ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

**บทที่****275:**หนทางที่ได้เผชิญหน้า

“ท่านมีแผนอย่างไร?” หานหลิงเฟิงถามออกมาด้วยความอยากรู้

“ฮี่ฮี่ ความลับแห่งสวรรค์นั้นไม่อาจเปิดเผยได้!” ซ่งจงตอบกลับอย่างลึกลับ

“บุรุษเจ้าเล่ห์ มาดูกันว่าท่านจะบอกข้าไหม!” หานหลิงเฟิงกระโจนเข้าหาเจ้าอ้วนด้วยความโกรธพร้อมกับทุบตีเขาด้วยหมัดน้อยๆของนาง

แม้ว่าหมัดของนางจะสามารถทำลายกระดูกของมนุษย์ที่อ่อนแอได้ แต่สำหรับซ่งจงนั้นมันเป็นเพียงการนวดที่อ่อนโยนเท่านั้น ไม่เพียงแต่ไม่สร้างความเจ็บปวด แต่มันกลับปลุกไฟราคะในร่างกายของเขาขึ้นมาอีก เขานั้นอดทนเป็นสุภาพบุรุษมาเนิ่นนานต่อหน้าซูหยูและซูหยุน แต่ในตอนนี้ภาพลักษณ์ของเขาแตกหักเมื่อพบเจอกับหานหลิงเฟิง สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในต่อจากนี้เทียบได้กับความโกรธแห่งสรวงสวรรค์ ซึ่งคล้ายกับการเติมเต็มท้องฟ้าด้วยฤดูใบไม้พลิ!

แม้ว่าสำนักพันปีศาจจะเป็นสำนักแห่งความชั่วร้าย แต่มันก็เป็นที่รู้จักดีเพราะว่าประวัติของสำนักนั้นยาวนานเทียบเท่ากับหอเฉวียนจี้ และไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักเสวียนเทียนเลย ถ้าไม่เช่นนั้นก็คงไม่อาจอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ สำนักเสวียนเทียนนั้นต้องการที่จะล้มล้างสำนักพันปีศาจอยู่เสมอ การต่อสู้ของพวกเขาเกิดขึ้นเสมอเมื่อพบเจอกันด้านนอก

ที่ตั้งของสำนักพันปีศาจนั้นไม่ได้อยู่ห่างจากหอเฉวียนจี้มากนัก ระยะทางของมันเพียงสองแสนลี้เท่านั้น ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินใช้เวลาเดินทางเพียงวันเดียวจากหอเฉวียนจี้ไปสำนักพันปีศาจ

ด้วยความที่เป็นสำนักแห่งความชั่วร้าย แน่นอนว่าหนทางที่จะเข้าถึงสำนักได้นั้นต้องเลวร้ายอย่างมาก รัศมีของมันกว้างใหญ่กว่าหนึ่งหมื่นลี้ ซึ่งการทำเช่นนี้ราวกับว่าตนเองนั้นเป็นสำนักแห่งความชอบธรรมดั่งเช่นสำนักเสวียนเทียนหรือหอเฉวียนจี้ที่ขยายรัศมีของตนเองอย่างกว้างไกล

แน่นอนว่าอาคารหลักของสำนักพันปีศาจนั้นมีขนาดใหญ่เช่นกัน มันครอบคลุมมากกว่าสองถึงสามพันลี้ มีผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น

เหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญของสำนักพันปีศาจไม่ต้องการที่อาศัยอยู่ในห้องโถงหรืออาคารสักเท่าไหร่นัก พวกเขารู้สึกว่าการอยู่ในถ้ำนั้นปลอดภัยกว่า นี่เป็นเพราะผู้ฝึกตนชั่วร้ายนั้นไม่ไว้วางใจพวกเดียวกัน ทุกคนล้วนแต่อาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวและห่างไกลกันมาก นอกจากนี้รอบบริเวณพวกเขายังติดตั้งกับดักและค่ายกลมากมาย!

แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ค่ายกลป้องกันของสำนักพันปีศาจลดลงเล็กน้อย แต่การป้องกันส่วนบุคคลของพวกเขานั้นถูกยกระดับขึ้น แน่นอนว่าแม้การป้องกันโดยรวมจะอ่อนแอลงแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทำลายได้โดยง่าย การที่ซ่งจงเดินทางไปพร้อมกับเรือมังกรทองคำอย่างโดดเดี่ยวแน่นอนว่าเขาจะได้พบเจอกับความพ่ายแพ้!

