ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
บทที่****274:แผนทำลายสำนักพันปีศาจ
หลังจากที่เผชิญหน้ากับหานปิงเอ๋อเช่นนี้ เหงื่อของเขาไหลท่วมร่างกายอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยรู้สึกอึดอัดภายในใจมากถึงเพียงนี้ นางได้เผยไม้ตายของตนเองทั้งหมดและกล่าวถึงฉุ่ยจิ้ง ไม่ว่าซ่งจงจะพูดเก่งขนาดไหน ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาเช่นนี้ได้ เขาคิดถึงสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อสาวพรมจรรย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ในขณะที่เขาไม่ได้ทำอะไรนาง แต่มันก็ไม่ต่างอะไรจากทำสักเท่าไหร่
ในตอนนี้นางถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่การสอบสวนแบบดุเดือดและไม่มีความโกรธในแววตาของนาง ความสงบเช่นนี้ทำให้ซ่งจงละอายใจโดยสมบูรณ์ เขาไม่อาจแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาได้ เขาไม่รู้จะกล่าวอย่างไรในตอนนี้ จึงพูดออกมาอย่างโง่งม “ฮ่าฮ่า วันนี้อากาศดีนะ!”
หลังจากที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาคิดที่จะหนีออกจากสถานการณ์ตรงนี้ให้เร็วที่สุดราวกับว่าหานปิงเอ๋อนั้นเป็นอสูรกายที่ดุร้าย
เมื่อหานปิงเอ๋อเห็นว่าซ่งจงคิดจะหลบหนีไปอย่างน่าสมเพช นางไม่รู้ที่จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เจ้าอ้วน ข้าไม่ได้คิดจะกล่าวโทษเจ้า ทำไมเจ้าจึงคิดที่จะวิ่งหนีด้วย?”
เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น นางมองไปที่ซากพังๆด้านหลัง ฝุ่นยังคงไม่หายไป หอเฉวียนจี้ที่เคยสูงใหญ่เป็นสง่า บัดนี้ได้หายไปจนหมดสิ้น มีเพียงอาคารเล็กๆเท่านั้นที่ไม่หายไป แต่เนื่องจากค่ายกลป้องกันของสำนักถูกทำลาย โถงเฉวียนจี้จึงถูกทำลายไปด้วย อาคารที่ยังเหลืออยู่จึงไม่ได้ปลอดภัยมากนัก หลังจากการต่อสู้เมื่อครู่นี้ ทำให้หอเฉวียนจี้ถูกลบออกไปจากโลกนี้โดยสมบูรณ์ ในเวลาเดียวกันซ่งจงได้กลายเป็นผู้ต้องหาร้ายแรงของหอเฉวียนจี้เช่นกัน
แน่นอนว่าสำนักเฉวียนจี้จะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างง่ายดาย มันไม่ใช่แค่เรื่องผลประโยชน์ แต่มันเกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของทุกคน สิ่งของที่บรรพบุรุษสร้างสะสมมายาวนานนับหมื่นปี แต่ถูกมือใหม่ทำลายอย่างย่อยยับ นี่ถือว่าเป็นการข้ามหน้าข้ามตากันอย่างรุนแรง ในตอนนี้สถานการณ์ได้ดำเนินต่อไปแล้ว มันไม่ใช่เรื่องของความถูกผิดอีกต่อไป แม้ว่าซ่งจงจะมีเหตุผลที่ชอบธรรม แต่สำนักเฉวียนจี้จะไม่สนใจและไล่ล่าเพื่อสังหารเขาอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นสำนักเฉวียนจี้ก็คงไม่อาจมีใบหน้าไปพบกับสำนักอื่นๆได้อีก
“เตรียมต้อนรับกิจกรรมที่กำลังจะมาถึงเถิด มันจะติดตามไล่ล่าเจ้าเสียยิ่งกว่าเงาตามตัว เจ้าอ้วนได้โปรดดูแลตัวเอง!” หานปิงเอ๋อนั้นรู้ดีว่านางไม่อาจทำอะไรได้ ด้วยสถานะของนางทางโลกของผู้ฝึกตนนั้นช่างน้อยนิด ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงถอนหายใจยาวและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเจ้าอ้วนและเรือมังกรทองคำบินออกมาสักระยะหนึ่ง เขาเห็นว่าหานปิงเอ๋อไม่ได้ไล่ล่า เจ้าอ้วนรีบพาหานหลิงเฟิงออกมาจากเรือพร้อมเก็บมันอย่างรวดเร็ว เรือของเขานั้นเผาหินจิตวิญญาณระดับสูงมากถึงหนึ่งพันก้อนในการบินเพียงสิบนาที สิ่งนี้นั้นคล้ายกับการเผาเงินเล่น! แม้ว่าเจ้าอ้วนจะร่ำรวยอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สามารถจะใช้จ่ายสิ้นเปลืองเช่นนี้ได้
หลังจากที่ลงจากเรือมังกรทองคำ เขาเก็บมันอย่างรวดเร็วพร้อมกับพบเจอถ้ำที่บริเวณใกล้เคียง เขาเซ็ตค่ายกลสำหรับเตือนภัยในบริเวณรอบๆ
หลังจากที่ซ่งจงเตรียมการเสร็จสิ้น เขาหันไปมองหานหลิงเฟิงที่ยืนหน้าแดงก่ำอย่างไม่รู้จะทำตัวเช่นไร
เมื่อซ่งจงเห็นเช่นนั้น เขาได้แต่ถามออกมาด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?”
สำหรับหานหลิงเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้น นางก้มหัวลงและดุซ่งจง “เจ้าคิดจะทำเรื่องล่อแหลม? ในกลางวันแสกๆ ในถ้ำที่ค้นหาเจอแบบสุ่มๆเช่นนี้…” นางกล่าวออกมาเช่นนี้แล้วเงียบไป
ในขณะนั้นซ่งจงได้ยิน เขารู้ทันทีว่าหานหลิงเฟิงเข้าใจเขาผิด นางคิดว่าเขาต้องการมีช่วงเวลาที่ดีกับนางภายในถ้ำ หลังจากที่ซ่งจงเข้าใจเรื่องราว เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกล่าวว่า “เจ้าคิดอะไรอยู่? ข้าไม่ใช่อสูรกายที่หื่นกระหายตลอดเวลา เหตุใดข้าจึงต้องทำตัวเช่นนั้นในสถานการณ์ล่อแหลมเช่นนี้?”
เมื่อหานหลิงเฟิงได้ยินเช่นนั้น นางตกใจก่อนที่จะกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นถ้ำแห่งนี้คืออะไร?”
เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะอย่างขื่นขมพร้อมกับอธิบาย “ข้าอยากจะพาเจ้าไปที่ไหนสักแห่ง!”
“สักแห่งงั้นหรือ?” หานหลิงเฟิงกล่าวออกมาอย่างสับสน “ที่นี่? ที่นี่มีอะไรให้ดูงั้นหรือ?”
“แน่นอนว่ามันไม่ใช่ถ้ำนี้!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาจับมือของหานหลิงเฟิงพร้อมเผยยิ้มออกมา “สถานที่ที่ข้าต้องการพาเจ้าไปคือที่นี่ต่างหาก!” เมื่อเขากล่าวจบ ซ่งจงพาหานหลิงเฟิงเข้ามิติลึกลับของตนเองทันที
หานหลิงเฟิงนั้นรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและเหมือนว่านางอยู่ในอีกมิติหนึ่ง มันไม่ใช่สถานที่ขนาดใหญ่ ปราณจิตวิญญาณในสถานที่แห่งนี้หนาแน่นอย่างมาก ความหนาแน่นของมันมากกว่าห้องโถงอัคคีเทวะภายในสำนักเสวียนเทียนสองถึงสามเท่า
จากนั้นนางมอบไปรอบๆพร้อมกับเห็นกองสมบัติมากมายอยู่บนดินสีดำจนเกือบจะเต็มพื้นที่ อีกด้านหนึ่งของมิติเต็มไปด้วยสมบัติกองยักษ์ อีกด้านหนึ่งคือดอกบัวแห่งองค์ประกอบทั้งห้า ชาวิถีเต๋าและสมบัติอื่นๆ
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือเรือมังกรทองคำนั้นลอยอยู่กลางอากาศ ขนาดที่ใหญ่กว่าสามพันฟุตและรูปร่างที่น่าเกรงขาม ให้ความรู้สึกลึกลับอย่างมากเมื่อมองดูมัน เมื่อนางอยู่บนเรือ นางไม่ได้รับรู้ความรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่มากเพียงใด แต่ในตอนนี้นางอยู่ใต้เรือมังกรทองคำ ราวกับว่าดวงตาของมังกรจ้องมองอยู่ ทำให้นางเกรงกลัวจนแทบจะตายตกไปตรงนี้
เมื่อเห็นภาพที่น่าเกรงกลัวเช่นนี้ หานหลิงเฟิงอึ้งไปทันที นางหันมองทั้งซ้ายและขวาพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ สมบัติมากมายล้อมรอบนางอยู่ นางเอื้อมมือไปจับมือของซ่งจงและกล่าวออกมาอย่างติดขัด “ศิษย์พี่ซ่ง ที่นี่ ที่นี่คือที่ไหน? เราอยู่ที่ไหน? ทำไมมันเต็มไปด้วยสมบัติ?”
