ซือหยูไม่ใช่คนเดียวที่ตกใจทุกคนก็ตกใจเหมือนกับเขา
“ข้าไม่ได้หูฝาดใช่ไหม?บุตรีที่สองแห่งตระกูลบูรพาโดยล่วงเกินรึ?”
“ข้าอยากให้ตัวเองหูฝาดจริงๆ!”
ฟึ่บ!
สายตาเยือกเย็นทะลวงร่างซือหยูราวกับกระบี่น้ำแข็ง
“เจ้าควรจะอธิบายกับข้าให้ดีนะ!”
ปิงหวูชิงยิ้มสดใสมันทั้งงดงามและเยือกเย็นในเวลาเดียวกัน
เหล่าชายชาตรีหลายคนมองเขาด้วยความอิจฉา
เส้นเลือดบนหน้าผากซือหยูปูดโปนขึ้นมาเขาคงต้องตายแน่ถ้าอธิบายกับนางไป!
“อะแฮ่มมีเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะ ฟังข้าก่อน! จริง ๆ แล้วแม่นางตงฟางกำลังพูดเรื่อง…”
ซือหยูอธิบายด้วยความกระอักกระอ่วน
“มีอะไรให้อธิบายอีกหรือ?”
แววตาไร้เดียงสาของตงฟางเถียนเฟิงมองเขาราวกับพูดได้
“ตงฟางเถียนเฟิงผู้นี้เป็นคนที่รับผิดชอบการกระทำของตัวเองข้านอนกับซือหยูเซี่ยนมาแล้วจริง ๆ นับแต่นี้ไป ใครก็ตามที่คิดร้ายต่อซือหยูเซี่ยนถือเป็นศัตรูข้า!”
โอ้วววววววววว!
ทุกคนส่งเสียงดัง!
หลายคนยังสงสัยบุตรีที่สองแห่งตระกูลบูรพาจะเสียความบริสุทธิ์ให้กับคนป่าไม่รู้หัวนอนปลายเท้าได้อย่างไร? ช่างน่าหัวร่อ
หากลืมเรื่องเกียรติยศของตระกูลบูรพาไปตงฟางเถียนเฟิงเองก็เป็นนภาจรัสที่แข็งแกร่ง มีเพียงสองคนเท่านั้นที่จะใช้กำลังพรากความบริสุทธิ์ของนางไปได้ แล้วนางจะถูกล่วงเกินอย่างง่ายดายแบบนั้นได้ยังไง?
แต่พวกเขาก็หมดหวังว่ามันจะเป็นเรื่องโกหกเมื่อตงฟางเถียนเฟิงยอมรับด้วยตัวเองราวกับว่านางถูกซือหยูเข้าครอบงำและพร้อมจะยืนข้างเขาเมื่อเขาเจอศัตรู
“เป็นไปไม่ได้!เจ้าคนป่านั่นมาจากที่ใดกัน? มันเหมาะสมกับแม่นางเถียนเฟิงแล้วเรอะ?”
“ซือหยูเซี่ยน!มันเป็นใครกันแน่?”
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้าสัตว์ป่าที่พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อได้กลายเป็นผู้ที่ถูกหลายคนยอมรับ?ความสนใจที่เขาได้รับในวันนี้นั้นเป็นรองจากนภาจรัสเท่านั้น
ซือหยูถอนหายใจเงียบๆ และจ้องตงฟางเถียนเฟิง เขาไม่แน่ใจว่าสาวน้อยคนนี้กำลังจงใจทำอะไรหรือว่านางไร้เดียงสาอย่างที่นางแสดงออกมาจริงหรือไม่
มาถึงเวลานี้ซือหยูไร้คำพูดให้แก้ต่างตนเอง เขาตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรเลย แกร๊ง!
ปิงหวูชิงโบกมือกระบี่พันเล่มกลับมายังฝัก
“ถ้ามีนางอยู่เจ้าก็ไม่ต้องให้ข้าปกป้องอีกแล้วล่ะ!”