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าปราการจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่พวกมันล้วนแต่มีความอ่อนแอ สำนักพันปีศาจนั้นไม่ได้แตกต่างจากสำนักอื่น นี่คือแผนที่อยู่ในใจของซ่งจง

ในวันนี้มีบุคคลตัวสูงท่าทางลับๆล่อๆกำลังเดินอยู่ในสำนักพันปีศาจ เขาก็คือซ่งจง เพื่อไม่ให้ใครรู้ตัว เขาเดินเข้าดินแดนของศัตรูอย่างระมัดระวัง เขาใช้แม่มดเทวะเพื่อจัดการกับศัตรูบนเส้นทางและใช้เวลาเดินเท้ามาที่สำนักพันปีศาจเกือบหนึ่งเดือน

อย่างไรก็ตาม ซ่งจงไม่ได้รีบร้อนเพื่อทำลายสำนักพันปีศาจ เขาจะต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ไม่ใช่นั้นความสำเร็จจะห่างไกลจนถึงขั้นที่เป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่เต็มไปด้วยอิทธิพลด้านมืด มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะพบเจอกับศัตรูได้ทุกเวลา ดังนั้นซ่งจงจึงต้องระมัดระวังมากกว่าปกติ เขาไม่กล้าที่จะบินสูงเหนือพื้นดินมากนัก เขาใช้ความเร็วในการบินต่ำมากและไม่บินสูง ข้อดีก็คือเขาจะไม่ถูกพบโดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาใช้ทักษะการพรางตัว ซ่อนร่างกายไว้ในม่านหมอก หากไม่ได้มองอย่างพิจารณาแน่นอนว่าซ่งจงจะไม่ถูกค้นพบ

ในขณะที่ซ่งจงกำลังระมัดระวัง เขาได้รับข่าวจากแม่มดเทวะว่าด้านหน้ามีผู้ฝึกตนสี่คน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นสาวกของสำนักพันปีศาจ!

ซ่งจงที่อยู่ในความเหนื่อยล้าถูกปลุกขึ้นทันที เขารีบติดต่อกลับทันทีพร้อมสั่งให้ติดตามสถานการณ์ของทั้งสี่คนนั้นอย่างใกล้ชิด

ทั้งสี่คนนั้นประกอบไปด้วยชายสองหญิงสอง ผู้ชายทั้งสองดูเหมือนว่าจะอายุราวยี่สิบปี หนึ่งคนอยู่ในชุดคลุมสีเหลืองอีกหนึ่งอยู่ในชุดคลุมสีชมพู ใบหน้าของพวกเขานั้นเต็มไปอะไรสักอย่างที่ไม่ได้ดูดีนัก

 

 

ส่วนหญิงสาวนั้นอยู่ในชุดคลุมสีแดงและสีขาว พฤติกรรมของพวกนางนั้นดูไม่เหมือนบุคคลที่มาจากครอบครัวธรรมดาเลย บุคลิคของพวกนางไม่ต่างอะไรจากหญิงเพศยา แต่ก็ไม่สามารถตำหนิทั้งสองได้ สำนักพันปีศาจมักจะใช้เคล็ดวิชาที่เกี่ยวกับเพศเช่นนี้อยู่เสมอกับหญิงสาวและมันจะทรงพลังอย่างมากเมื่อต้องฝึกฝนแบบคู่ เห็นได้ชัดว่าทั้งสี่กำลังใช้การฝึกฝนเช่นนั้น

ในบรรดาสี่คนนี้ สามคนอยู่ในระดับเซียนเทียน มีเพียงหญิงสาวชุดคลุมีแดงเท่านั้นที่อยู่ในระดับปฐมภูมิ ทั้งสี่ดูเหมือนว่าจะถูกมอบหมายให้เฝ้าระวัง เนื่องจากในตอนนี้ทั้งสี่เหนื่อยล้าจากการเดิน ทั้งหมดตัดสินใจที่จะหยุดพักสักครู่

ซ่งจงรู้สึกแปลกประหลาดทันที ในฐานะผู้ฝึกตนแน่นอนว่ามันย่อมไม่ยากที่จะใช้ดาบบิน แม้ว่าพวกเขาจะทำหน้าที่ลาดตระเวนมันก็ควรจะเป็นเพียงสายตาสอดส่องคร่าวๆเท่านั้น แต่พวกเขาทั้งหมดจะรู้สึกเหนื่อยล้าจนกระทั่งหาที่นั่งพักได้อย่างไรกัน? หรืออาจจะมีสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้อง? เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ซ่งจงบังคับจิตใจให้เข้าสู่สภาวะสงบนิ่งและออกคำสั่งให้แม่มดเทวะดักฟังพวกมันทั้งสี่อย่างใกล้ชิด

ผู้ฝึกตนในชุดคลุมสีเหลืองกลืนน้ำลงไปคำใหญ่พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างหดหู่ “ศิษย์พี่ ยี่สิบวันที่ผ่านมานี้เราคอยลาดตระเวนกันมาอย่างหนัก มันคืออะไรทำไมเราต้องทำงานหนักเช่นนี้?”

