Q: คุณจะเผชิญกับช่วงเวลาที่ถูกคนในครอบครัวขายหรือไม่
A: แน่นอน
…
แน่นอนว่าไม่อาจจะใช้คำว่า ‘ขาย’ มาอธิบายได้ อย่างมากก็พูดได้เพียงว่า ‘ถูกหลอก’
ลั่วชิวไม่ถือว่าเป็นคนประเภทไก่ท้องเล็ก* แต่บางครั้งก็อดไม่ได้…ที่จะวิจารณ์ความคิดของเริ่นจื่อหลิง
“…ไม่ใช่แค่กินข้าวที่บ้านงั้นเหรอ?”
“ก็หากไม่ใช้เหตุผลแบบนี้ เธอก็คงไม่ยอมตกลงมาหรอกใช่ไหม? นับตั้งแต่กลับมาจากหมู่บ้านตระกูลหลี่ว์ ฉันก็ไม่ได้เจอหน้าว่าที่ลูกสะใภ้มาตั้งนานแล้ว! เธออยากให้ฉันต้องทนทรมาน…”
“เข้าประเด็นหลัก”
รองบรรณาธิการเริ่นลากเจ้าของสมาคมลั่วมาอีกข้าง เหลือบตามองโยวเย่ที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมแวบหนึ่ง จากนั้นก็กระซิบข้างหูเจ้าของสมาคมว่า “โง่หรือไง! ก็เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดียังไงล่ะ! เดี๋ยวโยวเย่ก็คิดว่าว่าที่แม่ยายอย่างฉันเป็นคนขี้เหนียวหรอก”
“งั้น…นี่คือเหตุผลที่คุณมาร้านอาหาร?” ลั่วชิวเอ่ยถามอย่างสนใจ
พวกเรามาลองบรรยากาศแบบนี้สักหน่อย
พิกัดเป็นหนึ่งในโรงแรมชั้นนำในเมือง อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่แพงที่สุดในเมืองอีกด้วย
แน่นอน นอกจากเรื่องรสชาติของอาหารที่ไม่ต้องพูดถึงแล้ว นี่ก็เป็นร้านอาหารแบบหมุนสามร้อยหกสิบองศาเพื่อชื่นชมบรรยากาศยามค่ำคืนของเมือง และยังเป็นข้ออ้างให้มันแพงที่สุด
เจ้าของสมาคมลั่วกับโยวเย่ รวมทั้งเริ่นจื่อหลิงมายืนอยู่หน้าประตูของร้านอาหารนี้ ส่วนทำไมลั่วชิวถึงได้มาถึงที่นี่ เจ้าของสมาคมลั่วทำได้เพียงสรุปว่า บางทีตนเองอาจถูกทำคุณไสยใส่
จะต้องถูกทำคุณไสยแน่
“เอาหน่าๆ!”
เริ่นจื่อหลิงหรี่ตาลงและพูดว่า “ไม่ต้องใช้เงิน! นี่เป็นบัตรกำนัลร้านอาหารที่เจ้าของนิตยสารมอบให้เพราะเห็นแก่ความลำบากของฉัน ไม่รวมแค่ค่าเครื่องดื่มเท่านั้น ถึงยังไงเธอก็ไม่ดื่มเหล้า…เป็นอะไร? เธอไม่เชื่อฉันเหรอ?”
เริ่นจื่อหลิงเอาบัตรกำนัลออกมาพิสูจน์ตัวเอง
คิดไม่ถึงว่าเจ้าของสมาคมลั่วกลับส่ายหน้า “ผมไม่สงสัยเรื่องบัตรกำนัล ผมแค่สงสัยคำว่า ‘มอบให้’ หมายถึงอะไร”
เริ่นจื่อหลิงเบิกตากว้างขึ้นทันที แล้วจึงพูดอย่างอดสูว่า “ลั่วชิว!! เธอคิดว่าฉันบังเอิญเห็นบัตรกำนัลบนโต๊ะเจ้านายและรู้ว่าเขาต้องใช้มันล่อสาว เลยหยิบมาเพื่อรักษาครอบครัวอบอุ่นให้เขาอย่างนั้นเหรอ”
“…พวกเราเข้าไปกันเถอะ” เจ้าของสมาคมลั่วถอนหายใจ
“นี่? รอเดี๋ยว อย่าเพิ่งไป! พูดกันให้ชัดก่อน ฉันกำลังช่วยเธออยู่นะ แต่เธอทำอย่างนี้กับฉันงั้นเหรอ” เริ่นจื่อหลิงถลึงตากว้าง
ลั่วชิว…เจ้าของสมาคมลั่วเข้า…ไป…แล้ว
“ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ! เกินไปแล้ว!” เริ่นจื่อหลิงเดินไปข้างโยวเย่อย่างโมโห
เดิมทีคุณหนูสาวใช้ควรเดินตามหลังเจ้านายของตัวเอง แต่ครั้งนี้คุณหนูสาวใช้รู้สึกว่าอยู่รอเริ่นจื่อหลิงน่าจะจัดการเรื่องราวได้ดีกว่า…น่าจะ
“ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ!”
