บทที่ 1331 ชีวิตเหมือนละคร ล้วนต้องอาศัยทักษะการแสดง / บทที่ 1332 ตาสว่าง

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1331 ชีวิตเหมือนละคร ล้วนต้องอาศัยทักษะการแสดง

เป่ยโต่วใคร่ครวญชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยอย่างสัตย์จริง “พี่เฟิง ผมได้ยินมาว่า สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธเตรียมจะหาเรื่องพี่”

“โอ้?” ได้ยินดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นชะงัก ตัวเองอยู่ดีๆ ไหงสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธถึงมาหาเรื่องได้ล่ะ

“ส่วนเหตุผลว่าทำไม ตอนนี้ยังไม่แน่ชัด…แค่ว่า ถูกสหพันธ์วิทยายุทธจับตามองไม่มีทางเป็นเรื่องดีแน่…กฎของรัฐอิสระพวกเราคือห้ามคนนอกเข้ามา ถ้าพี่เฟิงรับคนพวกนั้นไว้ เกรงว่าจะไม่ค่อยดี” เป่ยโต่วอีก

เยี่ยหวันหวั่นย่อมรู้กฎของรัฐอิสระ เพียงแต่แบดเจอร์ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยทำตามกฎไม่ใช่เหรอ

“แล้วก็นะ…พี่เฟิง หกคนนั้นอยู่ข้างนอกน่าจะยังนับว่าไม่เลว…แต่อยู่ในรัฐอิสระก็คือขยะๆ ดีๆ นี่เอง…โดยเฉพาะอยู่ในพันมิตรอู๋เว่ยของพวกเรา พวกเขาจะทำอะไรได้ เลี้ยงเสียข้าวสุกเปล่าๆ นะครับ!” เป่ยโต่วโน้มน้าวเยี่ยหวันหวั่นไม่หยุด

เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ได้คัดค้านคำพูดนี้ของเป่ยโต่ว

หลังมาถึงรัฐอิสระ เยี่ยหวันหวั่นถึงได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า

ก็อย่างหลิวอิ่ง เมื่อก่อนเป็นเจ้านายใหญ่บอดี้การ์ดลับของตระกูลซือที่ประเทศจีน พลังต่อสู้ย่อมต้องโดดเด่น แต่นั่นคือในประเทศจีน ถ้ามาอยู่ในรัฐอิสระก็ไม่ควรค่าให้พูดถึงแม้แต่น้อย

“นายออกไปก่อน ให้พวกเขาเข้ามา” เยี่ยหวันหวั่นมองเป่ยโต่วแล้วเอ่ยปาก

“เดี๋ยวก่อน…พี่เฟิง ยังมีอีกเรื่อง เวินจื่อหรานก็จะกลับมาแล้ว…” เป่ยโต่วเอ่ยอย่างลังเล

“เวินจื่อหราน…” ได้ยินดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นพลันตกใจ

หลายวันนี้ที่มาถึงพันธมิตรอู๋เว่ย เยี่ยหวันหวั่นกวดขันความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของแบดเจอร์ไปมากมาย สำหรับเวินจื่อหรานผู้นี้ก็เคยได้ยินมา

เป็นพี่ชายร่วมสาบานของผู้นำแบดเจอร์…

ว่ากันว่าเป็นคนบ้านโรคจิตตั้งแต่หัวจรดเท้า ชื่อเสียงโหดเหี้ยมโด่งดังอย่างมากในรัฐอิสระ

ที่เยี่ยหวันหวั่นเข้าใจคือ เวินจื่อหรานกับแบดเจอร์ไป๋เฟิงมีความสัมพันธ์กันดียิ่ง ประหนึ่งกับพี่ชายน้องสาวแท้ๆ และหลังจากแบดเจอร์หายตัวไป อีกฝ่ายก็ทำการเคลื่อนไหวบางอย่าง แต่ก็ไม่อาจเจอข่าวคราวของแบดเจอร์มาโดยตลอด

“ฉันรู้แล้ว” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า

เป็นคนสนิทมากของแบดเจอร์อีกแล้ว แถมยังยุ่งด้วยยากอีกต่างหาก…

เยี่ยหวันหวั่นแอบทอดถอนใจในใจ ชีวิตเหมือนละคร ล้วนต้องพึ่งทักษะการแสดงจริงๆ เป็นแบบนี้ต่อไป เธอน่าจะใกล้ได้รางวัลออสการ์ตุ๊กตาทองคำแล้ว!

