยักหน้า ตามหลังเขาไปอย่างอุ่นใจ เพิ่งเข้ารั้วมา ก็มีสุนัขตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาหาพวกเขา เห่าอี้เป่ยซีอย่างบ้าคลั่ง ระคนความตื่นเต้นที่ไม่รู้จัก

            ลั่วจื่อหานกอดเด็กสาวแน่น พาเธอหลบมาด้านข้าง “ต้าถู่ กลับไป” มันหยุดเห่า แกว่งหางไปมาอย่างน่าสงสาร จ้องมองพวกเขาสองคนตลอดเวลาไม่ยอมจากไปไหน

            “กลับไป” น้ำเสียงของลั่วจื่อหานดุดันเล็กน้อย สุนัขร้องครางสองสามที

            “แกจะดุมันทำไม” เสียงของชายแก่ดังมากจากในบ้าน จากนั้นร่างผอมบางก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน สวมเสื้อคลุมยาวสีขาว ท่อนล่างใส่กางเกงสีดำหลวมๆ ที่พัดตามแรงลมตลอดเวลา เขายิ้มพร้อมกวักมือเรียกต้าถู่ สุนัขตัวนั้นวิ่งไปหาชายแก่อย่างว่องไว

            “สมหน้าหน้ายัยหนูเขาไม่ชอบแก” เขาส่ายหน้า “ต้าถู่ไปเล่นตรงนั้นไป ยัยหนูเขากลัวแก เดี๋ยวค่อยกลับมานะ” ต้าถู่เห่าสองสามครั้งอย่างปวดใจ ขณะที่เดินผ่านอี้เป่ยซีก็ชำเลืองมองเธอราวกับว่ากำลังบ่นและร้องเรียนความคับข้องใจของตัวเองอย่างเงียบๆ อี้เป่ยซียิ่งหดตัวเข้าไปในอ้อมอกของลั่วจื่อหาน มันจึงวิ่งออกไปอย่างไม่เต็มใจแล้ว

            เมื่ออี้เป่ยซีเห็นว่าภยันตรายหายไปแล้ว ก็กระโดดออกมาจากอ้อมกอดของลั่วจื่อหาน หน้าแดงด้วยความเขินอายเล็กน้อย “รบกวนคุณปู่แล้ว ขอโทษนะคะ”

            ชายแก่โบกมือ “เพราะเจ้าเด็กบ้านนี่ไม่บอกว่าเธอกลัวหมา”

            “ปู่ครับ เมื่อวานผมก็บอกปู่แล้ว”

            “ฉันบอกว่าแกไม่ได้พูดก็คือไม่ได้พูด ไม่รู้หรือไงว่าคนแก่ความจำไม่ดี แกก็เตือนหลายๆ รอบหน่อยไม่ได้หรือไง หรือว่าแกไม่ใส่ใจ”

            อี้เป่ยซีเห็นท่าทางสิ้นท่าของลั่วจื่อหาน แอบยิ้ม รู้สึกว่าคำพูดของคุณปู่ลั่วมีบางอย่างที่แปลกๆ

            เดี๋ยวนะ เมื่อวาน เมื่อวานลั่วจื่อหานก็คิดจะพาเธอกลับมาแล้วงั้นเหรอ? เขาคิดไว้ตั้งนานแล้ว ตัวเองยังกระโดดเข้าไปติดกับด้วยความงี่เง่า เมื่อวานเขาไม่คิดที่จะจากไปตั้งแต่แรกแล้ว คนบ้า หลอกเธอแบบนี้ รู้สึกสะใจมากสินะ

            เธอค้อนเขา ลั่วจื่อหานยิ้มพร้อมยื่นมือดึงเธอเข้ามากอดอีกครั้ง “ฉันเตรียมการไว้ต่างหากน่ะ”

            “มันจะมากไปแล้ว คนเลว นายรังแกฉัน”