“ฮี่ฮี่!” ซ่งจงเผยยิ้มอย่างร่าเริง “นี่คือมิติลึกลับ มันคือสมบัติของข้า ทุกอย่างที่อยู่ในนี้คือของๆข้า เดี๋ยวข้าจะแนะนำทั้งหมดให้กับเจ้า!”
เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น ซ่งจงจับมือหานหลิงเฟิงพร้อมกับพานางเดินดูสมบัติรอบๆ เริ่มจากมัจฉาไร้เนตร เห็ดวิญญาณจนถึงระฆังทองแดงและภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า ซ่งจงบอกกล่าวกับนางทุกอย่างโดยไม่ปิดบังอะไร
ซ่งจงใช้เวลาสองถึงสามชั่วโมงสำหรับการแนะนำสมบัติทั้งหมดที่เขามีให้กับหานหลิงเฟิง จากนั้นเขาพานางขึ้นไปบนเรือมังกรทองคำ ทั้งสองเพลิดเพลินกับไวน์และพูดคุยกันอย่างออกรส
“ศิษย์พี่ซ่ง ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าท่านร่ำรวยอย่างมาก ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าท่านจะมีสมบัติมากมายเพียงนี้!” หานหลิงเฟิงกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างขื่นขม “แม้แต่ภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า ยังมีสิ่งที่แข็งแกร่งผิดปกติในมือของท่านดั่งเช่นเรือมังกรทองคำนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านกล้าที่จะต่อสู้กับหอเฉวียนจี้หรือสำนักเสวียนเทียนเพียงคนเดียว!”
“มันไม่เกี่ยวกับว่าข้ากล้าหาญหรือไม่ แต่มันเป็นเรื่องที่ข้าต้องทำอยู่แล้ว!” ซ่งจงวางแก้วไวน์ลงพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างเขร่งขรึม “ความจริงแล้ว แม้ว่าข้าจะมีทั้งหมดนี้ ข้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสำนักเสวียนเทียนและหอเฉวียนจี้ ทั้งสองสำนักนั้นมีผู้ฝึกตนระดับต้าเชิ่งอยู่ ข้าจะไปเทียบกับพวกเขาได้อย่างไร?”
“แล้วเหตุใดท่านจึงยังคิดที่จะต่อสู้กับพวกเขา?” หานหลิงเฟิงกล่าวออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ในตอนแรกข้าไม่ได้ต้องการทำเช่นนี้ แต่ใครขอให้พวกเขาทำกับข้าเช่นนี้กันล่ะ?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างเลื่อนลอย “ครอบครัวของข้าถูกฮัวเฉียนหวู่จัดการ ฮัวอวิ๋นและฮัวชิงหยุนรู้เรื่องนี้แต่กลับปกปิดมัน อีกทั้งยังช่วยเหลือนางให้ขาวสะอาด เมื่อเห็นว่าไม่สามารถปกปิดมันได้อีกต่อไป ทั้งหมดต้องการที่จะปิดปากข้า! เหอะ ข้านั้นไม่ใช่คนมีพรสวรรค์ แต่ก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดที่จะยอมให้ผู้ใดมารังแก แม้ว่าข้าจะต้องตาย ข้าก็จะตายไปพร้อมกับแม่น้ำแห่งโลหิต!”
“ศิษย์พี่ซ่ง!” หานหลิงเฟิงจ้องมองซ่งจงด้วยแววตาที่สับสน “ข้าขอโทษถ้าหากข้ากล่าวอะไรผิดไป ไม่ว่าอะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็จะติดตามและช่วยเหลือท่านด้วยชีวิต!”
“อือ!” ซ่งจงพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “ในตอนนี้เจ้าไม่สามารถช่วยเหลือข้าได้มากนัก ดังนั้นภารกิจในตอนนี้ของเจ้าคือฝึกฝน ภายในสถานที่แห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยปราณจิตวิญญาณที่หนาแน่นและมีแม่มดเทวะทั้งเก้าคอยช่วยถ้าหากเจ้าพบกับปัญหา สิ่งเดียวที่ข้าขอให้เจ้าทำในตอนนี้คือเข้าสู่การฝึกฝนแบบปิดซะ เจ้าจะต้องเข้าสู่ระดับจินตันโดยเร็วที่สุด ในเวลานั้นเจ้าจะสามารถช่วยเหลือข้าได้!”
