บทที่ 133 โดย Ink Stone_Romance

 

บทที่ 133 เรื่องกวนใจรอบสอง (2)

             อี้เป่ยซีใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ภายใต้สายตาตำหนิติเตียนของฉู่ซ่ง เมื่อกลับถึงห้องก็รู้สึกน้อยใจมาก

            อะไรกัน ทำไมถึงทำเหมือนเธอเป็นคนผิด เธอเป็นผู้เคราะห์ร้ายที่ไม่ได้ทำอะไรเลยต่างหาก เขาไม่ควรจะปลอบใจเธอทุกที่ทุกเวลาหรอกเหรอ ทำไมเรื่องกลับกลายเป็นเธอต้องปลอบใจเขาอย่างอดทนอดกลั้นด้วย

            เป็นความผิดของลั่วจื่อหานทั้งนั้น!

            เธอหาเหตุผล โทรหาลั่วจื่อหานทันที

            “ว่าไง?”

            ได้ยินเสียงของเขา ความรู้สึกที่ต้องการระบายอารมณ์ก่อนหน้านี้หายไปทันตา เธออ้ำๆ อึ้งๆ “ปะ เปล่า ก็แค่โทรหานายไม่ได้เหรอ?”

            “เป่ยซี ฉันอยู่ข้างล่าง”

            “หืม?”

            “ฉันอยู่ข้างล่าง ใต้ห้องที่พวกเธออยู่พอดี”

            อี้เป่ยซีลุกขึ้นพรวด “เชอะ ใครอยากไปหานาย”

            “ฉันคิดถึงเธอแล้ว เป่ยซี” เขาจงใจลากยาวคำว่า ‘ซี’ ระคนความรักที่แผ่กว้าง ห่อหุ้มหัวใจของอี้เป่ยซีด้วยความรู้สึกอบอุ่น เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

            “แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ เพิ่งจะแยกกันเอง ต่อไปฉันต้องออกไปข้างนอกคนเดียว นายจะทำยังไง?”

            “ฉันจะตามเธอไป”

            “งั้นนายก็จะตัวติดเป็นตังเมสิ ฉันจะเบื่อเอานะ”

            อีกฝ่ายเงียบอยู่เนิ่นนาน เสียงลมหายใจก็ได้ยินไม่ชัดเจน อี้เป่ยซีพูด ‘ฮัลโหล’ กับโทรศัพท์ แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากเขา “ลั่วจื่อหาน ถ้านายยังไม่พูดอีกฉันจะโกรธแล้วนะ”

            คำตอบที่เธอได้คือเสียงเคาะกระจก เธอตระหนักได้ในทันที รีบวิ่งไปที่หน้าต่าง เปิดผ้าม่าน ยื่นมือต้องการจะปลดล็อคแต่ก็หยุดชะงัก มองลั่วจื่อหานด้วยรอยยิ้มซุกซน เธอชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือ ลั่วจื่อหานจึงปล่อยมือข้างหนึ่งด้วยความพยายามอย่างมาก “เป่ยซี”

            “นายเห็นไหมว่ามีคนที่นอกหน้าต่างฉัน?” ทำน้ำเสียงเป็นกังวล ใบหน้ามีรอยยิ้มที่ซ่อนเร้นไว้ไม่อยู่ ลั่วจื่อหานเห็นท่าทางที่ร่าเริงของเธอ ก็จัดท่าทางราวกับว่าตัวเองไม่เหนื่อยเลย มองเธออย่างเอ็นดู “จะไม่ให้ฉันเข้าไปเหรอ?”

            “นายเก่งขนาดนี้ ฉันไม่ต้องช่วยก็เข้ามาได้มั้ง”

            “อืม ฉันเก่งขนาดนี้ ฉันเข้าไปทางประตูดีกว่า”

            “ไม่ได้ นายต้องตกลงเงื่อนไขก่อนฉันก่อน ฉันถึงจะปล่อยนายเข้ามา”

            “อืม”

            เธอเห็นท่าทางที่ลำบากเล็กน้อยของลั่วจื่อหาน ถอนหายใจ รีบเปิดหน้าต่างออกทันที เขาทรุดตัวลงกับพื้นจากหน้าต่างอย่างง่ายดาย เหวี่ยงอี้เป่ยซีไปที่เตียงโดยตรง

            ลั่วจื่อหานกัดคางของเธอเบาๆ “ไม่ให้ฉันเข้ามาเหรอ หืม?”

