เห็นท่าทางราวอันธพาลไร้เหตุผลของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน รวมถึงการไม่ใส่ใจในคำพูดที่น่าจะเป็นของฮองเฮา
เยี่ยเม่ยค่อยวางใจ ติดตามเขาไปดูว่า ฮองเฮาคิดทำอะไรกันแน่
……
หุบเขาร้างนอกอาณาเขตต้ามั่ว
บุรุษหน้าตาหล่อเหลาคมคายสองคนเดินออกมาจากเขาร้าง หนึ่งในนั้นคือโอวหยางเทา ในความหล่อเหลาของเขามีความสง่างามแฝงอยู่หลายส่วน เป็นหนุ่มรูปงามโดยสมบูรณ์แบบ
เขากำลังพยุงบุรุษอีกคนหนึ่ง บุรุษผู้นั้นมีความองอาจ แฝงไปด้วยไอคุณธรรมอย่างไม่อาจปกปิดได้ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นชายชาตรีเข้มแข็งผู้หนึ่ง
โอวหยางเทาเล่นหูเล่นตาเอ่ยปาก “เซียวเซ่อหยาง เจ้าเห็นแล้วหรือยัง ทั่วทั้งใต้หล้านี้มีข้าคนเดียวที่จริงใจต่อเจ้า เจ้าบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ก็มีแต่สหายของเจ้า นั่นก็คือข้าที่มีความสามารถฝ่าภูเขาลุยน้ำมาตามหาเจ้า”
เมื่อเขาเอ่ยออกมา เซียวเซ่อหยางพยักหน้าทันที สีหน้าสำนึกบุญคุณ “ถูกแล้ว”
“เจ้าดีใจหรือเปล่า ซาบซึ้งหรือไม่” โอวหยางเทาปรายตามองเขา สีหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจที่ได้ช่วยคนพ้นจากภัยพิบัติอันตราย
เซียวเซ่อหยางตอบเสียงเข้มต่อว่า “สำนึก จนแทบจะใช้ร่างกายตอบแทน”
“แค่ก…” โอวหยางเทาสำลัก ไอแห้งอยู่สองสามที ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ “ไม่มีใครคิดเบียดเบียนสหายแบบเจ้าหรอก ข้าเป็นบุรุษปกตินะ”
เซียวเซ่อหยางส่งสายตามองเขา ทำเป็นจริงจังว่า “แต่บุญคุณยิ่งใหญ่ของเจ้า ข้าไม่มีอะไรตอบแทนได้จริงๆ หากไม่ใช่ร่างกายตอบแทนแล้ว ข้าจะไม่ผิดต่อเจ้าหรือไร”
“ไม่จำเป็นแล้ว” โอวหยางเทาส่ายหน้าเป็นพัลวันคล้ายกับกลองป๋องแป๋ง “นี่ เจ้าจะเกรงใจอะไรเล่า ช่วยเหลือเจ้า ดูแลเจ้า เป็นเรื่องที่สหายสมควรทำ ไม่ต้องเก็บไปใส่ใจหรอก”
แม่เจ้า
โอวหยางเทายามนี้ลนลานอยู่บ้าง เซียวเซ่อหยางคงไม่ได้พูดจริงหรอกกระมัง
โอวหยางเทาตอบกลับมาเช่นนี้ สีหน้าเซียวเซ่อหยางยิ่งจริงจังขึ้นมาทันที “รู้อยู่แล้วว่าสหายอย่างเจ้าสมควรทำก็ดี อย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดพร่ำมากความ นับตั้งแต่วันที่เจ้าตามหาข้าพบ คำพูดทวงบุญคุณเช่นนี้เจ้าพูดมายี่สิบกว่าเที่ยวแล้ว ข้าฟังจนหูชาไปหมด นอกจากใช้ร่างกายตอบแทนเจ้า ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะตอบแทนเจ้าอย่างไรดี”
