บทที่ 6 บทที่ 60 มาอย่างอึดอัด

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

ซูเสี่ยวซูมองอาหารที่ชีสนำมาในวันนี้อย่างประหลาดใจ เพราะไม่ใช่อาหารกระป๋องหมดอายุหรือเปิดแล้ว แต่เป็นกระป๋องใหม่ และยังมีของจำพวกเนื้อแช่แข็งอีกไม่น้อย  

 

เธอรู้เรื่องที่เด็กคนนี้มักออกไปเสาะหาอาหารด้านนอกมานานแล้ว 

 

แม้ว่าในใจจะไม่อยากเห็นชีสทำแบบนี้แค่ไหน แต่ครอบครัวก็อยู่ในสภาวะที่ต้องใช้จ่ายอยู่ตลอดและไร้ซึ่งเงินเก็บ หากไม่ใช่ชีสแล้ว…เด็กคนอื่นที่เล็กกว่าก็ยิ่งไม่สามารถทำได้ 

 

ส่วนตัวซูเสี่ยวซูเองก็ยิ่งเคลื่อนไหวไม่สะดวกนัก 

 

 “ชีส ลูกบอกแม่มานะ ลูกไปเอาพวกเนื้อแช่แข็งนี้มาจากไหน?” 

 

ชีสนั้นเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็ก เพียงได้ยินน้ำเสียงในตอนนี้ของซูเสี่ยวซู เขาก็รู้แล้วว่าแม่ของเขาเริ่มสงสัย แต่เขาก็คิดคำตอบเอาไว้นานแล้ว 

 

ชีสก้มหน้าพยายามไม่ให้ซูเสี่ยวซูมองเห็นสีหน้าของตัวเอง ทำท่าเหมือนเด็กที่ทำความผิดมาและเอ่ยว่า “แม่ครับ…ผมขอโทษ ผม ผมไปหาเพื่อนที่ทำงานของพ่อแล้ว…” 

 

 “เพื่อนของซูโย่ว…” ซูเสี่ยวซูชะงัก 

 

ชีสยังคงก้มหน้าและเอ่ยว่า “พวกลุงๆ ป้าๆ ในบริษัททำความสะอาดได้ยินว่าพ่อ…พ่อไม่อยู่แล้ว ก็พากันสงสารผมและให้ผมมา ผมเลยเอาเงินไปซื้ออาหาร” 

 

 “เฮ้อ…เจ้าเด็กคนนี้” ซูเสี่ยวซูรู้สึกทั้งปวดใจและเศร้าใจ โอบกอดลูกพร้อมด้วยน้ำตาเอ่อคลอ 

 

 “แม่ครับ ผมไปจัดการเนื้อพวกนี้ให้แม่ก่อน แม่กินเยอะๆ หน่อยนะ!” ชีสเปลี่ยนประเด็น “ถึงแม่จะไม่กิน แต่น้องๆ ที่อยู่ในท้องก็ต้องกินนะ!”  

 

 “เด็กดี” ซูเสี่ยวซูถอนหายใจ “ลำบากลูกแล้ว” 

 

 “แม่ครับ ผมไม่เป็นไร!” ชีสเงยหน้าขึ้นมายิ้ม “ผมจะไปทำกับข้าว! น้องๆ คงไม่ได้กินของดีมานานแล้ว!” 

 

 “ไปเถอะ” ซูเสี่ยวซูฝืนยิ้มออกมาแล้วกลับเข้าห้อง…ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นเพียงมุมหนึ่งในห้องใต้ดินที่กั้นด้วยผ้าม่านเท่านั้น  

 

ยังมีลูกสาวคนเล็กสุดที่ยังอยู่ในรูปลักษณ์อสูรซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง 

 

เมื่อเห็นซูเสี่ยวซูแหวกผ้าม่านเข้าไปแล้ว ชีสถึงได้ขมวดคิ้ว จากนั้นก็ลูบแขนของตัวเองเบาๆ 

 

ตอนที่ถูกปีศาจหนูตัวใหญ่ตัวนั้นบิดคงทำให้กระดูกบริเวณนี้บาดเจ็บ แต่การโอบกอดเมื่อครู่ เขากลับทำได้เพียงแค่อดทนไม่กล้าออกเสียง 

 

ชีสสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติและเริ่มบดเนื้อพวกนี้ 

 

หลังจากเขาจัดการอาหารและดูแลน้องๆ จนทานอาหารเสร็จแล้วก็ไปดูแลซูเสี่ยวซู จนกระทั่งซูเสี่ยวซูกับน้องๆ หลับหมดแล้ว ตัวเองถึงจัดการทุกอย่างเรียบร้อย 

 

แต่ก็ใกล้ถึงเวลาเที่ยงคืนแล้ว 

 

ชีสออกไปจากห้องใต้ดินตามลำพัง ไปถึงพื้นที่ว่างหน้าบ้านหลังเก่า บนพื้นโล่งวางท่อคอนกรีตหลายอัน ชีสนั่งอยู่ด้านบนท่ออันหนึ่งและมองไปยังดวงจันทร์บนท้องฟ้า 

 

ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน? 

