บทที่ 661 ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 661 ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
ท่านโจวยังคงรอข่าวอยู่ที่บ้านของหลี่กั๋วหรง

เรื่องราวในครั้งนี้ ตระกูลกู่ให้ความสำคัญมาก ดังนั้นจึงได้ส่งคนเทพบู๊หนึ่งคนและเซียนบู๊สองคนไปจัดการเรื่อง

ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ดี จะกลายเป็นช่วงโหว่ของฝ่ายขุนหลวงที่ใช้ลงมือจัดการกับตระกูลกู่

ตระกูลซ่งถูกทำลายได้ แต่จะกระทบต่อตระกูลกู่ไม่ได้

แต่ทว่า ท่านโจวทั้งสามคน และไม่ได้ใส่ใจเรื่องในเมืองโมตู ในความเห็นของพวกเขา มันเป็นแค่เรื่องอุบัติเหตุเท่านั้น

ขอแค่พวกเขาออกโรง จะต้องจัดการได้โดยเร็วอย่างแน่นอน

แค่ตระกูลหลี่ตระกูลเดียว จะสร้างคลื่นอะไรขึ้นมาได้

ขอแค่สามารถกำจัดคนในตระกูลของเย่เซิ่งเทียนได้ และกำจัดเบาะแสทุกอย่างทิ้งซะ เรื่องนี้ก็จะถูกดันลงไป ทางด้านขุนหลวงจะได้ไม่มีข้อแก้ตัวอีก

หากไม่เป็นห่วงว่าตระกูลหลี่จะถูกทำลาย และทำให้กิจการของขุนหลวงดีขึ้น แค่ตระกูลหลี่ตระกูลเดียวไม่คู่ควรให้ท่านโจวมาที่นี่หรอก

“ใครกัน?”

ท่านโจวที่กำลังจิบชาอยู่นั้น จู่ๆสีหน้าก็เคร่งขรึมลง แล้วมองไปทางประตู

เขาสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิต เป็นไปตามคาดคนที่ฆ่าซ่งหยวนลี่ผู้นั้น ซ่อนตัวอยู่ในตระกูลหลี่

เขายังไม่ได้ไปหาอีกฝ่าย คิดไม่ถึงว่าในทางกลับกันเขามาหาถึงที่ นี่เกิดเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาแล้ว

ไม่เช่นนั้นหากอีกฝ่ายซ่อนตัว เขาจะไม่มีทางหาตัวออกมาได้

“ตาแก่ ฉันมาเอาหัวของแก”

เย่ว์อิ่นหลงเดินเข้ามาอย่างกร่างๆ มุมปากของเขามีรอยยิ้มที่น่ากลัวอยู่เสมอ ประกอบกับดวงตาสามเหลี่ยมอันน่ากลัวของเขาทำให้ผู้คนที่พบเห็นให้ความรู้สึกราวกับปีศาจร้าย

“แกเป็นคนฆ่าซ่งหยวนลี่ใช่ไหม?”

สีหน้าของท่านโจวตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ อิทธิพลของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย อีกทั้งยังให้กลิ่นอายของสนามรบ

เย่ว์อิ่นหลงกล่าว“ตระกูลกู่กล้ามากเลยนะ แม้แต่คุณเย่ยังกล้าล่วงเกิน คุณเย่พูดถูกจริงด้วยแฮะ พวกแกมันเป็นพวกปรสิต จะต้องกำจัดทิ้ง”

ท่านโจวเตรียมจะลงมือ เขาพูดอย่างเย้ยหยัน“ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แกมีสิทธิ์พูดถึงตระกูลกู่แบบนี้หรอห้ะ?”

“ฉันจะทำให้แกตายตาหลับ”

เย่ว์อิ่นหลงนำป้ายบัญชาการโยนไปที่ด้านหน้าของท่านโจว แล้วกล่าวอย่างเรียบเฉย“ไอ้หมาเอ้ย แม้แต่พี่สะใภ้ฉันแกก็กล้าคิดไม่ซื่อ ถึงตายก็ไม่สาสมกับความผิดหรือบาปกรรมที่ทำลงไป ในเมื่อตระกูลกู่อยากจะเข้ามาแส่ งั้นก็ต้องดูว่าจะสามารถสู้กับหอมังกรเทพได้หรือไม่”

เมื่อเห็นป้ายบัญชาการสีแดงเลือด สีหน้าของท่านโจวก็เปลี่ยนไปทันที

คำบัญชาสังหารเลือด!