โอวหยางเทา “….อ้อ ที่แท้เจ้าพูดข่มขู่ข้านี่เอง เพราะเจ้ารำคาญสหายผู้แสนดีอย่างข้า ข้าล่ะเสียใจจริงๆ ”
น้ำเสียงของเขาต่ำเป็นพิเศษ คล้ายได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างมาก
น้ำเสียงของเซียวเซ่อหยางที่เอ่ยกับเขา ไม่ได้ใส่ใจเลยสักน้อย อีกฝ่ายกลอกตามองเขา “หากเจ้าไม่อยากสร้างความรำคาญมากขึ้น ก็พูดให้น้อยลงเถอะ”
“สหายเอ๋ย วันนี้เจ้าทำร้ายจิตใจข้าจริงๆ” โอวเหยางเทาพยุงเซียวเซ่อหยางด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างกุมทรวงอกตัวเองด้วยความปวดใจ สีหน้าสลด คล้ายกับว่านาทีถัดมาเขาจะเจ็บปวดใจเจียนตาย
หลังจากคำพูดปวดร้าวของโอวหยางเทาเอ่ยจบ
ฝีเท้าของเซียวเซ่อหยางก็ชะงักไปแล้ว ใบหน้าองอาจเหยียดยิ้มแต่เปลือก จ้องโอวหยางเทา “เจ้าปวดใจมากนักหรือ ให้ข้าช่วยนวดปลอบใจสักหน่อยดีไหม”
โอวหยางเทาตื่นตระหนกสุดขีด มือข้างที่กุมอกก็ปล่อยลง
คิดไม่ออกเลยว่า อีกประเดี๋ยวหากเซียวเซ่อหยางจับหน้าอกเขาขึ้นมาจริงๆ ตัวเองจะไม่ขนลุกตายหรือ ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏความบึ้งตึง ปรายตามองเซียวเซ่อหยางทีหนึ่ง กลืนน้ำลายกล่าวว่า “ไม่ต้องแล้ว ข้าหายแล้ว”
เซียวเซ่อหยางแค่นเสียงเบาๆ หน้าตาเย็นชา
โอวหยางเทาเห็นอีกฝ่ายไร้น้ำใจปานนี้ ทั้งยังให้คำพูดทำร้ายตนไม่หยุด เอ่ยปากคล้ายกับภรรยาที่ถูกให้ร้ายว่า “สหาย ข้ารอนแรมพันลี้ตามหาเจ้าหลายปี ไม่ง่ายเลยกว่าจะพบ ไม่ว่าจะเอ่ยอย่างไร ข้าก็ลงแรงเพื่อเจ้าไปมาก ข้าก็แค่ชมตัวเองไม่กี่คำ เจ้าต้องทำกับข้าเช่นนี้เชียวหรือ”
เซียวเซ่อหยางปรายตามองสหาย ถามเสียงเย็นออกมา “โอวหยางเทา สิบปีก่อนเจ้าฝึกยุทธ์ถูกธาตุไฟเข้าแทรก ใครกันที่ยื้อแย่งชีวิตเจ้ามาจากหน้าเทพมรณะ ฝืนใช้กำลังภายช่วยเจ้าสะกดเอาไว้ จนเกือบธาตุไฟเข้าแทรกตามเจ้าไปด้วย”
โอวหยางเทาหน้าแข็งทื่อ ยิ้มเก้อออกมา “คือเจ้า”
เซียวเซ่อหยางถามต่อว่า “แปดปีก่อนเจ้าถูกพิษ นอนอยู่ริมทาง ใครกันที่แบกเจ้าสิบลี้ คอยดูแลไม่ห่างเป็นเวลาเจ็ดวัน เจ้าถึงหาย”
“คือเจ้า” โอวหยางเทายิ่งเอ่ยเสียงก็ยิ่งเบาลง สายตาเริ่มกวาดซ้ายแลขวา
เซียวเซ่อหยางยังถามต่อว่า “เจ็ดปีก่อนเจ้าถูกวางยากำหนัด…”
โอวหยางเทายื่นมือมาปิดปากสหายไว้ ใช้สายตาตื่นตระหนกมองซ้ายมองขวา เห็นว่าที่แห่งนี้คือภูเขารกร้าง ไม่มีใครผ่านมา เขาค่อยวางใจ คลายมือที่ปิดปากอีกฝ่ายออก