 

เกรงว่าคงจะไม่ได้ไป…ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนั้นอีกแล้ว 

 

พรุ่งนี้ต้องหาที่อื่นอีกหรือเปล่า? ไม่อย่างงั้นเรื่องอาหาร… 

 

คงไม่ได้ไปโรงเรียนประถมแล้ว 

 

‘แกต้องสู้ๆ นะ ชีส’ 

 

‘แกไม่ใช่เด็กแล้ว แกต้องรับผิดชอบครอบครัวนี้ ต้องดูแลแม่และน้องๆ ให้ดีๆ’ 

 

เขาพูดกับตัวเอง…พูดบางอย่างที่อายุเท่าเขาสามารถเข้าใจได้ 

 

‘ต้องแข็งแกร่ง’ 

 

ทันใดนั้นชีสก็ร้องไห้…ต้องแข็งแกร่ง 

 

เขายักไหล่ คิดอยากจะมีที่พึ่งพิงในเวลานี้…ต้องการไหล่ที่ถึงแม้จะไม่ใหญ่โตแต่ก็มอบความปลอดภัยให้ได้ 

 

ตอนยังเด็ก ชีสจำได้ว่าซูโย่วมักกอดเขามาที่แห่งนี้เพื่อดูพระจันทร์กับดวงดาว เวลานั้นไม่ค่อยสนุกมากนัก แต่ซูโย่วก็เล่าเรื่องราวมากมายที่น่าสนใจให้เขาฟังได้  

 

ทันใดนั้นชีสก็เอื้อมมือไปดึงเอานกหวีดอันหนึ่งออกมาจากคอเสื้อ ซึ่งเป็นของขวัญที่ซูโย่วมอบให้เขา 

 

หลายปีมานี้ชีสทะนุทนอมนกหวีดอันนี้มาก เพราะซูโย่วเคยบอกว่าหากพบเจอกับอันตรายให้เป่านกหวีดอันนี้ 

 

แน่นอนว่านั่นเป็นตอนที่เขากับซูโย่วเสาะหา ‘สมบัติ’ ในบริเวณแถวนี้ ชีสรู้ดีว่าหากไกลเกินไปซูโย่วก็คงไม่ได้ยิน 

 

เขาไม่ได้เป่านกหวีดมานานแค่ไหนแล้ว? 

 

ที่จริงแล้วนกหวีดยังไม่เคยดังมาก่อน เพราะชีสไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เขาหาพ่อของตัวเองไม่เจอ 

 

ส่วนเสียงของนกหวีดนี้… 

 

ชีสพูดกับตัวเองว่า “ที่แท้ก็คล้ายเสียงของนกฮัมมิ่งเบิร์ดนี่เอง” 

 

เขาเป่านกหวีดซ้ำแล้วซ้ำอีก 

 

แน่นอนว่าเขาไม่กล้าเป่าดัง เพียงแค่เป่าเบาๆ ชีสบอกกับตัวเองว่า เพียงแค่คืนนี้เท่านั้น ผ่านคืนนี้ไปก็จะไม่เป่ามันอีก มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย…มันไม่ได้ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น มีแต่ทำให้ตัวเองอ่อนแอลง 

 

ค่ำมากแล้วและก็ถึงเวลาพักผ่อนของชีส เวลาสั้นๆ เพียงแค่สองอาทิตย์ ดูเหมือนว่าเขาได้เปลี่ยนจากเด็กชายเป็นผู้ชายในพริบตา และคิดหาวิธีสร้างระเบียบวินัยของตัวเองขึ้นมา 

 

แต่ตอนที่เขาเตรียมตัวจะจากไปนั้น กลับรู้สึกว่าด้านหลังของตัวเองมีเสียงอะไรสักอย่าง เขาจึงหันหน้าไปตามสัญชาตญาณ 

 

อ๊า! 

 

ทันใดนั้นชีสก็ส่งเสียงร้องอย่างตกใจออกมา ร่างกายไถลตกลงจากท่อในทันที! 

 

เขามองเห็น…’บางอย่าง’ ที่น่าสยดสยอง! 

 

แต่ร่างกายของเขายังไม่ทันได้ตกถึงพื้น ชีสก็รู้สึกว่าร่างกายเริ่มมั่นคงขึ้น ร่างกายของเขาถูกบางอย่างม้วนขึ้นมาวางบนตำแหน่งที่เขาเคยนั่ง! 