แต่ตอนนี้ก็ได้แค่แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน ไม่ว่าเป็นใคร ละครยังคงต้องดำเนินต่อไป เธอก็อับจนหนทาง

เป่ยโต่วหันตัวเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปชั่วครู่ กลุ่มทหารรับจ้างห้าคนกับหลิวอิ่งจึงค่อยเดินเข้ามาในห้องทำงานช้าๆ

“ล็อกประตู” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยกับชายไว้หนวดเครา

ได้ยินแบบนั้น ชายไว้หนวดเครารีบหันไปล็อกประตูห้องทำงาน

“เจ้านาย…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่” โลลิน้อยมองเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าเปี่ยมความสงสัย

เมื่อครู่นี้ทำไมเจ้านายแสร้งทำเป็นไม่รู้จักพวกเธอ…แล้วเจ้านายกลายเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยได้ยังไงอีก

“ฉันถามพวกเธอก่อน” เยี่ยหวันหวั่นมองพวกโลลิน้อยกับเหล่าเจียงพลางเอ่ยปากถาม “พวกเธอมารัฐอิสระได้ยังไง แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่พันธมิตรอู๋เว่ย”

“เอ่อ…จักพรรดิจี่บอกมา” โลลิน้อยตอบตามความจริง

“จี่ซิวหร่าน?” ได้ยินคำพูดของโลลิน้อย ยกกอึ้งเล็กน้อย

“พวกเราอยู่ประเทศจีน…แล้วก็ถูกจักพรรดิจี่พาตัวมา…” เหล่าเจียงอธิบายกับเยี่ยหวันหวั่น

“จักพรรดิจี่ยังบอกพวกเราด้วยว่า…เจ้านายอยู่ที่พันธมิตรอู๋เว่ย เพราะงั้นพวกเราเลยมาที่นี่” โลลิน้อยกล่าว

เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเป็นปมแน่น จมสู่ห้วงแห่งความคิด

————————————————————–

บทที่ 1332 ตาสว่าง

จี่ซิวหร่านให้คนไปประเทศจีนพากลุ่มทหารรับจ้างห้าคนมารัฐอิสระ นี่พิสูจน์ได้ว่าจี่ซิวหร่านรู้ตัวตนของเธอนานแล้ว นึกถึงวันนั้นที่จี่ซิวหรานแนะนำตัวกับเธอ…

ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นยืนยันได้แล้วว่า จี่ซิวหร่านต้องรู้ว่าเธอไม่ใช่แบดเจอร์ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยแล้วแน่นอน

แต่ที่ทำให้เยี่ยหวันหวั่นไม่เข้าใจคือ ถ้าจี่ซิวหร่านรู้ตัวตนของเธอแล้ว ทำไมเขาไม่เปิดโปงเธอ

“ทำไมเขาตามมาด้วยล่ะ” เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นหันมองหลิวอิ่ง

“ไม่รู้ครับ…” เหล่าเจียงส่ายหน้า พวกเขาไม่สนิทสนมกับหลิวอิ่งขนาดนั้น ส่วนทำไมหลิวอิ่งถูกพามารัฐอิสระด้วย ในใจพวกเขาก็ไม่รู้แม้แต่น้อย

“ไม่เจอกันนาน…” เวลานี้หลิวอิ่งมองเยี่ยหวันหวั่น ใบหน้าผุดรอยยิ้มขมขื่น

ตอนนั้นหลังซือหมิงหลี่กับฉินรั่วซีควบคุมตระกูลซือ หลิวอิ่งเชื่อว่าฉินรั่วซีหักหลังซือเยี่ยหานแล้วจึงลอบเข้าไปในห้องฉินรั่วซีกลางดึก เดิมคิดจะลอบสังหารฉินรั่วซี แต่น่าเสียดายวันนั้นฉินรั่วซีกลับไม่อยู่บ้านตระกูลซือ ส่วนตัวเองก็ถูกต้วนเฟยลูกน้องของจักพรรดิจี่จับไว้แล้วพามาที่นี่