            “ก็ได้ๆๆ อยากจะลงโทษฉันยังไงเหรอ หืม?” ลมหายใจอบอุ่นของเขากระทบอยู่บนแก้มของเธอ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกคลุมเครือ อี้เป่ยซีจ้องเขา ไม่ได้พูดอะไร

            คุณปู่ลั่วเห็นการปฏิสัมพันธ์ของทั้งสองคน รอยยิ้มบางๆ ก็ผุดขึ้นในดวงตา เขากระแอมไอ อี้เป่ยซีจึงละสายตาของตัวเอง ยิ้มหวานให้เขา ลั่วจื่อหานอดไม่ไหวบีบไหล่ของเธอ

            ‘ไม่เห็นยิ้มแบบนี้กับฉันเลย’

            ‘ถ้าไม่ใช่เพราะนายร้ายเกินไปและลูกไม้เยอะเกินไปล่ะก็นะ’ อี้เป่ยซีก็แอบบีบเขากลับ

            “เอาเถอะ เสี่ยวเป่ยซียังไม่ได้กินข้าวเช้าสินะ พวกเรากินกันก่อนเถอะ” อี้เป่ยซีรีบวิ่งแจ้นไปหาคุณปู่ลั่ว ทิ้งลั่วจื่อหานอยู่เบื้องหลัง เวลาอยู่ที่โต๊ะอาหารก็จงใจนั่งลงข้างคุณปู่

            “ว้าว คุณปู่ทำอาหารอร่อยจังเลยค่ะ” อี้เป่ยซีดวงตาเป็นประกาย ชายแก่หัวเราะ มองเธอใกล้ๆ ด้วยความเอ็นดู

            “อร่อยก็กินเยอะๆ หน่อย เธอดูเธอสิผอมเกินไปแล้ว”

            “อืมๆๆ งั้นหนูไม่เกรงใจแล้วนะคะ”

            “เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จะเกรงใจอะไร”

            อี้เป่ยซีได้ยินคำพูดของเขาแล้ว กลืนข้าวลงด้วยความแข็งกระด้างเล็กน้อย แอบมองลั่วจื่อหานที่กำลังหรี่ตามองดูทุกกิริยาอย่างใกล้ชิด เธอได้แต่ตอบรับ กินข้าวต่อ ปิดบังความรู้สึกของตัวเองไว้

            เป็นครอบครัวเดียวกันได้เหรอ?

            เธอไม่รู้ และเธอก็ไม่รู้ว่ามีอะไรรอเธออยู่เบื้องหน้า ตอนนี้เธออยากอยู่ด้วยกันกับลั่วจื่อหาน มันอาจจะไม่อนาคตและเพลิดเพลินกับปัจจุบันขณะตลอดไป

            แต่ว่าแล้วเขาล่ะ เขาจะเหมือนกับเธอหรือเปล่า จะเตรียมบอกเลิกและบอกลาได้ทุกเมื่อหรือเปล่า

            จู่ๆ ก็มีขาเกี่ยวขาของเธอ ทำให้อี้เป่ยซีออกมาจากความคิดของตัวเอง เธอหน้าแดง มองลั่วจื่อหานเชิงตำหนิ

            บ้าจริง นั่งไกลนายขนาดนี้แล้วยังไม่รู้จักทำตัวดีๆ ปู่นายยังอยู่นี่นะ ทำตามกฏหน่อยได้ไหม

            เห็นได้ชัดว่าลั่วจื่อหานเข้าใจคำเตือนในแววตาของเธอ รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งชัดเจนขึ้น แต่ยังไม่ได้ดึงขาของตัวเองกลับมา อี้เป่ยซีเตะออกไปแต่กลับเตะโดนอากาศ

        “เป็นอะไรไป?” คุณปู่ลั่วมองอี้เป่ยซีอย่างเป็นห่วง เธอส่ายหน้า เหลือบมองลั่วจื่อหาน ชายแก่รู้ทันทีว่าหลานตัวดีของตัวเองทำอะไรลับๆ ล่อๆ อีกแล้ว

————