ตอนที่ 179 ฮูหยิน พวกเราค่อยต่อกันคืนนี้

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1]

ช่างเถอะ ในสายตาเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ตัวเขาก็คือกฎหมาย 

 

 

ในขณะที่เยี่ยเม่ยกลัดกลุ้ม เขาก็ขบลงที่เรียวคอนางอีกหลายครั้ง 

 

 

เยี่ยเม่ยเงยหน้ามองเพดานอย่างหมดปัญญา ไม่ต้องคิดแล้ว คอของนางคงเต็มไปด้วยรอยจูบที่เกิดจากความจงใจของเขา อีกอย่างหากว่าวันนี้ไม่ปล่อยให้เขาทำรอยจูบจนพอใจ เกรงว่าวันนี้เขาคงไม่ปล่อยนางไปแน่ 

 

 

ดังนั้นนางถึงเลิกขัดขืนแล้วปล่อยเขาทำตามใจ 

 

 

ในเวลานี้เอง 

 

 

ด้านนอกพลันมีเสียงฝีเท้า เสียงฝีเท้านี้คุ้นหูมาก คือเซียวเยว่ชิง ยามนี้เยี่ยเม่ยรู้สึกว่าตัวช่วยของตนมาแล้ว แม่เจ้าเถอะ นี่มันผู้ช่วยคนจากภัยพิบัติแท้ๆ 

 

 

ครั้นเห็นสายตาร้อนรนของนางมองคนด้านนอกที่เข้ามาขัดจังหวะอย่างเร่งด่วน 

 

 

สายตาของเขาฉายแววโทสะขึ้นมาเนืองๆ เอ่ยว่า “ฮูหยิน เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า แค่คำพูดเดียวของสามี คนด้านนอกไม่กล้าก้าวเข้ามาสักก้าวเดียว” 

 

 

อ้อ 

 

 

 “เขาต้องมีเรื่องสำคัญมาหาข้าแน่” เยี่ยเม่ยตีหน้านิ่งมองเขา ฝืนตนเองให้สงบจิตใจ จากนั้นเคลื่อนมือไปลูบคอตัวเอง 

 

 

นางรู้สึกว่าชาไปหมดทั้งลำคอแล้ว คาดว่าคงถูกเขาจูบจนกลายเป็นรอยหมด จึงเอ่ยต่อไปว่า “อีกอย่าง ที่คอก็มีแต่รอยที่ท่านฝากไว้ ท่านสมควรพอใจได้แล้วกระมัง” 

 

 

ที่สำคัญก็คือ นางรู้สึกว่าหากคนสองคนยังนอนอยู่บนเตียงไม่ลุกขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายของเขา ทั้งยังมีแผงอกกำยำกึ่งเปลือยกึ่งปิดมีความงดงามมหาศาลปรากฏเบื้องหน้านางในระยะใกล้เช่นนี้ต่อไป นางไม่รับประกันว่า ตัวเองจะกลายร่างเป็นหมาป่าสาว ย้อนกลับไปจู่โจมเขาหรือเปล่า 

 

 

 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนย่อมคิดไม่ถึงว่า สตรีตัวน้อยที่ขวยเขินจนแทบไม่ไหวแล้ว ภายในกลับมีความคิดกลับตาลปัตรเช่นนี้ เขายื่นมือออกไปลูบคอนางเบาๆ มองรอยประทับเต็มไปหมดของตนอย่างพึงพอใจ 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่สร้างความลำบากใจให้นางอีก เขาลุกขึ้น 

 

 

เยี่ยเม่ยรีบลุกตามทันที จัดสาบเสื้อของตน ทำให้กลับไปดูเป็นเยี่ยเม่ยที่เย็นชา โอหังและจริงจังผู้นั้น 

 

 

หลังจากจัดการตนเองเสร็จเรียบร้อย กลับเห็นบุรุษเบื้องหน้าตนที่เกรงคนทั่วหล้าไม่รู้ ว่าเมื่อครู่พวกเขาทำอะไรอยู่ในห้อง สาบเสื้อหลุดลุ่ยที่บริเวณอกไม่จัดสักน้อย เผยแผงอกอวดโฉมเตะตาคน 

 

 

ยามนี้เยี่ยเม่ยพุ่งเข้าไปช่วยเขาจัดแจงด้วยความลนลาน ปิดสาบเสื้อมิดชิด นางไม่อยากเป็นหัวข้อให้คนนินทาจริงๆ 

 

 

ในขณะที่ช่วยเขาอยู่ เซียวเยว่ชิงก็เริ่มเคาะประตู “แม่นางเยี่ยเม่ย” 

