ตอนที่ 1590 แมวประหลาด

Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง

พอฟังเมแกนเล่าจบ จางจื่ออันก็เข้าใจทันที หลังจากเขาเข้ามาในป่า แม่ของเมแกนก็ไม่ได้อยู่เฉย แต่ยังเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกตลอด พยายามโน้มน้าวให้ทางการช่วยชีวิตเมแกนอีกครั้ง 

 

 

แต่ที่คุณนายมิลเลอร์คิดไม่ถึงคือ ถ้าเป็นการหายตัวไปธรรมดา ทำอย่างนี้ไม่มีปัญหา แต่ลูกสาวของเธอไม่ได้หายตัวไปธรรมดา ทำอย่างนี้ยิ่งเร่งให้ลูกสาวของเธอตายเร็วขึ้นเท่านั้น 

 

 

เมื่องานค้นหาช่วยชีวิตเริ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่ออาสาสมัครหาที่นี่เจอจริงๆ และได้ยินว่าเมแกนอยู่ที่นี่ เรื่องราวก็จะยุ่งยากขึ้น กำจัดความเป็นไปได้นี้ไม่ได้เลย 

 

 

ฉะนั้นพวกเขาจึงกำจัดเมแกนทิ้ง 

 

 

เขาไม่รู้ว่าจะปลอบเมแกนอย่างไร วันเวลาพวกนั้นจะต้องสร้างบาดแผลลึกให้กับร่างกายและจิตใจของเธอแน่นอน ทำได้แค่หวังว่าเวลาจะชดเชยความเจ็บปวดพวกนี้ให้เธอได้บ้าง 

 

 

ตอนนี้เอง เงาสีขาวสั่นไหวอยู่ที่หน้าประตู เสวี่ยซือจื่อวิ่งเข้าไปในห้องนอนอย่างกระตือรือร้น มันไม่บอกกล่าว แต่กระโดดขึ้นเตียงทันที แล้วปีนขึ้นไปหมอบลงบนต้นขาของเมแกน 

 

 

มันใช้อุ้งเท้าหน้าลูบขาของเธอเบาๆ แล้วตั้งใจถลึงตาใส่จางจื่ออัน สื่อความว่า อิจฉาไหม ข้าอยากลูบก็ลูบได้เลย! 

 

 

จางจื่ออัน “…” 

 

 

เมแกนกลับกอดเสวี่ยซือจื่อเอาไว้อย่างมีความสุข “ไฮ! เจ้าตัวเล็ก เธอก็มาปลอบใจฉันเหรอ เธอสวยจริงๆ เลยนะ เป็นแมวที่สวยที่สุดที่ฉันเคยเห็นเลย!” 

 

 

นี่…นับเป็นยูริแล้วหรือเปล่านะ? 

 

 

“มันชื่ออะไรเหรอคะ? ฉลาดจริงๆ รู้ว่าฉันกำลังเสียใจ ก็เลยวิ่งเข้ามาปลอบฉัน…” เธอคลี่ยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า ลูบขนแมวด้วยท่าทางเคลิบเคลิ้ม เทียบได้กับถูกฉีดยาชาเลยทีเดียว 

 

 

เธอคิดผิดแล้ว แต่จางจื่ออันไม่อยากบอกความจริงกับเธอ จึงตอบว่า “เอ่อ…มันชื่อเสวี่ยซือจื่อ” 

 

 

“เสวี่ยซือจื่อเหรอ…เธอตัวหนักจริงๆ นะเนี่ย” 

 

 

หลังจากถูกเธอกอดเอาไว้ในอก เสวี่ยซือจื่อก็ยิ่งไม่เกรงใจ ใช้อุ้งเท้าแมวสองข้างลูบไปทั่ว คนที่ถูกลูบก็มีความสุขทีเดียว 

 

 

เสวี่ยซือจื่อถือโอกาสตอนที่เธอไม่ได้สังเกต โชว์เขี้ยวแหลมคมให้เขา ความหมายคือ แม่เฒ่ามาจับตาดูเจ้า ชายขี้เหงากับหญิงโดดเดี่ยวอยู่ในห้องตามลำพัง ข้าจำต้องปกป้องหญิงสาวผู้นี้ไม่ให้ด่างพร้อยเพราะเจ้า…ถึงข้าจะสงสัยมาตลอดว่าเจ้านั่นของเจ้าขึ้นสนิมแล้วหรือยัง แต่คาดว่ารูดขึ้นลงสองครั้งก็คงพุ่งไปพันลี้! 

