ตอนที่ 1035 - ล่วงเกิน

The Divine Nine Dragon Cauldron

ซือหยูไม่ใช่คนเดียวที่ตกใจทุกคนก็ตกใจเหมือนกับเขา
  “ข้าไม่ได้หูฝาดใช่ไหม?บุตรีที่สองแห่งตระกูลบูรพาโดยล่วงเกินรึ?”
  “ข้าอยากให้ตัวเองหูฝาดจริงๆ!”
  ฟึ่บ!
  สายตาเยือกเย็นทะลวงร่างซือหยูราวกับกระบี่น้ำแข็ง
  “เจ้าควรจะอธิบายกับข้าให้ดีนะ!”
  ปิงหวูชิงยิ้มสดใสมันทั้งงดงามและเยือกเย็นในเวลาเดียวกัน
  เหล่าชายชาตรีหลายคนมองเขาด้วยความอิจฉา
  เส้นเลือดบนหน้าผากซือหยูปูดโปนขึ้นมาเขาคงต้องตายแน่ถ้าอธิบายกับนางไป!
  “อะแฮ่มมีเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะ ฟังข้าก่อน! จริง ๆ แล้วแม่นางตงฟางกำลังพูดเรื่อง…”
  ซือหยูอธิบายด้วยความกระอักกระอ่วน
  “มีอะไรให้อธิบายอีกหรือ?”
  แววตาไร้เดียงสาของตงฟางเถียนเฟิงมองเขาราวกับพูดได้
  “ตงฟางเถียนเฟิงผู้นี้เป็นคนที่รับผิดชอบการกระทำของตัวเองข้านอนกับซือหยูเซี่ยนมาแล้วจริง ๆ นับแต่นี้ไป ใครก็ตามที่คิดร้ายต่อซือหยูเซี่ยนถือเป็นศัตรูข้า!”
  โอ้วววววววววว!
  ทุกคนส่งเสียงดัง!
  หลายคนยังสงสัยบุตรีที่สองแห่งตระกูลบูรพาจะเสียความบริสุทธิ์ให้กับคนป่าไม่รู้หัวนอนปลายเท้าได้อย่างไร? ช่างน่าหัวร่อ
  หากลืมเรื่องเกียรติยศของตระกูลบูรพาไปตงฟางเถียนเฟิงเองก็เป็นนภาจรัสที่แข็งแกร่ง มีเพียงสองคนเท่านั้นที่จะใช้กำลังพรากความบริสุทธิ์ของนางไปได้ แล้วนางจะถูกล่วงเกินอย่างง่ายดายแบบนั้นได้ยังไง?
  แต่พวกเขาก็หมดหวังว่ามันจะเป็นเรื่องโกหกเมื่อตงฟางเถียนเฟิงยอมรับด้วยตัวเองราวกับว่านางถูกซือหยูเข้าครอบงำและพร้อมจะยืนข้างเขาเมื่อเขาเจอศัตรู
  “เป็นไปไม่ได้!เจ้าคนป่านั่นมาจากที่ใดกัน? มันเหมาะสมกับแม่นางเถียนเฟิงแล้วเรอะ?”
  “ซือหยูเซี่ยน!มันเป็นใครกันแน่?”
  ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้าสัตว์ป่าที่พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อได้กลายเป็นผู้ที่ถูกหลายคนยอมรับ?ความสนใจที่เขาได้รับในวันนี้นั้นเป็นรองจากนภาจรัสเท่านั้น
  ซือหยูถอนหายใจเงียบๆ และจ้องตงฟางเถียนเฟิง เขาไม่แน่ใจว่าสาวน้อยคนนี้กำลังจงใจทำอะไรหรือว่านางไร้เดียงสาอย่างที่นางแสดงออกมาจริงหรือไม่
  มาถึงเวลานี้ซือหยูไร้คำพูดให้แก้ต่างตนเอง เขาตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรเลย  แกร๊ง!
  ปิงหวูชิงโบกมือกระบี่พันเล่มกลับมายังฝัก
  “ถ้ามีนางอยู่เจ้าก็ไม่ต้องให้ข้าปกป้องอีกแล้วล่ะ!”