เริ่นจื่อหลิงรวบแขนของโยวเย่เข้ามาใกล้จนชิดหู “เด็กบ้านฉันเหมือนท่อนไม้เดินได้ ไม่รู้จักความโรแมนติกเลยสักนิด เธอต้องอดทนหน่อยนะ! แต่หากเธอกลุ้มใจก็ให้มาบอกฉัน! ฉันจะจัดการให้เธอเอง เข้าใจไหม?”
เธอทำท่าเหมือนกับป้าข้างบ้าน
โยวเย่ยิ้ม “วางใจเถอะค่ะ เขาดีกับฉันมาก”
“ฮืม เธอนี่ก็…” เริ่นจื่อหลิงส่ายหน้า “เธอดูเรียบร้อยเชื่อฟังแบบนี้ อีกหน่อยคงถูกเอาเปรียบไม่เหลือแน่!”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันจะเชื่อฟังเขาตลอดไป”
“อืมๆ เธอก็คิดแบบนั้นเหรอ…” เริ่นจื่อหลิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่ก็ยังรู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงถามอย่างมึนงงว่า “เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้นี้เธอพูดว่าอะไรนะ?”
โยวเย่เพียงแต่ยิ้มและเดินมาข้างหน้า ก่อนดึงเก้าอี้ออกให้เริ่นจื่อหลิงและพูดว่า “สวัสดีค่ะ คุณหนูหลีจื่อ”
“พี่เริ่น! ในที่สุดพวกคุณก็มา! ฉันหิวจนท้องร้องแล้ว! รีบนั่งๆ อย่ามัวยืนอยู่เลย!”
ที่แท้เริ่นจื่อหลิงก็เรียกหลีจื่อมาด้วย
เมื่อทุกคนนั่งลงแล้ว บริกรจึงเดินเข้ามา “คุณลูกค้าต้องการสั่งอาหารหรือยังครับ?”
ตอนนี้เองเริ่นจื่อหลิงก็พูดว่า “อย่าเพิ่ง รออีกเดี๋ยว มีคนยังมาไม่ถึง”
บริกรพยักหน้า วางรายการอาหารแล้วจึงหันกายเดินจากไป ลั่วชิวได้ยินก็ถามอย่างสงสัย “อะไรกัน คุณเรียกใครมาอีก?”
นี่…เป็นบัตรกำนัลที่เจ้าของนิตยสารใช้ล่อสาวจริงๆ น่ะเหรอ?
“อีกเดี๋ยวก็จะรู้เอง” เริ่นจื่อหลิงกะพริบตาด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ
แต่เจ้าของสมาคมลั่วกลับไม่ได้ตื่นเต้นอะไร…หนึ่งคือเขาไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับการจัดการของเริ่นจื่อหลิง สองคือเพราะเขาได้กลิ่นทะเล
และยังมีกลิ่นของดอกบลูสตาร์**
ทันใดนั้นเริ่นจื่อหลิงก็มองไปทางด้านประตูและโบกมือ
เห็นเพียงเงาร่างผอมเพรียวค่อยๆ เดินเข้ามาตามการนำด้วยท่าทางกระสับกระส่าย
เธอสวมชุดกระโปรงสีขาวเรียบๆ เดินก้มหน้าก้มตา นอกจากเครื่องประดับบนผมแล้ว เธอก็ไม่มีเครื่องประดับใดๆ อีกเลย จึงดูสะอาดและบริสุทธิ์
นี่คือหลี่ว์อีอวิ๋น หญิงสาวที่อาศัยอยู่ข้างทะเลคนนั้น
พอหลี่ว์อีอวิ๋นนั่งลงแล้ว เริ่นจื่อหลิงถึงได้พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “เอาล่ะ! คนมาครบแล้ว! ตอนนี้รู้แล้วหรือยัง? จุดมุ่งหมายที่สำคัญของอาหารมื้อนี้ก็คือฉลองกับหลี่ว์อีอวิ๋น! หนึ่งคือฉลองที่เธอสอบเข้ามหา’ลัยได้ สองคือฉลองที่เธอได้เริ่มใช้ชีวิตใหม่ของตัวเองแล้ว!”
พูดถึงตรงนี้ เริ่นจื่อหลิงก็หันมองหลี่ว์อีอวิ๋นด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ขอโทษด้วยนะ พูดกันไว้ว่าจะหาเวลาว่างรวมตัวกัน แต่ก็ยุ่งจนล่าช้ามาถึงตอนนี้ เธอคงไม่ว่าฉันหรอกใช่ไหม?”
