บทที่ 130 โดย Ink Stone_Romance

 

บทที่ 130 วิกฤตโรงแรม (4)

            อี้เป่ยซีอึ้งไปหลายวินาที จนกระทั่งลั่วจื่อหานวางเธอลงบนเตียงแล้วก็พลิกตัวกระโดดลงจากเตียง มองเขาเตือนๆ “นาย นายอย่ามามั่วนะ ฉันรับปากจะคืนดีกับนายไม่ได้รับปากว่าจะ…” นึกถึงฉากในตอนนั้น หน้าของอี้เป่ยซีก็แดงอีกครั้ง

            แต่ว่ามือของลั่วจื่อหานหนักเกินไปแล้ว ตอนนี้คิดดูแล้วก็เจ็บมาก เธอพิงอยู่ในมุมกำแพงเงียบๆ อีกครั้ง ลั่วจื่อหานหยุดอยู่ที่เดิม คำที่พูดออกมาทำให้อี้เป่ยซีทนไม่ไหวจนอยากโผเข้าไปกัดเขา

            “ฉันทำให้เธอเจ็บหรือเปล่า”

            ‘บ้าจริง นายต่างหากที่เจ็บ ทั้งบ้านนายมีนายคนเดียวที่เจ็บ’ เห็นเปลวไฟเล็กๆ ในดวงตาของเธอ ลั่วจื่อหานยื่นมือกอดเธอ “ฉันจะไม่ทำอะไรจนกว่าเธอจะพูด”

            แม้จะไม่พอใจกับคำพูดของลั่วจื่อหาน แต่เมื่อได้ยินคำรับประกันแบบนี้ อี้เป่ยซีก็ยังซบเขาด้วยความอุ่นใจ ความง่วงนอนที่ถูกขับไล่ออกไปก่อนหน้านี้หนักอึ้งขึ้น ปล่อยให้ลั่วจื่อหานนอนข้างเธออย่างเงียบๆ แต่หลับไม่สบายทั้งคืน รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างถูไถไปมาบนร่างกายตลอดเวลา

            จนกระทั่งอี้เป่ยซีลืมตาขึ้นมาแล้ว สิ่งที่เห็นก็คือใบหน้าเปื้อนยิ้มของลั่วจื่อหาน ใช้แขนพยุงร่างกายของตัวเองอยู่เหนือเธอ ขนตาของอี้เป่ยซีสั่นไหว ลั่วจื่อหานจูบตาของเธออย่างอารมณ์ดีมาก จากนั้นก็จูบจมูกของเธอ ค่อยๆ ประกบริมฝีปากของเธอ ล้ำลึกเข้าไปทีละน้อย…มือเคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายของเธออย่างไม่เชื่อฟัง ขณะที่กำลังจะเข้าไปใกล้อีกนิด มือน้อยๆ ก็รีบหยุดมือของเขา

            “ฉัน ฉัน…” อี้เป่ยซีไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร แม้ว่าเธอจะไม่ขัดขืนการสัมผัสของเขา และรู้สึกสบายกับการสัมผัสที่แนบชิดของเขามาก แต่ว่า “อย่านะ ฉันกลัวเจ็บ”

            ลั่วจื่อหานหัวเราะ ถอดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายบนตัวของเธอด้วยความอดทนและระมัดระวัง “ไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง วางใจเถอะ”

            “ลั่วจื่อหาน”

            “เป่ยซี เธอยังโกรธอยู่เหรอ?”

            “เปล่า” อี้เป่ยซีคว้ามือของเขา รู้สึกได้ถึงความอดทนของเขา “ฉันก็แค่ ตอนนี้ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ ถึงฉันจะรับปากคบกับนายแล้ว พวกเราข้ามขั้นอะไรไปหรือเปล่า” ลูกกระเดือกของลั่วจื่อหานขยับ เห็นความวิงวอนในสายตาของคนที่อยู่ด้านล่าง พยักหน้าอย่างจนปัญญาและพ่ายแพ้

            “โอเค” อี้เป่ยซีกลิ้งออกจากข้างกายของเขาอย่างรวดเร็ว มองเขาอย่างไม่วางใจเล็กน้อย

            “ลำบากใจมากเหรอ?” อี้เป่ยซีไม่รู้ว่าควรจะอธิบายความในใจของตัวเองอย่างไร มันซับซ้อนมาก ซับซ้อนจนทำให้ทั้งสองคนแทบอยากร้องไห้