“แน่นอน!” หญิงสาวชุดคลุมสีขาวกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ “มันไม่ใช่ซ่งจงผู้นั้นเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับจินตันงั้นหรือ? ทำไมพวกเราสำนักพันปีศาจจึงต้องทุ่มเทบุคคลมากมายหลายพันคนเพื่อลาดตระเวนตรวจตราในทุกวัน เขาจะมาที่นี่เพื่อสังหารพวกเราทั้งหมดสินะ!”

“อ่า เจ้าคิดว่าข้ากำลังสนุกงั้นหรือ?” ผู้ฝึกตนชุดคลุมสีแดงกล่าวออกมาอย่างหดหู่ “เราไม่มีทางเลือก อาวุโสระดับสูงสั่งให้เราระมัดระวังมากยิ่งขึ้น และวางกำลังเป็นสองถึงสามเท่า ดังนั้นเราก็จะต้องทุกข์ทรมานกันอีกสักเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากนังเพศยาแม่มดเปลือยกาย เหตุใดนางจึงคิดที่จะไปยั่วยุดาวมืดดวงนั้น!”

เมื่อเขาได้ยินผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิกล่าวเช่นนั้น ทั้งสามเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ผู้ฝึกตนชุดขาวกล่าวออกมาทันที “ศิษย์พี่ ซ่งจงนั้นแม้ว่าจะสร้างความบาดเจ็บให้กับอาวุโสเฟิงได้ แต่ในตอนท้ายเขาก็เป็นเพียงมือใหม่และเป็นสาวกของสำนักเสวียนเทียน แต่เขาไม่มีแม้แต่กองหนุนที่คอยช่วยเหลือ ทำไมเราจะต้องเกรงกลัวเขาด้วย?”

“อ่า!” ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิถอนหายใจออกมา “พวกเจ้านั้นไม่รู้อะไร ในตอนนี้ซ่งจงไม่มีสำนักแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เขาทำลายหอเฉวียนจี้เมื่อเดือนก่อน! เจ้าคิดว่าเราควรเกรงกลัวเขาหรือไม่?”

“เอะ? เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร?” ผู้ฝึกตนชุดคลุมขาวกล่าวออกมาด้วยความตกใจ

“อย่าถามข้าเลยเพราะข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ข้าได้ยินว่ามีสมบัติบางสิ่งที่เขานั้นครอบครองอยู่ แต่ระดับการฝึกฝนของข้านั้นต่ำเกินไปจึงไม่รู้รายละเอียดมากกว่านี้ มีเพียงผู้ฝึกตนระดับจินตันเท่านั้นที่รับรู้เรื่องเหล่านั้น!” หญิงสาวชุดแดงกล่าวออกมาอย่างไร้หนทาง

“แล้วมันเกี่ยวข้องกับแม่มดเปลือยกายอย่างไร?” ผู้ฝึกตนชุดคลุมสีเหลือกล่าวแทรก

“เล่ากันว่าแม่มดเปลือยกายนั้นเป็นลูกทีมของซ่งจงเมื่อครั้งที่อยู่ในทะเลตะวันออกและนางได้ขายซ่งจงให้กับอาวุโสเฟิง แต่ทว่าอาวุโสเฟิงไม่สามารถสังหารเขาได้และเขาหนีไป!” ผู้ฝึกตนชุดแดงกล่าวออกมาอย่างโกรธแค้น “ดังนั้นซ่งจงจึงเกลียดชังสำนักพันปีศาจเข้ากระดูกดำของเขา อย่างที่เห็น ถ้าหากไม่ใช่เพราะแม่มดเปลือยกาย ซ่งจงก็จะไม่มาเคาะประตูสำนักของเราเพื่อแก้แค้นและพวกเราก็จะไม่ต้องคอยลาดตระเวนตลอดเวลาเช่นนี้!”