หลี่ว์อีอวิ๋นรีบโบกมือ สาวน้อยถูกความกระตือรือร้นแบบนี้ทำให้เอียงอายขึ้นมา
เริ่นจื่อหลิงพูดตรงๆ ว่า “ส่วนสิ่งสุดท้ายที่ต้องฉลองก็คือ…ขอบคุณช่วงเวลานี้ที่ทำให้พวกเราได้รวมตัวกัน!”
ผู้หญิงคนนี้คงอยากกินข้าวร่วมกันกับทุกคน
“ฉันไม่รู้ว่ากินข้าวด้วยกันสักมื้อของพี่เริ่นจะอยู่ในที่แบบนี้…”
ตอนนี้หลี่ว์อีอวิ๋นมองไปทางลั่วชิวด้วยท่าทีที่กระสับกระส่าย และเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “ฉันคิดว่าแค่กินข้าวธรรมดาๆ เท่านั้น…ฉันใส่เสื้อผ้าธรรมดาเกินไปไหม?”
“สะอาดสะอ้านก็พอแล้ว” ลั่วชิวพูด “ไม่เห็นต้องสนใจสายตาของคนอื่น”
“เข้าใจแล้ว…” หลี่ว์อีอวิ๋นพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เธอมักรู้สึกว่าคำพูดทุกอย่างของคนหนุ่มที่อายุมากกว่าเธอไม่เท่าไรคนนี้ สามารถทำให้เธอรู้สึกโล่งใจได้เสมอ
หลีจื่อที่เพิ่งดื่มน้ำส้มหมดแก้วมองฉากนี้อย่างสนใจ จากนั้นก็ยิ้มและเอ่ยว่า “พี่เริ่น รู้ไหมว่าตอนนี้ฉันมองดูลั่วชิวแล้วรู้สึกยังไง?”
“รู้สึกยังไง?”
เริ่นจื่อหลิงขมวดคิ้ว ลากหลีจื่อมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหู “ฉันบอกเธอไว้เลยนะ! ฉันไม่ยอมรับฮาเร็มหรอกนะ! ถึงเธอจะรู้สึกก็ต้องเก็บซ่อนเอาไว้!”
“…พี่พูดไปถึงไหนเนี่ย?”
ชั่วขณะนั้นหลีจื่อก็รู้สึกไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี พูดอย่างขบขันว่า “ฉันหมายถึงตอนนี้ลั่วชิวเหมือนเป็นผู้อาวุโสเลย”
“ใช่แล้ว ไม่ผิด!” เริ่นจื่อหลิงตบโต๊ะอย่างเห็นด้วย “เจ้าเด็กคนนี้เหมือนคนแก่ ไม่มีอารมณ์ขบขันเลยสักนิด!”
หรือควรทิ้งไปเลยดี…เจ้าของสมาคมลั่วกำลังครุ่นคิดหาข้ออ้างที่เหมาะสม
นี่เป็นเพราะเขายังไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศคนเยอะแบบนี้
ทำไมคนถึงชอบรวมตัวกัน?
ลั่วชิวมองออกไปนอกหน้าต่าง บรรยากาศของเมืองกำลังหมุนช้าๆ อยู่ตรงหน้าของเขาและกำลังอยู่ในช่วงเวลาคึกคักของเมือง
เขาหลับตาลง
ไกลออกไป ในพื้นที่โล่งด้านหน้าห้องใต้ดิน ชีสกับนกหวีดกำลังซ่อนตัวอยู่ในท่อคอนกรีต มีแต่ชีสที่กำลังพูด ส่วนนกหวีดนั้นตั้งใจฟัง แต่ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน
ภายในโรงพยาบาล หงก้วนกำลังโอบกอดภรรยาของเขามองดูบรรยากาศยามค่ำคืนข้างนอก เพลิดเพลินไปกับความสงบสุขเล็กๆ น้อยๆ
เฉิงอี้หรานกำลังพูดคุยกับกลุ่มพนักงานเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับรายการสดในวันอาทิตย์ ซึ่งก็คือวันถัดไป
ซานเอ๋อร์กำลังทำกับข้าว ส่วนมาร์คก็กำลังถูกเสี่ยวจือลากไปดูโทรทัศน์
จางชิ่งหรุ่ยกำลังอ่านหนังสือ ส่วนหญิงชราด้านข้างก็กำลังหลับตาพักผ่อน
…
ทำไมมนุษย์ถึงชอบรวมตัวกัน?
*ไก่ท้องเล็ก หมายถึงคิดเล็กคิดน้อย
**ดอกบลูสตาร์อีกชื่อคือแอมโซเนีย เป็นดอกไม้รูปดาวสีฟ้า