ปิงหวูชิงเยือกเย็นทางสีหน้าแต่ดูจากมือที่กำกระบี่แน่นนั้น ความโกรธของนางน่าจะปะทุอยู่ภายใน
นางยังไม่ทันได้กำจัดกงซุนหวูซื่อไปเลยแล้วก็มีนภาจรัสอีกคนเข้ามาอีก! นางโมโหจนเลือดร้อนรุ่ม
นางตัดสินใจจะแต่งงานกับซือหยูเพื่อความสะดวกสบายของตนเองในตอนนั้นซือหยูแทบจะยังไม่มีใครรู้จัก และกงซุนหวูซื่อเองก็เป็นฝ่ายปฏิปักษ์กับนาง
แต่ไม่นานหลังจากนั้นกงซุนหวูซื่อก็ได้มาเป็นคู่แข่งของนางด้วย นางเปลี่ยนไปราวกับคนละคน และตอนนี้ก็มีนภาจรัสปรากฏตัวออกมาอย่างไร้เหตุผลและเก่งแย่งความรักของซือหยูจากนาง
เมื่อถูกปัญหามากมายจากสตรีหลายคนเข้ามารุมเร้าเพื่อสามีคนเดียวปิงหวูชิงถึงกับคิดจะปลิดชีวิตซือหยูด้วยกระบี่เดียวของนาง
“ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิดหรอกน่า”
เขาเมินทุกคนได้แต่เขาจำเป็นต้องอธิบายกับปิงหวูชิง
เปรี๊ยะ!
ชั้นน้ำแข็งหนาผุดขึ้นมารอบตัวปิงหวูชิงนางแบ่งแยกตัวเองจากโลกภายนอก นางไม่คิดจะฟังคำ ‘โต้แย้ง’ ของซือหยู
“แปลกซะจริงคู่หมั้นเจ้าดูโมโหนะ”
ตงฟางเถียนเฟิงเดินมาหาซือหยูด้วยใบหน้าไร้เดียงสานางกระพริบตากลมโต
นางจงใจทำจริงๆ!
ดูจากใบหน้าไร้เดียงสาและไร้พิษภัยซือหยูเข้าใจนางแล้ว
“นังเด็กจิ้งจอก!” ซือหยูสาปแช่งนางเบาๆ
ตงฟางเถียนเฟิงหันหน้าหลบดวงตาโตสดใสเปล่งประกาย นางดูฉงน
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?เจ้ากำลังจะรับผิดชอบข้าหรือ?”
นางแก้มแดงขึ้นมานางทำท่าทางของหญิงสาววัยรุ่น มันดูน่ารักและมีเสน่ห์
อั่ก!
ซือหยูเกือบจะกระอักเลือดนังคนนี้!!
เหล่าคนโกรธแค้นเลือดร้อนราวกับว่าการที่ซือหยูใกล้ชิดกับตงฟางเถียนเฟิงได้ทำให้ฝูงชนพิโรธ
“เฮ้ยพวกเจ้าพลอดรักกันเสร็จหรือยัง? พวกเจ้าไม่กลัวจะเลิกกันเร็วเรอะ!”
“ใช่พวกเจ้ากล้าดียังไงมาแสดงความรักกันตรงนี้? ข้าจะจุดไฟเผาเจ้าซะ!”
“เอาคบเพลิงมาให้ข้า!” novel-lucky
“ข้าเหนื่อยยิ่งนักขอบริจาคน้ำมันให้สักสิบชั่งแล้วกัน!”
ซือหยูพูดไม่ออก
“ฮ่าๆๆๆถ้าเช่นนั้น การต่อสู้ระหว่างเราคงจะน่าตื่นตาใช่ไหม?”
ปี้หลิงเทียนยังคงยิ้มเหมือนเคย
การต่อสู้ระหว่างตำหนักโลหิตและดินแดนมีดสวรรค์เลื่อนระดับมาจนเกี่ยวกับนภาจรัสสองคนผู้หญิงสองคนนี้เป็นนภาจรัสและถูกจัดอันดับเมื่อสี่ปีก่อน ฮั่นเฟยเป็นอันดับสามขณะที่ตงฟางเถียนเฟิงเป็นอันดับสี่ สี่ปีผ่านไปแล้วตั้งแต่การจัดอันดับ และตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้พลังปัจจุบันของทั้งสอง
หลายคนต่างคาดหวังที่จะได้เห็นการต่อสู้ระหว่างพวกเขา
“เจ้าไม่ใช่คู่ประลองของข้าถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็จงหนีไปซะ”
ฮั่นเฟยจ้องมองตงฟางเถียนเฟิง
ตงฟางเถียนเฟิงทำหน้าไร้เดียงสาไม่รู้ไม่ชี้ “ฮ่าๆ เฟิงเอ๋ออยากจะวัดพลังกับพี่เฟยเอ๋อนะ ข้าไม่ค่อยพอใจกับการต่อสู้เมื่อสี่ปีก่อนเท่าไหร่”
ตงฟางเถียนเฟิงปรารถนาที่จะต่อสู้มันแสดงออกผ่านแววตา
ฮั่นเฟยเหลือบมองซือหยู
“ตงฟางเถียนเฟิงเจ้าคิดจะชิงพลังอสูรอย่างที่ข้าทำใช่ไหม?”