“ศิษย์พี่ซ่งมั่นใจได้เลย น้องสาวผู้นี้จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!” หานหลิงเฟิงกล่าวออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว
“ฮี่ฮี่ ข้าเชื่อเจ้า!” ซ่งจงเผยยิ้มออกมาพร้อมกับกอดนางไว้อย่างอ่อนโยน “ถ้าหากข้าไม่เชื่อใจเจ้า แน่นอนว่าข้าคงไม่บอกเจ้าเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้!”
“ขอบคุณที่เชื่อใจข้า!” หานหลิงเฟิงจูบเจ้าอ้วนด้วยความรัก จากนั้นนางมองไปที่เข้าด้วยดวงตาที่เปรอะเปื้อน “เอาล่ะ ท่านจะทำอะไรต่อไปในอนาคต?”
“แน่นอน ข้าจะต้องแก้แค้นต่อ!” ซ่งจงตอบกลับอย่างโกรธแค้น “ถ้าหากข้าไม่ได้สังหารฮัวเฉียนหวู่ ข้าก็คงไม่อาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้ในโลกใบนี้!”
“แต่ท่านรู้งั้นหรือว่าฮัวเฉียนหวู่นั้นหลบหนีไปที่ใด?” หานหลิงเฟิงกล่าวออกมา “อย่าบอกนะว่าท่านต้องการที่จะออกตามหานาง?”
“แน่นอนว่าไม่ ฮัวเฉียนหวู่นั้นเกรงกลัวข้าและไม่จำเป็นต้องตามหานาง ให้นางรู้สึกสนุกกับความกลัวนี้ไปเรื่อยๆ! อย่างไรก็ตามข้านั้นมีศัตรูมากมายและไม่มีเวลาที่จะไปค้นหานางในตอนนี้!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“ท่านจะไปหาใครเพื่อแก้แค้น?” หานหลิงเฟิงกล่าวออกมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
“แน่นอนว่าต้องเป็นไอ้พวกบัดซบจากสำนักพันปีศาจ!” ซ่งจงกล่าวออกมา “พวกมันเป็นคนลงมือทำ บุคคลเหล่านั้นถูกสั่งโดยฮัวเฉียนหวู่ ในตอนนี้หอเฉวียนจี้ถูกทำลายไปแล้ว สำนักพันปีศาจก็ไม่สามารถหลบหนีชะตากรรมเช่นนี้ได้!”
“ท่านคิดจะทำลายสำนักพันปีศาจงั้นหรือ?” หานหลิงเฟิงได้ยินเช่นนั้น นางขมวดคิ้วทันที “สำนักพันปีศาจนั้นเป็นสำนักชอบผู้ฝึกตนชั่วร้าย ประวัติศาสตร์ของพวกเขายาวนานมากกว่าหมื่นปี มีผู้เชี่ยวชาญมากมายราวกับก้อนเมฆและค่ายกลป้องกันของสำนักก็แข็งแกร่งและซับซ้อนอย่างมาก ท่านแน่ใจงั้นหรือว่าจะต่อสู้กับพวกเขาได้?”
“เรื่องนั้น…” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาเริ่มขมวดคิ้วและกล่าวออกมาว่า “ต้องบอกก่อนว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้นที่ข้าสามารถทำลายหอเฉวียนจี้ได้ ประการแรกข้านั้นได้รับความช่วยเหลือจากเทพธิดาเหมยฮวา ประการสองโถงเฉวียนจี้ถูกทำลาย นั้นเท่ากับว่าหอเฉวียนจี้ได้ล่มสลายไปแล้ว ถ้าหากข้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเทพธิดาเหมยฮวา แน่นอนว่าข้าก็คงไม่สามารถทำลายมันได้ สำหรับสำนักพันปีศาจ ข้าคงไม่อาจค้นหาจุดอ่อนของพวกเขาได้ดั่งเช่นที่ทำกับหอเฉวียนจี้ นอกจากนี้สถานที่ของพวกเขานั้นไม่ได้เลวร้ายดั่งเช่นหอเฉวียนจี้ มันคงจะลำบากสักหน่อยถ้าหากข้าจะทำลายทั้งหมดภายในคราวเดียว!”
เมื่อหานหลิงเฟิงได้ยินเช่นนั้น นางตอบกลับอย่างช่วยไม่ได้ “มันไม่ใช่แค่ลำบากสักหน่อยใช่ไหม?”
“ฮี่ฮี่ เจ้าคิดผิดแล้ว! แน่นอนว่ามันยากแค่เล็กน้อยเท่านั้น!” ซ่งจงเผยยิ้มออกมา “ข้ามีแผนที่ยอดเยี่ยมเพื่อจะทำลายสำนักพันปีศาจได้อย่างง่ายดาย!”