เหมือนว่าผู้ฝึกตนชุดคลุมสีแดงจะมีอคติกับแม่มดเปลือยกายเล็กน้อย นางย้ำแต่ว่าเป็นความผิดของแม่มดเปลือยกายแต่ไม่โทษอาวุโสเฟิงที่ไม่สามารถจัดการกับซ่งจงได้ อย่างไรก็ตามนี่เป็นสิ่งปกติที่นางไม่กล้าจะยั่วยุผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน นางจึงโยนความผิดทั้งหมดให้กับแม่มดเปลือยกาย

หลังจากที่ทั้งสามคนได้ยินคำพูดของนาง พวกเขาโกรธทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกตนชุดคลุมสีขาว นางสาปแช่งออกมาอย่างรุนแรง “นังเพศยา ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านางนั้นแตกต่างจากพวกเรา เห็นได้ชัดว่านางนั้นไร้ประโยชน์ นางคิดจะสร้างมูลค่าให้กับตนเองเช่นนี้ได้อย่างไร? ดูพวกเราตอนนี้สิต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เพราะนาง!”

“ถูกต้องแล้ว! พวกเราไม่ควรอนุญาตให้นางกลับมา การปล่อยให้นางตายตกไปที่ทะเลตะวันออกย่อมดีกว่า!” ผู้ฝึกตนอีกคนกล่าวออกมา

“เหอะ!” ผู้ฝึกตนในชุดคลุมสีแดงเหยียดหยันก่อนจะกล่าวว่า “มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่านางใช้วิธีใดหลอกล่อให้อาวุโสเฟิงเห็นใจ เขาไม่เพียงแต่จะให้นางกลับมา แต่เขายังมอบสมบัติวิเศษขั้นห้าให้กับนางอีกด้วย มันคือกริชวิญญาณเหมันต์ นอกจากนี้เขายังสอนทักษะให้กับนางด้วยตนเองอีกทั้งยังช่วยให้นังเพศยาผู้นั้นเข้าสู่ระดับจินตันอีกด้วย ทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”

 

“ใช่แล้ว” ผู้ฝึกตนในชุดคลุมขาวกล่าวออกมาอย่างรังเกียจ “เมื่อก่อนนั้นนางต่ำต้อยและเคารพพวกเรามาตลอด แต่นับตั้งแต่นางเข้าสู่ระดับจินตัน นางนั้นเหยียดหยามพวกเราตลอดเวลา ช่างหยิ่งยโสยิ่งนัก!”

“เหอะ!” ผู้ฝึกตนชุดแดงกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “นังเพศยานั่นไม่อาจมีชีวิตต่อไปได้นาน หลังจากมันได้พาหายนะครั้งใหญ่มาเพราะนางไปรุกรานซ่งจง นางจะสร้างปัญหาให้กับผู้เชี่ยวชาญของสำนักและปัญหามากมายจะตามมาในอนาคต! หึ พวกเจ้าคงจะไม่เห็นใบหน้าของแม่มดเปลือยกายเมื่อได้ยินว่าซ่งจงกำลังกลับมาแก้แค้นและทำลายหอเฉวียนจี้ไปแล้ว ใบหน้าของนางซีดขาวและร่างกายสั่นไหวจนควบคุมไม่ได้! สิ่งนี้แสดงได้อย่างดีว่านางเกรงกลัวซ่งจงมากเพียงใด!”

“แค่กลัวยังไม่พอ มันจะดีที่สุดถ้าหากเราปล่อยให้เขาฉีกนางออกเป็นชิ้นๆ!” ผู้ฝึกตนชุดคลุมสีเหลืองหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย

“ถูกต้อง!” ผู้ฝึกตนอีกคนพยักหน้าเห็นด้วย

“ในเวลานั้นมีเสียงที่แปลกประหลาดดังออกมา “ง่ายมาก ตราบใดที่พวกเจ้าให้ข้อมูลกับข้าสักหน่อย ข้าจะฉีกแม่มดเปลือยกายเป็นชิ้นๆตามคำขอ!”

เมื่อเสียงนั้นกล่าวจบ บุคคลที่แข็งแกร่งค่อยๆเดินออกมาจากป่าอย่างช้าๆ

ทั้งสี่คนตื่นตระหนกทันที พร้อมกับเรียกอุปกรณ์ของตนเองออกมา ทั้งหมดตกใจอย่างช่วยไม่ได้เพราะบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นไม่ใช่คนที่พวกเขารู้จัก

หญิงสาวชุดคลุมสีแดงกล่าวออกมา “ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านมีนามว่าอะไร?”

“ข้าคือคนที่พวกเจ้าเรียกว่าซ่งจง! ทำไม? ไม่ต้อนรับข้างั้นหรือ?” ซ่งจงหยอกล้อ

“อ่า นี่คือซ่งจง!” ทั้งหมดหน้าซีดทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้ฝึกตนชุดคลุมสีแดงตะโกนออกมา “รีบเปิดการแจ้ง….”