            ลั่วจื่อหานหันหลังให้เธอ “ยังได้อยู่”

            อี้เป่ยซีเข้าใกล้เขาอย่างระมัดระวัง ราวกับว่าได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ ค่อยๆ ยื่นมือของตัวเองออกไป ขณะที่สัมผัสก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ

            มันเกินไปหน่อยมั้ง เธอดึงความประหลาดใจของตัวเองกลับมา พูดด้วยเสียงเบามากๆ “คือว่า นายสอนฉันสิ ฉันช่วยนายได้นะ” ลั่วจื่อหานไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เธอรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น ไม่ขยับเขยื้อน เธอรู้สึกว่าของที่อยู่ในมือเหมือนกับบวมเป่งไม่น้อย ตกใจจนรีบหดมือกลับแต่ถูกลั่วจื่อหานดึงมือไว้พอดี สองคนสบสายตากัน อี้เป่ยซีทนไม่ไหวจนอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี

            เขาไม่ได้ให้เธอช่วยสักหน่อย เธอใจดีขนาดนี้ ถ้าไม่รู้ว่ายังนึกว่าเธอคิดจะเอาเปรียบเขา

            “อยากช่วยฉันจริงเหรอ?” อี้เป่ยซีพยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้า ดวงตาที่สดใสมีละอองน้ำ ลั่วจื่อหานอดไม่ไหวจูบตาของเธออีกครั้ง ในที่สุดก็เลียเหมือนกับอยากให้มันดำเนินต่อไป “นอนลง หนีบขาให้แน่น”

            อี้เป่ยซีจึงเข้าใจว่าอะไรคือหาเหาใส่หัว เธอรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวของผู้ชายบนตัวของเธอ ใบหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เรื่องบ้าคลั่งนี้จึงหยุดลง

            ลั่วจื่อหานท่าทางพออกพอใจมาก อุ้มอี้เป่ยซีขึ้นมา เธอคว้าหน้าอกของลั่วจื่อหานแน่น ถามเสียงเบา “เป็นอะไรไป?”

            “อาบน้ำ” อี้เป่ยซีรู้สึกแปลกมาก ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรทำไมถึงได้เหนื่อยแบบนี้ และเห็นได้ชัดว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ทำอะไรบ้าง แต่ก็ยังกระปรี้กระเปร่าแบบนี้ ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ

            “คิดอะไรอยู่เหรอ” อี้เป่ยซีปล่อยให้เขาอุ้มเข้าห้องน้ำไป ขณะที่เขากำลังจะถอดเสื้อบนตัวเธอนั้น ก็รีบรีบคว้าชายเสื้อของตัวเองทันที

            “คือว่า ฉันจัดการเองดีกว่า”

            “ก็ไม่ได้ช่วยเธออาบน้ำครั้งแรกสักหน่อย มีอะไรน่าอายเหรอ?”

            อี้เป่ยซีครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน ก้มหน้า “อันธพาล”

            มุมปากของลั่วจื่อหานยกยิ้ม นวดคลึงศีรษะของเธอ “งั้นเธอก็จัดการเองเถอะ” พูดจบก็จากไปแล้วช่วยเธอปิดประตู อี้เป่ยซีหน้าแดง อาบน้ำด้วยความเลื่อนลอยเล็กน้อย

            ‘แย่แล้ว ไม่ได้เอาเสื้อมา ลั่วจื่อหานอุ้มเธอเข้ามาก็ไม่รู้จักเอาเสื้อผ้ามาด้วยหรือไง?’ เธอเดินออกไปพร้อมห่อตัวด้วยชุดคลุมอาบน้ำ ลั่วจื่อหานชำเลืองมองเธอ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปโดยตรง

            “ทำไมนายถึงไม่ใส่อะไรเลย!” อี้เป่ยซีรีบละสายตา น้ำเสียงมีการตำหนิ ลั่วจื่อหานหัวเราะ เดินเข้าใกล้เธอ

            “ฉันใส่อะไร?”