  ปิงหวูชิงเยือกเย็นทางสีหน้าแต่ดูจากมือที่กำกระบี่แน่นนั้น ความโกรธของนางน่าจะปะทุอยู่ภายใน
  นางยังไม่ทันได้กำจัดกงซุนหวูซื่อไปเลยแล้วก็มีนภาจรัสอีกคนเข้ามาอีก! นางโมโหจนเลือดร้อนรุ่ม
  นางตัดสินใจจะแต่งงานกับซือหยูเพื่อความสะดวกสบายของตนเองในตอนนั้นซือหยูแทบจะยังไม่มีใครรู้จัก และกงซุนหวูซื่อเองก็เป็นฝ่ายปฏิปักษ์กับนาง
  แต่ไม่นานหลังจากนั้นกงซุนหวูซื่อก็ได้มาเป็นคู่แข่งของนางด้วย นางเปลี่ยนไปราวกับคนละคน และตอนนี้ก็มีนภาจรัสปรากฏตัวออกมาอย่างไร้เหตุผลและเก่งแย่งความรักของซือหยูจากนาง
  เมื่อถูกปัญหามากมายจากสตรีหลายคนเข้ามารุมเร้าเพื่อสามีคนเดียวปิงหวูชิงถึงกับคิดจะปลิดชีวิตซือหยูด้วยกระบี่เดียวของนาง
  “ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิดหรอกน่า”
  เขาเมินทุกคนได้แต่เขาจำเป็นต้องอธิบายกับปิงหวูชิง
  เปรี๊ยะ!
  ชั้นน้ำแข็งหนาผุดขึ้นมารอบตัวปิงหวูชิงนางแบ่งแยกตัวเองจากโลกภายนอก นางไม่คิดจะฟังคำ ‘โต้แย้ง’ ของซือหยู
  “แปลกซะจริงคู่หมั้นเจ้าดูโมโหนะ”
  ตงฟางเถียนเฟิงเดินมาหาซือหยูด้วยใบหน้าไร้เดียงสานางกระพริบตากลมโต
  นางจงใจทำจริงๆ!
  ดูจากใบหน้าไร้เดียงสาและไร้พิษภัยซือหยูเข้าใจนางแล้ว
  “นังเด็กจิ้งจอก!”   ซือหยูสาปแช่งนางเบาๆ
  ตงฟางเถียนเฟิงหันหน้าหลบดวงตาโตสดใสเปล่งประกาย นางดูฉงน
  “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?เจ้ากำลังจะรับผิดชอบข้าหรือ?”
  นางแก้มแดงขึ้นมานางทำท่าทางของหญิงสาววัยรุ่น มันดูน่ารักและมีเสน่ห์
  อั่ก!
  ซือหยูเกือบจะกระอักเลือดนังคนนี้!!
  เหล่าคนโกรธแค้นเลือดร้อนราวกับว่าการที่ซือหยูใกล้ชิดกับตงฟางเถียนเฟิงได้ทำให้ฝูงชนพิโรธ
  “เฮ้ยพวกเจ้าพลอดรักกันเสร็จหรือยัง? พวกเจ้าไม่กลัวจะเลิกกันเร็วเรอะ!”
  “ใช่พวกเจ้ากล้าดียังไงมาแสดงความรักกันตรงนี้? ข้าจะจุดไฟเผาเจ้าซะ!”
  “เอาคบเพลิงมาให้ข้า!” novel-lucky
  “ข้าเหนื่อยยิ่งนักขอบริจาคน้ำมันให้สักสิบชั่งแล้วกัน!”
  ซือหยูพูดไม่ออก
  “ฮ่าๆๆๆถ้าเช่นนั้น การต่อสู้ระหว่างเราคงจะน่าตื่นตาใช่ไหม?”
  ปี้หลิงเทียนยังคงยิ้มเหมือนเคย
  การต่อสู้ระหว่างตำหนักโลหิตและดินแดนมีดสวรรค์เลื่อนระดับมาจนเกี่ยวกับนภาจรัสสองคนผู้หญิงสองคนนี้เป็นนภาจรัสและถูกจัดอันดับเมื่อสี่ปีก่อน ฮั่นเฟยเป็นอันดับสามขณะที่ตงฟางเถียนเฟิงเป็นอันดับสี่ สี่ปีผ่านไปแล้วตั้งแต่การจัดอันดับ และตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้พลังปัจจุบันของทั้งสอง
  หลายคนต่างคาดหวังที่จะได้เห็นการต่อสู้ระหว่างพวกเขา
  “เจ้าไม่ใช่คู่ประลองของข้าถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็จงหนีไปซะ”
  ฮั่นเฟยจ้องมองตงฟางเถียนเฟิง
  ตงฟางเถียนเฟิงทำหน้าไร้เดียงสาไม่รู้ไม่ชี้  “ฮ่าๆ เฟิงเอ๋ออยากจะวัดพลังกับพี่เฟยเอ๋อนะ ข้าไม่ค่อยพอใจกับการต่อสู้เมื่อสี่ปีก่อนเท่าไหร่”
  ตงฟางเถียนเฟิงปรารถนาที่จะต่อสู้มันแสดงออกผ่านแววตา
  ฮั่นเฟยเหลือบมองซือหยู
  “ตงฟางเถียนเฟิงเจ้าคิดจะชิงพลังอสูรอย่างที่ข้าทำใช่ไหม?”