 

 

เยี่ยเม่ยช่วยเขาจัดสาบเสื้อเข้าที่ จากนั้นเอ่ยว่า “เข้ามา” 

 

 

ในระหว่างพูด ก็ช่วยเขาจัดอาภรณ์เรียบร้อย เตรียมรั้งมือกลับ 

 

 

ใครจะรู้ว่าตอนที่นางกำลังดึงมือกลับ เขาพลันยื่นมืออกมา จับมือเล็กๆ ของหญิงสาวไว้ ดึงไปวางไว้บนหน้าอกเขาอีกครั้ง เวลานี้เยี่ยเม่ยหน้าเขียวคล้ำ รีบร้อนดึงมือตนกลับมา 

 

 

 “แอ๊ด” เสียงประตูเปิดออก 

 

 

ระหว่างที่สองคนฉุดรั้งกันไปมา จากมุมมองของเซียวเยว่ชิง คล้ายกับว่าเยี่ยเม่ยกำลังบังคับถอดเสื้อองค์ชายสี่ของพวกเขา 

 

 

เซียวเยว่ชิงเวลานี้ยืนแข็งอยู่หน้าประตูแล้ว 

 

 

ทั้งยังมีสีหน้าปวดร้าวเป็นอย่างมาก 

 

 

ใบหน้าเขาเหมือนเขียนคำถามเอาไว้ประโยคหนึ่ง ‘แม่นางเยี่ยเม่ย ท่านกับองค์ชายสี่ทำเรื่องเช่นนี้กัน แล้วยังให้ข้าเข้ามาทำไมอีกเล่า’ 

 

 

ข้าน้อยเข้ามาก็กระอักกระอ่วนมากเกินไปแล้ว 

 

 

ขณะที่เซียวเยว่ชิงกำลังจินตนาการอยู่ในสมอง เยี่ยเม่ยมองสีหน้าพิกลของเซียวเยว่ชิง ยามนี้ก็เข้าใจแล้วว่าในสมองของอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่   

 

 

เสี้ยวขณะนี้ต่อให้กระโดดแม่น้ำหวงก็ยากจะชำระล้างได้หมดจด มีความคิดอยากจะต่อยเป่ยเฉินเสียเยี่ยนซักยกหนึ่ง 

 

 

ส่วนน้ำเสียงไพเราะน่าฟังของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแฝงไปด้วยความหยอกเย้า เอ่ยช้าๆ “ฮูหยิน พวกเราค่อยต่อกันคืนนี้”  

 

 

 “ตู้ม ” 

 

 

เยี่ยเม่ยเหมือนเกิดระเบิดในสมอง คราวนี้โมโหขึ้นมาจริงๆ  

 

 

ค่อยต่อคืนนี้ ต่อกับหัวเขาน่ะสิ 

 

 

เยี่ยเม่ยกัดฟันกรอด เตือนเสียงเย็นว่า “ปล่อยมือ” 

 

 

ยามนี้เขากลับเชื่อฟังมากนัก รีบปล่อยมือลง มองสายตานาง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรู้ว่าหากเขายังไม่ปล่อยมืออีก เพลิงโทสะของนางเกรงว่าจะจะแตะจุดสูงสุดแล้ว หากยั่วโมโหสตรีนางนี้ขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีที่สมควรรอคอย 

 

 

จะทำให้พวกศัตรูหัวใจแทรกแซงช่องว่างเข้ามาอย่างง่ายดาย 

 

 

เห็นเขาปล่อยมืออย่างว่าง่าย โทสะของเยี่ยเม่ยลดลงไปบ้าง นางเพียงรู้สึกว่าวันนี้ บุรุษผู้นี้ทำเกินเลยไปมาก ไม่มีคุณสมบัติยี่สิบสี่ข้อของสามีที่ดีพึงแสดงออกมาเลย 

 

 

           เซียวเยว่ชิงเห็นว่าในที่สุดพวกเขาก็หยุดฉุดรั้งกันเสียที กระแอมไอ เอ่ยว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย มีคนมาจากเมืองหลวง บอกว่าจะมาหาท่านโดยเฉพาะ นำพระราชเสาวนีย์ของฮองเฮามา” 

 

 

เยี่ยเม่ยหันกลับไปด้วยความแปลกใจ มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนคราหนึ่ง 

 

 

ถามเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเสียงเย็นชา “ฮองเฮา คือเสด็จแม่ของท่านหรือ” 

 

 