            “นายรับปากเงื่อนไขของฉันแล้วนะ” อี้เป่ยซีใช้มือดันหน้าอดของลั่วจื่อหาน ดวงตาเป็นประกาย “นายลุกขึ้น หนัก”

            เมื่อได้ยินดังนี้ ลั่วจื่อหานพลิกตัวกอดเธอ “เติมเต็มเงื่อนไขของเธอแล้วยัง?”

            “แบบนี้ไม่นับ”

            “งั้นเธอก็หมายความว่า ให้ฉันทับเธอต่อได้เหรอ?” มือของเขาค่อยๆ ลูบไหปลาร้าของอี้เป่ยซี ก้มหน้าลงจูบหลังคอของเธอ แม้แต่ยื่นปลายลิ้นออกมาเลียแผ่วเบา ทำเอาอี้เป่ยซีสั่นเทิ้มอยู่ในอ้อมแขนของเขา

            ขณะที่ปลุกเร้ากันอยู่นั้นอดไม่ไหวร้องครางออกมาเล็กน้อย จู่ๆ การเคลื่อนไหวของลั่วจื่อหานร้อนแรงขึ้นมาหลายองศา อี้เป่ยซีรีบคว้ามือที่ซุกซนของเขาไว้ “จื่อหาน” ละอองน้ำบางๆ ในดวงตาของเธอยิ่งเพิ่มเสน่ห์คลุมเครือ เสียงที่ชัดเจนเอ่ยชื่อของเขาอย่างอ่อนแรง ระคนเสียงกระซิบขอความเห็นอกเห็นใจ ลำคอของเขาขยับ

            “เด็กดี นอนเถอะ” พูดพลางก็พลิกตัวเข้าห้องน้ำไป อี้เป่ยซีลุกขึ้นนั่ง มองไปยังห้องน้ำตาไม่กระพริบ

            ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ เขาอึดอัดใจมากจริงๆ เหรอ?

            ไม่เกี่ยวกับเธออี้เป่ยซี เพราะเขาลูบไล้ไม่เป็นที่เอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว!

            ไม่เป็นไร ดึกแล้วต้องนอนแล้ว เธอคลุมโปงด้วยผ้าห่มที่อยู่ข้างๆ นอนซะ นอนซะ เธอง่วงมากแล้ว นอนซะ

            อี้เป่ยซีหลับตา แต่ว่าไม่มีความง่วงเลยสักนิด จนกระทั่งลั่วจื่อหานออกมาจากห้องน้ำแล้วนอนอยู่ข้างเธอ อี้เป่ยซีก็ได้แต่หลับตาต่อ แกล้งทำเป็นหลับ

        ทันใดนั้นก็มีมือดึงผ้าห่มของเธอ เห็นว่าเธอไม่ขยับก็ดึงๆ อีก อี้เป่ยซีคว้าผ้าห่มไว้ เม้มปาก เสียงเบาๆ ดังมาจากข้างหลัง “ไม่ร้อนเหรอ?”

            ไม่พูดยังดีซะกว่า พอพูดแล้วก็รู้สึกว่าในผ้าห่มทั้งร้อนทั้งอุดอู้ อี้เป่ยซีไม่ได้สนใจ แกล้งหลับต่อ แต่ในใจกลับรู้สึกไม่สงบ เธอแม้กระทั่งรู้สึกว่ามีเหงื่อซึมอยู่บนหน้าผากของเธอ จากนั้นก็ถูกลั่วจื่อหานเลีย

            “ลั่วจื่อหานนายพอได้แล้ว” เธอโยนผ้าห่มบนตัวไปอีกทาง ลูบคลำหน้าผากตัวเองด้วยความรังเกียจ “ไม่สกปรกเหรอ?”

            “ยังโอเคนะ” เขายิ้มพลางดึงเธอเข้ามากอด อี้เป่ยซีก็ไม่ได้ขัดขืน รู้สึกถึงอุณหภูมิบนตัวของเขาเงียบๆ “เป่ยซี บางทีฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริง”

            “ตอนนี้เหมือนกับกำลังฝันเลย ถ้าหากเป็นฝัน เธอก็ห้ามปลุกฉันเด็ดขาดโอเคไหม”

            อี้เป่ยซีคว้ามือของเขาที่โอบเอวเธอ กัดไปคำหนึ่ง “เจ็บไหม?”