  นางไม่เคยเชื่อว่าตงฟางเถียนเฟิงจะเสียความบริสุทธิ์ไป
  ดังนั้นเหตุที่ตงฟางเถียนเฟิงหยุนนางจะต้องเป็นเพราะว่านางรู้ที่มาในพลังอสูรของซือหยู!
  บางทีคนที่เหลืออาจจะไม่รู้เรื่องแต่ตงฟางเถียนเฟิงจะไม่รู้หรือว่าพลังอสูรของซือหยูนั้นคือพลังที่บริสุทธิ์และทรงอำนาจที่สุดในโลกใบนี้!
  พลังอสูรของเขามีต้นกำเนิดจากอสูรต่างโลกพลังเช่นนี้บริสุทธิ์เป็นสองเท่าจากพลังอสูรที่มนุษย์หาได้ พลังของอสูรตัวจริงนั้นจะแข็งแกร่งกว่าพลังที่มนุษย์มีเป็นสองเท่า!
  สำหรับยอดฝีมืออย่างฮั่นเฟยพลังอสูรที่แข็งแกร่งเป็นสองเท่านั้นจะทำให้นางเพิ่มพลังตัวเองได้ถึงสองในสิบส่วน! ด้วยระดับพลังของนาง นางยอมเสี่ยงชีวิตแม้จะเพิ่มพลังได้แค่ห้าในร้อยส่วน สองในสิบส่วนนั้นเป็นพลังที่นางปรารถนาอย่างไม่ต้องสงสัย
  “เฟิงเอ๋อพูดแล้วข้าเสียกายให้เขา ข้าย่อมต้องปกป้องเขาด้วยทั้งหมดที่มี”
  ตงฟางเถียนเฟิงพูดได้เป็นธรรมชาติอย่างไม่น่าเชื่อ
  ฮั่นเฟยมองตงฟางเถียนเฟิงโดยไม่สนใจนัก
  “ก็ได้ข้าก็อยากรู้ว่าสี่ปีนี้เจ้าพัฒนามาถึงขั้นไหนแล้ว”
  ตงฟางเถียนเฟิงยิ้มนางแตะกระเป๋าหลากสีที่เอวและหันไปมองซือหยู
  “เจ้าพูดว่าจะรับผิดชอบข้านะอย่าลืมซะล่ะ”
  ซือหยูกับนางเป็นแค่สองคนที่รู้ความหมายของ‘รับผิดชอบ’
  “เจ้าสนใจจ้าวสวนบุพผาขนาดนี้เลยรึ?”
  ซือหยูถาม
  “ใช่ข้าต้องการน้ำผึ้งร้อยบุพผาของนาง”
  ตงฟางเถียนเฟิงบอกความตั้งใจ
  แต่ซือหยูไม่เชื่อแม้แต่คำพูดเดียวจากนาง
  แม้น้ำผึ้งร้อยบุพผาจะเป็นของล้ำค่ามันก็เป็นสิ่งที่หาได้จากโลกภายนอก ด้วยฐานะอันย่ิงใหญ่ของนาง มันจะยากหรือที่จะหาน้ำผึ้งหรือสิ่งที่คล้ายกันสักหยดสองหยดมาครอง?
  นางจะต้องปกปิดความลับบางอย่างอยู่และมันเป็นความลับที่เกี่ยวข้องกับจ้าวสวนบุพผา
  “ข้าจะทำให้เจ้าผิดหวัง”
  ซือหยูพูดอย่างหนักแน่น  ตงฟางเถียนเฟิงยังคงยิ้ม
  “นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอกนะถ้าเฟิงเอ๋อไม่พอใจ ข้าจะร่วมมือกับพี่เฟยเอ๋อกำจัดเจ้า”
  ซือหยูยักไหล่
  “ข้าไม่สนหรอก”
  สิ่งที่เรียกว่านภาจรัสจะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิโลหิตกับองครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าหรือ?
  จะต่างอะไรระหว่างสังหารคนพวกนี้หนึ่งคนกับสังหารสองคน?
  ตงฟางเถียนเฟิงรู้สึกหนาวสั่นอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อมองตาซือหยูนางจะรู้สึกเช่นนี้เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรเนรมิตรที่มีพลังสูงสุดเท่านั้น
  ความรู้สึกมันเหมือนกับว่าชะตาของนางกำลังจะขาดสะบั้น
  “หึหึข้าล้อเล่นน่า! ทำไมหน้าเครียดนัก?”