ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้หญิงธรรมดาเจอเรื่องผิดกฎหมายบบนี้อาจจะตกใจจนงงงัน หรือลุกลี้ลุกลนหนีก่อนค่อยว่ากัน แต่เมแกนเป็นหญิงสาวใจกล้าและรักอิสระ เธอรู้สึกว่าคนเลวพวกนั้นยังไม่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ จึงโทรศัพท์ไปยังหมายเลข 911 อย่างใจเย็น เล่าเหตุการณ์ที่เธอเห็นให้พนักงานที่รับสายฟังเป็นขั้นตอน แน่นอนว่ารวมถึงชื่อของเธอด้วย
พนักงานรับสายบอกเธอว่าส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังที่เกิดเหตุแล้ว ให้เธอระวังตัวด้วย และถือสายเอาไว้
ก่อนจะถึงตรงนี้ ทุกอย่างปกติมาก
เนื่องจากสถานที่ค่อนข้างห่างไกล กว่ารถตำรวจจะมาถึงก็ผ่านไปนานมากแล้ว แต่ตอนนั้นพวกนั้นทำงานเสร็จหมดแล้ว คนเร่ร่อนที่ถูกจับกุมต่างก็เข้าไปในห้องกันแล้ว แต่เมแกนมั่นใจมากว่าต้องจับได้ เพราะกล้องโกโปรบนหมวกของเธอถ่ายทุกอย่างเอาไว้แล้ว ความเจ้าเล่ห์ของพวกชั่วนี้ไม่มีประโยชน์แน่นอน
ขณะที่เธอชะล่าใจเพราะคิดว่าจะได้รับความยุติธรรม กลับพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาถึงพูดยิ้มๆ กับพนักงานรักษาความปลอดภัยราวกับเป็นเพื่อนเก่า ยังไม่ได้เข้าไปในประตูโรงฆ่าสัตว์ก็กลับเมืองไปแล้ว
เมแกนถึงกับตะลึง เธอที่ไม่เคยเผชิญสังคมภายนอกยังอ่อนหัดอยู่มาก คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะกลายเป็นเป้าหมายของพวกทำผิดกฎหมาย
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอเหมือนจะได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากป่าข้างหลัง จึงรับหันกลับไปมอง พบว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยสองสามคนกำลังค้นหาร่องรอยของเธอ
ในสถานการณ์แบบนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าตัวเองถูกขายแล้ว โชคดีที่พวกพนักงานรักษาความปลอดภัยยังไม่พบเธอ หนีตอนนี้อาจจะยังทัน
ขอแค่หนีเข้าไปในป่าลึก เธอมั่นใจมากว่าจะหนีพ้น เพราะเธอมีจักรยาน พวกพนักงานรักษาความปลอดภัยมีแค่สองขา นานเข้าจะต้องถูกเธอสลัดทิ้งแน่นอน
ขอแค่เลี่ยงเนินเขาและหนองน้ำที่เห็นชัด ภูมิประเทศของส่วนใหญ่ในป่าเรดวูดก็ยังนับว่าราบเรียบ นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอตั้งใจขี่จักรยานเดินทางข้ามป่า
แต่ตอนที่เธอตั้งใจจะดันจักรยานจากไปเงียบๆ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมากะทันหัน เป็นโทรศัพท์กลับมาของ 911
ในป่าอันเงียบสงบ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดลูกหนึ่ง พวกพนักงานรักษาความปลอดภัยจึงพบเธอเข้าในทันที