 

 

จางจื่ออัน “…” 

 

 

“คุณรู้ไหม? ฉันเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังแล้วสบายใจขึ้นเยอะเลย” เมแกนอุ้มเสวี่ยซือจื่อขึ้น แล้วถอนหายใจโล่งอก “ถึงจะออกไปนอกป่าแล้ว ฉันก็ไม่อยากเล่าเรื่องพวกนี้ให้แม่ฟัง ฉันกลัวว่าแม่จะเป็นทุกข์ แต่ถ้าอัดอั้นอยู่ในใจตลอด ฉันจะต้องเป็นบ้าตายแน่ๆ” 

 

 

“ถึงตอนนั้นคุณเล่าให้ตำรวจฟังก็ได้” เขาพูด 

 

 

พอพูดถึงตำรวจ เธอก็มีสีหน้าตกใจ เพราะเรื่องนี้ไปกระทบกระเทือนจิตใจของเธออีกครั้ง แต่ก็โทษเธอไม่ได้หรอก 

 

 

“หลายวันมานี้คุณถูกขังอยู่ในห้อง ไม่ได้ออกมาข้างนอกเลยงั้นเหรอครับ” เขาถาม “ผมอยากรู้รายละเอียดของที่นั่นมากกว่านี้ คุณพอจะนึกอะไรได้บ้างไหมครับ” 

 

 

เมแกนมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างกระวนกระวาย ราวกับกลัวว่าจะมีคนตามมาจับเธอกลับไปที่นรกนั่น “เจฟฟ์ ฉันว่าพวกเราควรจะรีบออกจากป่าให้เร็วที่สุด พอออกไปแล้ว ไม่ว่าคุณอยากถามอะไร ฉันจะตอบคุณทั้งหมด” 

 

 

“คุณไม่ต้องกลัวหรอก พวกเขาหาที่นี่ไม่เจอหรอก ไม่มีคนรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่” เขาพูดปลอบ “สภาพของคุณในตอนนี้ยังไม่ควรเดินทางไกล แถมอาหารที่ผมเอามาก็ไม่พอสำหรับสองคน พวกเราอยากรอดชีวิตออกไป ก็ต้องหาทางเอาเสบียงมาจากคนพวกนั้น” 

 

 

เหตุผลนี้พอจะเกลี้ยกล่อมได้ เมแกนเป็นคนที่มีเหตุผล หากเธอใจเย็นๆ และยอมเผชิญหน้ากับความจริง ก็จะเข้าใจว่าสองข้อนี้เป็นอุปสรรคที่ขวางไม่ให้พวกเขาออกไป ในป่ามีอันตรายรอบด้าน ถึงเป็นคนที่มีพละกำลังวังชา มีเสบียงอาหารพร้อมสรรพ แต่อยากรอดชีวิตออกจากป่าก็ไม่ง่ายนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเธอที่ตอนนี้ไม่มีอะไรเลย สติและแรงก็เหลือต่ำสุดๆ 

 

 

จางจื่ออันพูด “ผมตั้งใจจะแอบเข้าไปข้างใน แต่ผมต้องการความช่วยเหลือของคุณ” 

 

 

เมแกนตัดสินใจแล้ว “ก็ได้ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะเล่าทุกอย่างที่รู้ให้คุณฟัง แต่ฉันไม่ได้รู้เยอะ ส่วนใหญ่ฉันถูกขังอยู่ในบ้านที่ไม่มีหน้าต่าง แค่ได้ยินเรื่องบางเรื่องจากการพูดคุยของผู้คุม และเห็นบางแวบๆ สองสามนาทีที่ถูกพาออกไปเข้าห้องน้ำ” 

 

 

“ไม่เป็นไร เรื่องอะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่คุณรู้ ผมคิดว่าช่วยได้ทั้งนั้น” เขาให้กำลังใจ 

 

 

เมแกนคิด และพูดสรุปออกมา “คุณต้องระวังแมวพวกนั้น” 

 

 

“แมว?” จางจื่ออันสนใจ ตั้งอกตั้งใจฟัง 

 

 

ไม่เพียงแค่เขา พวกภูตสัตว์เลี้ยงที่เฝ้าอยู่ในห้องนั่งเล่นข้างนอกก็หูตั้งเหมือนกัน 

 

 

“ฉันไม่ได้หมายถึงเจ้าตัวเล็กน่ารักแบบนี้หรอกค่ะ” เธอจิ้มลายสีดำตรงหน้าผากของเสวี่ยซือจื่ออย่างเอ็นดู “แต่…แค่เห็นแมวชั่วร้าย…พระเจ้า! ฉันไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีแมวที่ทำให้ฉันขนลุกได้เลย!” 