นางไม่เคยเชื่อว่าตงฟางเถียนเฟิงจะเสียความบริสุทธิ์ไป
ดังนั้นเหตุที่ตงฟางเถียนเฟิงหยุนนางจะต้องเป็นเพราะว่านางรู้ที่มาในพลังอสูรของซือหยู!
บางทีคนที่เหลืออาจจะไม่รู้เรื่องแต่ตงฟางเถียนเฟิงจะไม่รู้หรือว่าพลังอสูรของซือหยูนั้นคือพลังที่บริสุทธิ์และทรงอำนาจที่สุดในโลกใบนี้!
พลังอสูรของเขามีต้นกำเนิดจากอสูรต่างโลกพลังเช่นนี้บริสุทธิ์เป็นสองเท่าจากพลังอสูรที่มนุษย์หาได้ พลังของอสูรตัวจริงนั้นจะแข็งแกร่งกว่าพลังที่มนุษย์มีเป็นสองเท่า!
สำหรับยอดฝีมืออย่างฮั่นเฟยพลังอสูรที่แข็งแกร่งเป็นสองเท่านั้นจะทำให้นางเพิ่มพลังตัวเองได้ถึงสองในสิบส่วน! ด้วยระดับพลังของนาง นางยอมเสี่ยงชีวิตแม้จะเพิ่มพลังได้แค่ห้าในร้อยส่วน สองในสิบส่วนนั้นเป็นพลังที่นางปรารถนาอย่างไม่ต้องสงสัย
“เฟิงเอ๋อพูดแล้วข้าเสียกายให้เขา ข้าย่อมต้องปกป้องเขาด้วยทั้งหมดที่มี”
ตงฟางเถียนเฟิงพูดได้เป็นธรรมชาติอย่างไม่น่าเชื่อ
ฮั่นเฟยมองตงฟางเถียนเฟิงโดยไม่สนใจนัก
“ก็ได้ข้าก็อยากรู้ว่าสี่ปีนี้เจ้าพัฒนามาถึงขั้นไหนแล้ว”
ตงฟางเถียนเฟิงยิ้มนางแตะกระเป๋าหลากสีที่เอวและหันไปมองซือหยู
“เจ้าพูดว่าจะรับผิดชอบข้านะอย่าลืมซะล่ะ”
ซือหยูกับนางเป็นแค่สองคนที่รู้ความหมายของ‘รับผิดชอบ’
“เจ้าสนใจจ้าวสวนบุพผาขนาดนี้เลยรึ?”
ซือหยูถาม
“ใช่ข้าต้องการน้ำผึ้งร้อยบุพผาของนาง”
ตงฟางเถียนเฟิงบอกความตั้งใจ
แต่ซือหยูไม่เชื่อแม้แต่คำพูดเดียวจากนาง
แม้น้ำผึ้งร้อยบุพผาจะเป็นของล้ำค่ามันก็เป็นสิ่งที่หาได้จากโลกภายนอก ด้วยฐานะอันย่ิงใหญ่ของนาง มันจะยากหรือที่จะหาน้ำผึ้งหรือสิ่งที่คล้ายกันสักหยดสองหยดมาครอง?
นางจะต้องปกปิดความลับบางอย่างอยู่และมันเป็นความลับที่เกี่ยวข้องกับจ้าวสวนบุพผา
“ข้าจะทำให้เจ้าผิดหวัง”
ซือหยูพูดอย่างหนักแน่น ตงฟางเถียนเฟิงยังคงยิ้ม
“นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอกนะถ้าเฟิงเอ๋อไม่พอใจ ข้าจะร่วมมือกับพี่เฟยเอ๋อกำจัดเจ้า”
ซือหยูยักไหล่
“ข้าไม่สนหรอก”
สิ่งที่เรียกว่านภาจรัสจะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิโลหิตกับองครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าหรือ?
จะต่างอะไรระหว่างสังหารคนพวกนี้หนึ่งคนกับสังหารสองคน?
ตงฟางเถียนเฟิงรู้สึกหนาวสั่นอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อมองตาซือหยูนางจะรู้สึกเช่นนี้เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรเนรมิตรที่มีพลังสูงสุดเท่านั้น
ความรู้สึกมันเหมือนกับว่าชะตาของนางกำลังจะขาดสะบั้น
“หึหึข้าล้อเล่นน่า! ทำไมหน้าเครียดนัก?”