เธอพยายามหนีอย่างสุดชีวิต แต่ก็ไร้ประโยชน์ ไม่นานพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ล้อมเธอไว้แล้ว แถมเธอยังเห็นพวกเขาถือปืนช็อตไฟฟ้า จึงหยุดต่อต้าน ยอมถูกจับ ต่อต้านไปนอกจากจะเจ็บตัวแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
จักรยาน กล้องโกโปร โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสะพาย และกระเป๋าเงินที่ใส่ใบขับขี่กับบัตรนักศึกษา ทุกอย่างที่มีถูกแย่งไปหมด พวกเขารู้สถานะของเธอในทันที หลังจากบังคับให้เธอปลดล็อกโทรศัพท์มือถือก็รู้แผนการเดินป่าของเธอจากบันทึกการสนทนากับเพื่อนๆ ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค และรู้ว่าเธอรายงานความปลอดภัยกับแม่และเพื่อนอยู่บ่อยครั้ง
หลังจากคนพวกนั้นปรึกษากันตรงหน้าเธอ คิดว่าไม่เหมาะที่จะขังเธอไว้ที่โรงฆ่าสัตว์ อย่างน้อยก็ไม่เหมาะสมในสถานการณ์แบบนี้ ดังนั้นจึงปิดตาเธอและมัดมือเท้าเอาไว้ ก่อนโยนเธอเข้าไปท้ายรถกระบะ รถสั่นสะเทือนท่ามกลางความมืดมิดไปตลอดทาง พอเธอถูกถอดที่ครอบหัวก็ได้มาถึงสถานที่แปลกตาแห่งหนึ่งแล้ว เสียงคลื่นทะเลบอกเธอว่าที่นี่ไม่ไกลจากชายทะเล
ที่นี่แปลกมาก เธอเห็นคนสีหน้าซึมกะทือมากมาย สวมเสื้อผ้าหยาบทำงานหนักอยู่ในทุ่งนา ไม่ว่าเธอจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือจากพวกเขาอย่างไร พวกเขาก็ไม่ได้ยิน ราวกับเธอไม่มีตัวตน บางคนยังยิ้มแย้มอวยพรเธอ เหมือนกับเธอกำลังจะได้รับพรประทานจากเทพ
เธอถูกขังอยู่ในห้องห้องหนึ่ง มีคนคอยส่งอาหารเล็กๆ น้อยๆ ให้ทางหน้าต่างบานเล็กทุกวัน ก็พอจะรักษาชีวิตไว้ได้
มีคนเข้ามาให้ห้องด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มทุกวัน พูดคุยกับเธอนิดหน่อย…เธอไม่มีทางรับข้อบัญญัติได้ แต่ถ้าเธอไม่พยายามท่องซ้ำๆ คนคนนั้นก็จะดุร้ายขึ้นมาในพริบตา และเตะต่อยเธอยกหนึ่ง
ความทรมานสองต่อจากร่างกายและจิตใจ บวกกับความหิวโหย ทำให้คนยอมแพ้ได้ง่ายๆ ก็แค่ท่องข้อบัญญัตินิดหน่อยไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ท่องสิ ขอแค่ท่องก็ไม่ต้องถูกซ้อม แล้วยังได้กินอิ่ม เป็นเรื่องง่ายจะตายไป!
แค่คิดก็รู้ว่าคนส่วนใหญ่ต้องยอมแพ้อย่างช้าๆ ซึมซับเรื่องนี้เข้าทุกวันจนถูกล้างสมอง สุดท้ายก็จะสวามิภักดิ์เป็นทาสของพวกเขา
เมแกนไม่กล้ารับประกันว่าเธอจะไม่ถูกล้างสมองเข้าสักวัน แต่อย่างน้อยสองสามวันนี้เธอก็กัดฟันต่อต้านมาโดยตลอด เพราะเธอเป็นคนที่เคยได้รับการสั่งสอนอย่างดีและมีความคิดเป็นของตัวเอง ที่สำคัญที่สุดคือเธอมีความศรัทธาของตัวเอง ไม่เปลี่ยนความเชื่อเร็วขนาดนั้น
เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะหิวตายก่อน หรือจะยอมแพ้ก่อน แต่ตอนที่เธอใกล้จะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว น่าจะเมื่อวานนี้ เธอได้ยินผู้คุมตรงทางเดินคุยกันเสียงเบาลอดผนังแผ่นไม้เข้ามา เหมือนจะพูดว่าแม่ของเธอยังไม่ล้มเลิกการตามหาเธอ ข้างนอกวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนของเธอบางคนยังรวบรวมความกล้า และก้าวออกมายืนอยู่ฝั่งเดียวกับเธอ ร้องขอและยื่นคำร้องไปทั่ว ขอให้พวกเขาเห็นเรื่องปฏิบัติการค้นหาตัวเธอเป็นเรื่องสำคัญ
ฟังถึงตรงนี้ เธอก็ซาบซึ้งจนขอบตาร้อนผ่าว ร่างกายที่ผอมแห้งเปี่ยมด้วยใจสู้ แม้แต่ผิวหนังเขียวช้ำก็เหมือนจะไม่เจ็บอีก กระเพาะที่ว่างเปล่าก็ไม่หิวโหยอีก เธอรู้สึกว่าตัวเองยังทนให้ถึงวันที่แม่หาเธอพบ และยอมทนถึงวันนั้น
เมื่อคืนมีคนมาสอนศาสนาล้างสมองเธอเหมือนเคย และหลังจากเธอยืนกรานปฏิเสธอีกครั้ง อีกฝ่ายกลับไม่ได้เตะต่อยเธอเหมือนปกติ แค่มองเธอครั้งหหนึ่ง ส่ายหน้าราวกับยอมแพ้ แล้วถึงจากไป
แววตาที่มองมาครั้งสุดท้ายนั้นเต็มไปด้วยการถากถาง เหมือนกำลังมอง…คนตาย
วันนี้ปริมาณอาหารที่ส่งมาห้องเธอมากกว่าปกติเล็กน้อย ถึงขนาดมีเนื้อสัตว์สองสามชิ้น
เธอดีใจมาก คิดว่าการต่อสู้ของแม่และเพื่อนๆ ได้ผลแล้ว และคิดว่าผ่านไปอีกสักสองสามวันตัวเองอาจจะถูกปล่อยออกมา
เมื่อกินข้าวที่มากกว่าปกติมื้อนี้แล้ว เธอก็ถูกคนพาออกจากห้องในรอบหลายวัน
เธอคิดว่าการปลดปล่อยมาถึงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้คนพวกนี้สบายใจ เธอจึงพูดรับประกันกับคนพวกนี้ไม่หยุด บอกว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรเลย ออกไปแล้วจะปิดปากเงียบ ไม่พูดอะไรทั้งนั้น ถึงยังไงเธอก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
คนพวกนั้นไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย ในขณะที่เธอเหมือนคนโง่ที่พูดกับตัวเอง
จนกระทั่งมือและเท้าของเธอถูกมัดอีกครั้ง แถมปากยังถูกอุดและถูกพาขึ้นเรือเล็ก เธอถึงจะรู้ว่าเรื่องราวคงไม่เหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้
ตอนเธอมองเท้าทั้งสองข้างของตัวเองถูกมัดตา ในที่สุดเธอก็เข้าใจเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ตอนนี้เธอยอมแพ้แล้วจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อบัญญัติอะไรก็ดี เธอยอมรับทั้งนั้น ถึงให้เธอกินอึ เธอก็ยอมแล้ว ขอแค่มีชีวิตรอด ก็ไม่มีเรื่องไหนสวยงามไปกว่านี้แล้ว…แต่น่าเสียดาย ปากถูกอุดเอาไว้ให้พูดขอร้องอะไรไม่ได้
ที่แท้เมื่อคืนก็คือโอกาสสุดท้ายแล้ว และอาหารเย็นวันนี้ก็คือมื้อสุดท้าย อาหารก่อนตัดหัวประหาร
เพื่อหยุดการทำเรื่องราวให้ใหญ่โตของแม่เธอ ในที่สุดคนพวกนี้ก็ตัดสินใจฆ่าปิดปากและอำพรางศพแล้ว
เดิมทีชีวิตของเธอควรจะจบลงที่ตรงนี้ แต่นักท่องเที่ยวจากจีนคนหนึ่งกลับพลิกผันชะตาชีวิตของเธอ