ได้ยินคำอธิบายของหลิวอิ่งเยี่ยหวันหวั่นก็ครุ่นคิด

พูดแบบนี้ก็หมายความว่า ตอนนั้นต้วนเฟยนั่นอยากจับฉินรั่วซีมารัฐอิสระ แต่ฉินรั่วซีไม่อยู่ในห้องและเผอิญเจอหลิวอิ่งที่มาลอบสังหารฉินรั่วซีพอดี…สุดท้ายเลยจับพลัดจับผลูพาหลิวอิ่งกลับมาแทน

ตั้งแต่ต้นจนจบเยี่ยหวันหวั่นก็ยังไม่เข้าใจว่าจี่ซิวหรานแท้จริงแล้วมีความคิดอะไร ทำไมเขาต้องพาคนที่เกี่ยวข้องกับเธอมารัฐอิสระ…เขาคิดจะทำอะไรกันแน่

“เหล่าเจียงพาคนอื่นๆ ออกไปรอข้างนอกก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับหลิวอิ่ง” เยี่ยหวันหวั่นหันมองเหล่าเจียง

ได้ยินแบบนั้นเหล่าเจียงก็พยักหน้าแล้วพาพวกโลลิน้อยถอยออกไป

เวลานี้ในห้องเหลือแค่เยี่ยหวันหวั่นกับหลิวอิ่งสองคน

“ซือเยี่ยหาน…มีข่าวคราวไหม…” เยี่ยหวันหวั่นมองหลิวอิ่งพลางเอ่ยถาม

ได้ยินดังนั้นหลิวอิ่งส่ายหน้า “คุณชายเก้าหายตัวไปไม่นาน ตระกูลซือก็ถูกฉินรั่วซีกับซือหมิงหลี่ควบคุม…ผมออกจากตระกูลซือแล้ว แต่คุณชายเก้ามีบุญคุณกับผม ฉินรั่วซีทำแบบนี้ ผมแค่อยากจะฆ่าเธอถือเป็นค่าตอบแทนสุดท้ายให้ตระกูลซือกับคุณชายเก้า หลังจากนี้ตระกูลซือมีเรื่องอะไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับผมอีก”

หลิวอิ่งจงรักภักดีกับซือเยี่ยหานและตระกูลซือ จุดนี้เยี่ยหวันหวั่นไม่เห็นแย้ง เพียงแต่คนคนนี้กลับจงรักภักดีแบบหน้ามืดตามัวไปหน่อยก็เท่านั้น

“คุณหนูหวันหวั่น…เรื่องเมื่อก่อน…ขอโทษด้วยจริงๆ ครับ” หลิวอิ่งมองเยี่ยหวันหวั่น ยิ้มเย้ยหยันตัวเอง “ผมนึกมาตลอดว่าคุณอยู่ข้างกายคุณชายเก้าเพราะมีแผนร้ายบางอย่าง นึกไม่ถึงว่ากลับเป็นผมที่โง่เกินไป คนที่มีแผนร้ายไม่ใช่คุณหนูหวันหวั่น แต่เป็นฉินรั่วซี”

ในใจหลิวอิ่งรู้สึกผิดต่อเยี่ยหวันหวั่นมาตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่ที่ฉินรั่วซีควบคุมตระกูลซือ ไม่เพียงได้รับรู้ถึงโฉมหน้าที่แท้จริงของฉินรั่วซี แต่เขายังได้รู้ถึงความโง่เขลาของตัวเอง

“ไม่พูดถึงเรื่องเมื่อก่อนกันชั่วคราว…เมื่อกี้นาย…” เยี่ยหวันหวั่นมองหลิวอิ่งด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อย

หลิวอิ่งยิ้มบางๆ “เรื่องที่คุณหนูสวมรอยเป็นผู้นำพันธมิตรเหรอครับ”

เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ

“ผู้รู้จากปากเหล่าเจียงว่า คุณหนูเรียกตัวเองว่าเป็นแม่ม่ายดำหัวหน้าของเดธโรส…แต่เดธโรสไม่ปรากฏตัวหลายปีแล้ว หัวหน้าของเดธโรสก็ไม่น่าอายุรุ่นคุณหนูหวันหวั่น ผมเลยคิดว่าคุณหนูหวันหวั่นอาจสวมรอย…

“จนมาเห็นคุณหนูหวันหวั่นที่พันธมิตรอู๋เว่ย และคนพวกนั้นเรียกคุณหนูหวันหวั่นว่าผู้นำพันธมิตร ผมก็คิดว่าครั้งนี้คุณหนูหวันหวั่นอาจสวมรอยเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยอีก…”