            “เธอกัดอีกทีสิ”

            เธอลูบรอยฟันของตัวเอง “ไร้สาระ”

            “ลั่วจื่อหาน”

        “หืม?”

            “ฉันแค่เรียกนาย”

            “ฉันชอบฟังเธอเรียกฉัน”

            “ลั่วจื่อหาน ลั่วจื่อหาน ลั่วจื่อหาน…” อี้เป่ยซีเรียกชื่อเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่หยุด ลั่วจื่อหานก็ตอบว่า ‘อืม’ ไม่หยุด ไม่รู้ว่าเมื่อไรละอองน้ำจางๆ ก่อตัวขึ้นในดวงตาของทั้งสองคน

            อยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไปจังเลย เธออยู่ข้างกายฉัน ฉันอยู่ข้างกายเธอ ฉันได้ยินเสียงลมหายใจของเธอ เธอได้ยินเสียงหัวใจของฉัน พวกเราไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เพียงแค่กอดกันแน่นๆ ราวกับว่าโลกใบนี้มีเพียงพวกเราสองคน พวกเราเรียกชื่อของกันและกัน ราวกับว่ามันออกมาจากกระดูกของพวกเรา

            ลั่วจื่อหาน ลั่วจื่อหาน

            ฉันชอบนายมาก และชอบเรียกชื่อของนายพอๆ กับที่ชอบนาย

            จนกระทั่งอี้เป่ยซีลืมตาขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ข้างกายก็ไม่มีเงาของลั่วจื่อหานแล้ว ในใจของเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่างเปล่า

            ‘จะพึ่งพาเขาตลอดแบบนี้ไม่ได้ อี้เป่ยซี เธอนี่มันช่างไร้อนาคตจริงๆ แม้ว่าลั่วจื่อหานจะไม่ได้ดีไปกว่าเธอสักเท่าไร’ เธอขยี้ตาตัวเอง โทรศัพท์มือถือข้างๆ สั่นไหวอย่างร่าเริง เธอตอบรับด้วยน้ำเสียงสะลืมสะลือ

            “คิดว่าเวลานี้เธอน่าจะตื่นแล้ว”

            “ตอนนี้สายแล้วเหรอ?” เธอลุกจากเตียงขึ้นนั่ง มองดูโทรศัพท์มือถือ เก้าโมงครึ่ง เวลาก็ไม่แย่เท่าไรนะ

            “เปิดประตูเถอะ ฉันเอาอาหารเช้ามาให้เธอกับฉู่ซ่ง”

            “อืม” เธอไม่แม้แต่จะดูการแต่งตัว เดินเหยียบรองเท้าแตะไปเปิดประตูอย่างเชื่อฟัง ลั่วจื่อหานกำลังหิ้วถุงใบใหญ่ เมื่อเห็นลักษณะของอี้เป่ยซี ก็ขมวดคิ้ว แล้วติดกระดุมทุกเม็ดบนชุดนอนของเธอ

            อี้เป่ยซีไม่ใส่ใจกับการกระทำนี้ เธอลากลั่วจื่อหานอย่างอดใจรอไม่ไหว “อาหารเช้าอะไร หอมจัง หอมจังเลย นายทำเองเหรอ?”

            เขาพยักหน้า ลูบผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของเธอ “ไปอาบน้ำก่อนเถอะ”

            “อืม” อี้เป่ยซีเพิ่งจะเข้าประตูไป ฉู่ซ่งก็ออกมาพร้อมกับตาที่เปิดเพียงครึ่งเดียว ราวกับว่ายังหลับอยู่ หากไม่รู้นึกว่าเขากำลังละเมอ เมื่อเห็นลั่วจื่อหาน เขาเบิกตากว้างทันที

            “ฉู่เซี่ย เมื่อวานพวกเธอสองคน…”

            เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ เริ่มจัดถ้วยและตะเกียบ “กินข้าวเช้าเถอะ”

        “พวกพี่สองคน โอ๊ย…” ลั่วจื่อหานเอาตะเกียบเคาะเล็บของเขาที่ยื่นออกไปหาอาหาร เขากลับไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำด้วยอาการน้อยใจ

————