เอ่ยด้วยความกระอักกระอ่วนว่า “เรื่องขายหน้าเช่นนี้ เจ้าอย่าได้เอ่ยออกมาแล้ว”
โอวหยางเทาตบบ่าเซียวเซ่อหยาง น้ำตาคลอกล่าว “พอแล้วสหาย ข้ารู้ว่าเจ้ามีคุณธรรมมีน้ำใจกับข้า แต่คนเรามีนิสัยแตกต่างกัน เจ้าทำดีไม่ชอบเอ่ยออกมา ข้าทำดีแล้วกลับอดไม่ได้ที่จะชื่นชมตัวเอง ข้าสาบานได้ว่า ข้าจะไม่โอ้อวดเรื่องช่วยเหลือเจ้าอีกแล้ว”
ไฉนจู่ๆ เรื่องชวนขายหน้าก็เกือบแตกออกมาแล้วเล่า
สองสหายต่อปากต่อคำกันอยู่นาน คนที่ไม่เข้าใจคงคิดว่าพวกเขาทะเลาะกัน ส่วนคนรู้จักกลับรู้ว่า นี่คือวิธีคบหาพิเศษระหว่างสหายอย่างพวกเขา
ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ โอวหยางเทาก็เปลี่ยนหัวข้อ กล่าวอย่างว่องไว “ไอหยา จริงสิ ครั้งนี้ข้ามาตามหาเจ้า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกับแม่นางที่เรียกว่าเยี่ยเม่ยมีความชอบไม่น้อย พวกเขาเอาชนะหวันเหยียนหง ในสนามรบหวันเหยียนหงใช้กระบวนท่าหมื่นดาบหนึ่งสะบั้นของเจ้า แล้วเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจับได้ พวกเราถึงได้รู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าถูกหวันเหยียนหงลอบทำร้าย”
“เป่ยเฉินเสียเยี่ยน?” สีหน้าของเซียวเซ่อหยางไม่สู้ดีนัก หันกลับมามองสหาย
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนคือคนของเป่ยเฉิน เขาไม่ชอบ
โอวหยางเทาย่อมรู้ว่าสหายเป็นคนเถรตรง แต่ไรมาก็ไม่เคยปกปิดอารมณ์รักชอบเกลียดเคือง ดังนั้นรีบเอ่ยว่า “แต่ว่าก็ถือเป็นน้ำใจครั้งหนึ่ง พวกเราไม่ได้ติดค้างเป่ยเฉินเสียเยี่ยน แต่ติดค้างแม่นางเยี่ยเม่ย นางบอกเรื่องนี้กับซือหม่าหรุ่ย พวกเราถึงรู้ทิศทาง”
พูดถึงซือหม่าหรุ่ย เซียวเซ่อหยางก็ถอนใจยาว “น้องบุญธรรมเป็นแม่นางที่มีคุณธรรมน้ำใจนัก ข้ารู้ว่าการที่ข้าหายตัวไป นางไม่มีทางทอดทิ้งไม่สนใจข้าแน่”
เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้ โอวหยางเทาพลันไม่พอใจแล้ว “นี่ๆๆ นางก็แค่หาเจ้าผิวเผิน เจ้าซาบซึ้งขนาดนี้ ข้าดูแลเจ้าตั้งหลายวัน เจ้ากลับยอกย้อนข้าตั้งนาน เจ้าช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย”
เมื่อเอ่ยเช่นนี้ เซียวเซ่อหยางพลันมองเขาตาขวาง
โอวหยางเทา “เหอะ ไม่พูดก็ไม่พูด”
ในขณะเอ่ยนั้น นกพิราบสื่อสารตัวหนึ่งก็บินมาทางพวกเขา โอวหยางเทาสายตาวาวโรจน์ “นกของซือหม่าหรุ่ย ดูสิ มีสัญลักษณ์สีแดง นางมีเรื่องด่วนจะบอกพวกเราแล้วหรือ”