นี่คือคำบัญชาการสังหารเลือดของเทพเจ้า!

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

หรือตระกูลซ่งล่วงเกินท่านเทพเจ้า?

ท่านเทพเจ้าจะลงมือจัดการกับตระกูลซ่งอย่างงั้นหรอ?

“แกเป็นใครกันแน่!!”

ท่านโจวตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา เป็นไปได้ว่าคราวนี้ตระกูลกู่จะต้องถูกตัดหัว!

“เย่ว์อิ่นหลง องครักษ์เงา!”

เย่ว์อิ่นหลงยิ้มอย่างชั่วร้าย

“ปะ เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงไปก่อกวนองครักษ์เงาได้ล่ะ!”

สองมือของท่านโจวเริ่มสั่นเทา เขารู้ว่าเจอกับเรื่องซวยเข้าให้แล้ว องครักษ์เงาได้แทรกแซงแล้ว เรื่องนี้คงจะไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ!

บัดซบเอ้ย ตกลงตระกูลซ่งล่วงเกินใครเนี่ย!

เย่เซิ่งเทียนเป็นใครกัน ทำไมแม้แต่องครักษ์เงายังออกโรงเพื่อเขา!

“เย่เซิ่งเทียนเป็นใครกันแน่!!บอกฉันมานะ ท่านเทพเจ้าลงเองใช่ไหม ?”

ท่านโจวไม่ยอมจำนน ถึงจะต้องตายก็ต้องตายหลับ!

ถ้าท่านเทพเจ้าลงมือเอง แผนการที่วางมาทั้งหมดของพวกเขาก็จะไร้เปล่าประโยชน์ในทันที!

ตอนนี้เขาอยากรู้ว่า ตกลงเย่เซิ่งเทียนเป็นใครกันแน่!

แค่ทหารปลดประจำการธรรมดาๆคนหนึ่ง จะรู้จักเย่ว์อิ่นหลงได้อย่างไร!

“ท่านเทพเจ้าอยู่ตรงหน้าของพวกแกไง แต่พวกแกกลับมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จักมังกรที่แท้จริง ยังอยากปกป้องตระกูลซ่งอยู่ไหม?หวางซี คือภรรยาของท่านเทพเจ้า!”

เย่ว์อิ่นหลงพูดอย่างติดตลก หากเปลี่ยนเป็นเกาเจ๋ยหรือเวินเฉิน คงลงมือจัดการนานแล้ว ไม่มีทางพูดพล่ามอยู่อย่างนี้หรอก

แต่เย่ว์อิ่นหลงชอบที่จะจัดการแบบนี้ ชอบที่จะเห็นฝ่ายตรงข้ามเกิดความหวาดกลัว

“ขะ เขาคือท่านเทพเจ้า?”

ท่านโจวสีหน้าซีดเผือด ราวกับฟ้าผ่ากลางสมอง เขานั่งก้นจ้ำเบ้ากับโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วพูดอย่างเย้ยหยันว่า“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ฉันตายอย่างไม่เสียดาย ทำกับท่านเทพเจ้าแบบนี้ ฉันสมควรตาย!หัวของฉัน นายเอาไปเถอะ ตระกูลกู่ เห้อ เดินพลาดหนึ่งก้าว ก็พลาดทุกย่างก้าวเลย”

ท่านโจวหัวเราะอย่างขมขื่น พวกเขาต่างคิดว่า เย่เซิ่งเทียนมีแค่เส้นสายนิดหน่อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นท่านเทพเจ้า!ไม่เพียงแต่ตระกูลซ่งที่ตายอย่างไร้ที่ฝัง แม้แต่ตระกูลกู่ก็ติดร่างแหไปด้วย เขาไม่มีโอกาสได้มีชีวิตอยู่ต่อไป

เขาตบไปที่หน้าผากของตัวเองรอความตายมาเยือน