            “แต่นายก็ออกมาโดยไม่ใส่อะไรเลยไม่ได้นะ อย่างน้อยก็พันผ้าขนหนูหรืออะไรก็ได้นี่”

            “โชคไม่ดี มันถูกบางคนเอาไปแล้ว เธอเขินตลอดแบบนี้ ต่อไปจะทำยังไง”

            อี้เป่ยซีเบ้ปาก “ใครจะไปต่อกับพวกชอบโชว์อย่างนาย ฉันจะไปเอาเสื้อมาให้นาย”

            ลั่วจื่อหานดึงเธอไว้ ส่ายหน้า เปิดตู้เสื้อผ้าออกอย่างชำนาญ รื้อๆ ค้นๆ หยิบสองสามตัวออกมาแล้วสวมใส่ตรงหน้าอี้เป่ยซีโดยไม่เคอะเขินเลย

            “นาย…ไหนนายบอกว่าไม่มีอะไรใส่ไง?”

            “อ๋อ ฉันลืมไป”

            หางตาเธอกระตุก “เหตุผลดีนี่”

            ลั่วจื่อหานจัดเสื้อผ้าอย่างดี กวักมือเรียกเธอ

            “จะทำอะไรน่ะ” จูบสดชื่นประกบลงบนริมฝีปากของอี้เป่ยซี เธอก็อ้าปากเล็กน้อยเพื่อจูบตอบโดยไม่รู้ตัว ตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยคิดจะรับจูบ มันก็ทำรู้สึกดีเหมือนกันแฮะ

            จู่ๆ ริมฝีปากก็รู้สึกเจ็บ อี้เป่ยซีผลักเขาทันที “นายเป็นหมาหรือไง?” เธอตรวจดู ยังดีที่เลือดไม่ออก

            “ไปกันเถอะ ออกไปกินข้าว” เขาโอบไหล่ของเธอด้วยความคุ้นเคย อี้เป่ยซีเดินไปสองก้าวก็หยุดชะงัก ผลักลั่วจื่อหานที่มีสีหน้างงงวยถอยกลับไป

            “เป็นอะไรไป?”

            “ฉันจะไปดูว่าพวกหลานฉือเซวียนอยู่ข้างนอกหรือเปล่า” ท่าทางระมัดระวัง เหมือนกับขโมยลูกอมแล้วกลับคุณแม่จับได้

            เขาอดไม่ได้พูดขึ้น “เมื่อวานตอนที่เธอบอกให้ฉันหยุด พวกเขาก็น่าจะรู้แล้วว่าฉันเข้ามา”

            อี้เป่ยซีส่ายหน้าอย่างขึงขัง “ไม่ พวกเขาน่าจะคิดไม่ถึงว่านายจะหน้าด้านขนาดนี้”

            “นี่คือชมฉันใช่ไหม?”

            “นายมีความสุขก็ดีแล้ว” ลั่วจื่อหานกุมมือของเธอ เปิดประตูออก

            “พวกเขาน่าจะไม่ตื่นเช้าขนาดนี้” เพิ่งจะลากอี้เป่ยซีเข้าห้องรับแขก ก็เห็นหนึ่งในคนที่บอกว่าไม่น่าจะตื่นเช้าขนาดนี้ยืนอยู่ที่หัวบันไดชั้นสองพอดี มองดูพวกเขาสองคนด้วยความงุนงงเล็กน้อย อี้เป่ยซีอดไม่ไหวที่จะหยิกเขา

            ‘ไหนบอกว่าพวกเขาไม่น่าตื่นเช้าขนาดนี้ไง นี่มันอะไรกัน ต่อไปถ้าฟังนายอีกฉันก็เป็นลูกหมาแล้ว’

            ลั่วจื่อหานไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย เซี่ยเช่อนิ่งไป “ไม่มีแรงรบแล้วเหรอ? ถึงได้ตื่นเช้าขนาดนี้?”

        อี้เป่ยซีทนไม่ไหวคว้าแก้วบนโต๊ะขว้างไปที่หัวของเขา จากนั้นก็ได้ยินเสียงที่เอื่อยเฉื่อยของลั่วจื่อหาน “พูดไปพูดมา คนข้างหลังนายก็เหมือนกัน”

————