           ก่อนหน้านี้ยามได้ยินเขาเอ่ยถึง ‘เสด็จแม่’ ก็คาดการณ์ได้แล้วว่าเขาหาใช่องค์ชายที่เกิดจากนางสนม อย่างนั้นฮองเฮาก็ควรเป็นแม่แท้ๆ ของเขาสินะ  

 

 

ฮองเฮาหานางเรื่องอะไรกัน 

 

 

 

 

 

เยี่ยเม่ยกระตุกมุมปาก หากว่าเรื่องของนางกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนถ่ายทอดไปถึงเมืองหลวงจนฮองเฮารับรู้ ฮองเฮาย่อมไม่อาจยอมรับสตรีที่มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนแบบนางเป็นพระชายาองค์ชาย ดังนั้นจึงมีราชเสาวนีย์ให้นางไสหัวไปหรือเปล่า 

 

 

ในนิยายน้ำเน่านั้นล้วนมีเรื่องราวเช่นนี้ทั้งนั้น 

 

 

ในขณะที่เยี่ยเม่ยใช้ความคิด 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกวาดตามองหญิงสาว น้ำเสียงน่าฟังค่อยๆ อธิบาย “ไม่ผิด คือเสด็จแม่ของเยี่ยนเอง ออกไปดูว่านางมีเรื่องอะไรกันแน่ หวังว่าจะไม่ส่งมาหาที่ตาย”  

 

 

เยี่ยเม่ย “…” 

 

 

มีใครพูดถึงแม่ตัวเองแบบนี้กันบ้าง 

 

 

ก่อนหน้านี้นางคาดเดาได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาแม่ลูกไม่น่าจะดีนัก แต่คิดไม่ถึงว่าจะแย่ถึงขั้นนี้ 

 

 

ในขณะที่นางกลัดกลุ้ม 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจับมือเยี่ยเม่ย คนทั้งสองเดินออกนอกห้องพร้อมกัน 

 

 

เซียวเยว่ชิงติดตามอยู่ด้านหลัง เขาติดตามอย่างสงบเสงี่ยม ความแตกตื่นในใจกักเก็บไว้แทบไม่ไหวแล้ว วิณญาณหลุดออกมาจากร่างตั้งแต่แรก เตรียมป่าวประกาศภาพเหตุการณ์น่าตื่นเต้นที่แม่นางเยี่ยเม่ยอดทนไม่ไหว ถอดเสื้อองค์ชายสี่  

 

 

ทั้งยังยอมให้เขาเข้าไปในห้องอย่างเปิดเผย เรียกเขาไปชมนางล่วงเกินองค์ชายสี่  

 

 

หากเยี่ยเม่ยรู้ว่าเซียวเยว่ชิงคิดอะไรมากมายขนาดนี้อยู่ในสมอง ซ้ำยังคิดป่าวประกาศออกไป นางต้องไม่สนใจภาพลักษณ์สูงส่งของตน ตวาดร้องเสียงดัง กระโดดไปทุบสมองหมูของเขาแน่ 

 

 

อวี้เหว่ยนั่งยองๆ รออยู่หน้าประตูเรือน 

 

 

นับตั้งแต่เตี้ยนเซี่ยกดจูบแม่นางเยี่ยเม่ยที่กำแพง เขาก็ปิดตาของบุรุษพรมจรรย์ของตนเอง หนีออกไปไกลแล้ว ไม่กล้าแอบชำเลืองดูเลยสักนิด กลัวแม่นางเยี่ยเม่ยที่อารมณ์ไม่ดีเป็นนิตย์จะจัดการตนเอา 

 

 

เวลานี้เห็นทั้งสองเสื้อผ้าเรียบร้อยเดินออกมา เขาก็รีบวิ่งเข้าไป แสดงความเห็นของตน “เตี้ยนเซี่ย พระราชเสาวนีย์ของฮองเฮาย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน” 

 

 

ครั้นเขาเอ่ยออกมาเยี่ยเม่ยรีบหันไปมองอวี้เหว่ยทันที 

 

 

ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกระชับมือเยี่ยเม่ยแน่น สุ้มเสียงน่าฟังเบาสบายนั้นเอ่ยอย่างเชื่องช้า “วางใจเถอะ ไม่ต้องกลัว เจ้าควรเข้าใจไว้ สามีในอนาคตของเจ้าไม่ใช่คนที่ใครๆ กล้าหาเรื่องง่ายๆ ไม่ว่านางจะว่าอย่างไร เชื่อฟังพวกเราก็ดี แต่หากไม่เชื่อฟังพวกเรา นางก็ต้องลงนรกไปเสีย”