 

นี่คือ…หางของอะไร ‘บางอย่าง’ 

 

อะไรบางอย่างที่เคยช่วยเขาออกมาจากปากของปีศาจหนูตัวใหญ่ในท่อระบายน้ำใต้ซูเปอร์มาร์เก็ตและจากไปโดยไม่พูดไม่จา…อะไร ‘บางอย่าง’ ที่แปลกประหลาด! 

 

มันนั่งยองๆ อยู่ข้างกายของตัวเองเงียบๆ สองมือวางไว้บนท่อได้พอดี ส่วนหางด้านหลังก็ส่ายเบาๆ พร้อมกับเอียงคอ 

 

ชีสพบว่า…มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเอาไว้ 

 

“นาย…นายมาหาฉันงั้นเหรอ?” ชีสรวบรวมความกล้า แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้มาก เขาเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “นาย…นายเป็นใคร?” 

 

ดูเหมือนมันจะพูดไม่ได้ ชีสเห็นเพียงอะไร ‘บางอย่าง’ นี้กะพริบตาให้เกิดเสียงออกมา 

 

นี่คือ เข้าใจ…หรือว่าไม่เข้าใจ? 

 

“นายมีชื่อไหม?” ชีสถามต่ออย่างสนใจ 

 

อะไรบางอย่างนี้ยังคงเงียบ แต่ชีสรู้สึกว่ามันจ้องมอง…นกหวีดในมือของตัวเองอยู่ตลอดเวลา 

 

ชีสชะงัก เขาเป่านกหวีดขึ้นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็พบว่าอะไรบางอย่างนี้มีปฏิกิริยาขึ้นมาอีกครั้ง หางด้านหลังของมันส่ายไปมาเร็วขึ้น 

 

หรือว่า… 

 

แต่…จะเป็นไปได้ยังไง? 

 

ชีสยิ้มอย่างขมขื่นจากนั้นก็ส่ายหน้า 

 

เขามองอะไรบางอย่างนี้แวบหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายจ้องมองกันและกันอยู่แบบนี้อย่างยาวนาน ชีสถึงได้ลองเข้าไปนั่งใกล้ๆ อีกฝ่าย 

 

“ให้ฉันเรียกนายว่านกหวีดดีไหม?” ทันใดนั้นชีสก็พูดขึ้นว่า “…อืม นายไม่ตอบ งั้นก็หมายถึงตกลงแล้วนะ?” 

 

มัน…หรือนกหวีดกะพริบตา ดูเหมือนจะพูดว่า ‘ก็ฉันพูดไม่ได้นิ’ 

 

“นกหวีด! ฮ่าๆๆ!” 

 

… 

 

… 

 

ในห้องๆ หนึ่งของสถาบันนิติเวชวิทยา 

 

“หัวหน้าฉิน ดึกขนาดนี้แล้ว คุณยังไม่กลับอีกเหรอ?” 

 

 “ฉันจะจัดการเรื่องพวกนี้ให้เสร็จ นายกลับไปก่อนเถอะ” เหล่าฉินไม่ได้หันหน้ากลับมา ทันใดนั้นเขาที่เอาแต่จ้องมองผ่านเลนส์กล้องจุลทรรศน์ก็เงยหน้าขึ้นมา “ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน” 

 

 “เอาเถอะ หัวหน้า คุณดูแลตัวเองด้วย” 

 

หัวหน้าฉินผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องความบ้างาน…บางครั้งเขาก็นอนที่สำนักงานเลย สถิติสูงสุดของเขาก็คือไม่ได้กลับบ้านครึ่งเดือน 

 

หลังจากได้ยินเสียงปิดประตูแล้ว เหล่าฉินถึงได้นวดขมับตัวเองเบาๆ จากนั้นก็สะบัดหัว ดูเหมือนเขากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็มองกล้องจุลทรรศน์อีกครั้ง 

 

ที่มันขยายก็คือเมือกประหลาด ซึ่งเก็บได้จากที่เกิดเหตุในตอนกลางวัน… 

 

 “นี่…เป็นโครงสร้างอะไรกันแน่?” เหล่าฉินมองไปพร้อมพูดกับตัวเอง “ไม่ใช่ของเหลว…เป็นเหมือนกับเซลล์ชีวภาพ?” 

 

เหล่าฉินขมวดคิ้วแน่นขึ้น เขาครุ่นคิดมานานมากแล้วแต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อพัฒนาความคิดของเขา 

 

เหล่าฉินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เปลี่ยนเป็นถุงมือสีขาวคู่ใหม่ จากนั้นเขาก็หยิบมีดผ่าตัดออกมา เขาตั้งใจจะชันสูตรศพทั้งคืน 

 

ดูว่าจะค้นพบอะไรใหม่หรือไม่