 

 

จากเรื่องที่เมแกนเล่า เธอถูกขังอยู่ในห้องที่ไม่มีห้องน้ำ มีแค่ถังปัสสาวะถังเดียว ปล่อยเบาในถังได้เท่านั้น ทุกเช้าเธอจะถูกสั่งให้เดินเอาถังปัสสาวะไปล้างในห้องน้ำข้างนอก และถือโอกาสปล่อยหนักด้วย… 

 

 

ที่จริงเธอกินน้อยมา ผ่านไปสองสามวันก็คงไม่ปวดหนัก แต่ถ้าถูกขังอยู่ในห้องตลอด เธอคงจะเป็นบ้าจริงๆ ถึงแค่สองสามนาทีก็ยังดี เธอขอออกมาเดินสักหน่อย 

 

 

มีครั้งหนึ่งเธอถือถังปัสสาวะเพิ่งออกมาจากห้อง กำลังจะเดินไปห้องน้ำ อยู่ๆ ก็ถูกผู้คุมขวางเอาไว้ 

 

 

ผู้คุมบอกให้เธอรอก่อนค่อยไป 

 

 

ตอนนี้เธอเห็นแมวสองตัวกำลังเดินเอ้อระเหยมาจากอีกด้านหนึ่งของทางเดิน ถ้าพวกมันไม่ได้มีรูปร่างเป็นแมว จากสีหน้าและท่าทางแล้ว คงจะเหมือนเจ้าชายและเจ้าหญิงสูงศักดิ์มากกว่า 

 

 

“เดี๋ยวก่อน? คุณบอกว่าแมวสองตัวเหรอ” 

 

 

จางจื่ออันขัดจังหวะ “คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้มองผิด?” 

 

 

“ค่ะ” เมแกนพยักหน้า ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถามอย่างนี้ “เป็นแมวสองตัวจริงๆ ตัวหนึ่งอยู่ข้างหน้า เดินอยู่กลางทางเดิน เหมือนตำแหน่งสูงกว่านิดหน่อย ทั้งยังมีสีหน้าเยือกเย็น ส่วนอีกตัวเดินตามหลังเยื้องๆ กับตัวแรกด้วยแววตาดุดัน ร่างกายแข็งแรง ท่าทางก้าวย่างดูมีพลัง ความรู้สึกเหมือน…บอดี้การ์ดของประธานาธิบดี” 

 

 

“อืม แล้วยังไงต่อครับ” จางจื่ออันพูด 

 

 

เธอขมวดคิ้ว “ฉันรู้ว่าแมวทุกตัวมีความพิเศษเฉพาะตัว แมวทุกตัวมีความคิดและวิธีของตัวเอง และมีคนบอกว่าแมวทุกตัวเป็นโรคตื่นตัวง่าย ไม่ว่าทำอะไรแปลกๆ ก็อยากรู้อยากเห็นไปหมด…แต่แมวสองตัวนี้แปลกกว่าแมวทุกตัวที่ฉันเคยเจอ พอพวกมันเห็นฉันแล้ว ก็เหมือนเห็นฉันเป็นขยะ ทั้งดูถูกและเหยียดหยาม ฉันคงลืมสายตาแบบนั้นไม่ลงไปชั่วชีวิต” 

 

 

เหยียดหยาม… 

 

 

จางจื่ออันหันกลับไปมองทันที ก็เห็นฟีน่ายืนเหม่อลอยอยู่หน้าประตูห้องนอนเหมือนกัน 

 

 

“เหยียดหยามแบบนั้นหรือเปล่า?” เขาชี้ฟีน่า เพราะสายตาที่มันมองเขาทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองถูกเหยียดหยามเสมอ 

 

 

“ไม่ๆๆ ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ เป็นแบบ…รังเกียจของสกปรก แต่ของสกปรกไม่ใช่ถังปัสสาวะในมือของฉัน แต่เป็น…ฉันเอง”