บทที่ 712 เวทมนตร์แสนตระการตา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

ภาพมายาพลันแตกสลาย พร้อมกับที่ค้างคาวสีดำพุ่งกระจายตัวออกมาเต็มห้องโถง บรรดาอัศวินและมนุษย์หมาป่ารู้สึกเหนื่อยล้ามากเสียจนอยากจะล้มกายลงนอนและหลับฝันดี ค้างคาวมายาฝูงนั้น ส่วนใหญ่จะไปรวมตัวกันรอบๆ มหาอัศวินผู้มีพลังโลหิตยักษ์น้ำแข็งและดยุกดูดา

ในตอนที่คาทรินาพังประตูด้วย ‘เวทลูกไฟของลูเซียน’ ร่างของดูดาได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ร่างกำยำของเขาที่สูงเกือบถึง 190 เซนติเมตรยิ่งยืดสูง และกล้ามเนื้อของเขาก็ยิ่งโป่งพองพร้อมกับมีเกล็ดสีดำปรากฏขึ้น ดวงตาของเขาแดงก่ำดุจโลหิต ราวกับว่าเขาได้สูญเสียสติสัมปะชัญญะทั้งหมด เหลือเพียงความกระหายอยากในการฆ่าฟันและทำลายล้างเพียงเท่านั้น

“สายเลือดปีศาจ!” ขณะถูกห้อมล้อมด้วยหมอกโลหิตจากแท่นบูชา ยาคอฟ แอนนา และทหารรับจ้างคนอื่นๆ ต่างเฝ้ามองภาพนั้นด้วยวามมึนงง ทุกคนต่างตื่นตัวจนกลับมามีสติไม่มากก็น้อย

หมอกโลหิตรอบกายดูดาสะกัดกั้นมิให้ค้างคาวมายากล้ำกลายเข้าใกล้ รอยแผลสองรอยที่ลึกจนเห็นกระดูกปรากฏขึ้นบนแผ่นหลัง และจากตรงนั้นก็มีปีกสีดำงอกออกมา ขณะที่ปีกกระพรือออก เขาก็พุ่งตัวขึ้นจากพื้นและก้มลงมองห้องโถงกับแท่นบูชาจากมุมสูง

นั่นคือข้อได้เปรียบของพวกสายเลือดปีศาจและภูตผี พวกมันบินได้และกุมความเป็นต่อทางอากาศแม้ว่ามันจะมีระดับเพียงมหาอัศวินก็ตาม!

แต่ทันใดนั้น สายลมกรรโชกแรงก็พัดพาหมอกโลหิตอันหนาแน่นไป และไม่นานพื้นที่นั้นก็ปลอดโปร่งขึ้น เหล่าทหารรับจ้างรู้สึกเหมือนกับสมองกลับมาโปร่งโล่ง ราวกับว่าพวกเขาเพิ่งจะตื่นจากฝันร้าย พวกเขาคงไม่มีทางรู้สึกหวาดกลัวต่อความรู้สึกเกลียดชังและอยากฆ่าฟันได้เท่าเมื่อครู่นี้อีกแล้ว หากว่ามันยังดำเนินต่อไป พวกเขาคงกลายเป็นปีศาจร้ายที่สังหารสหายของตน!

“พี่คาทรินา!” แอนนาอุทานด้วยความตกตะลึง เพราะผู้ที่เผชิญหน้าอยู่กับดูดาด้านบนห้องโถงก็คือคาทรินานั่นเอง นางยืนอยู่กลางอากาศ และเส้นผมสีบลอนด์ยาวสลวยของนางก็โบกสะบัดอย่างบ้าคลั่งตามกระแสลม ในมือขวานางยังถือคทาฝังอันญมณีสีใสหลายเม็ดที่มีหมอกแสนแปลกประหลาดแผ่ออกมาอีกด้วย

หมอกนั้นแผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว มินำพาต่อสายลมเลยสักนิด

หลังจากที่ได้เห็นภาพอันน่าเหลือเชื่อ แอนนาก็รู้สึกว่านางยังอยู่ในความฝัน และเป็นฝันที่มีนักเวทผู้ทรงพลังมาเยี่ยมเยือนดั่งเรื่องเล่าของกวีขับลำนำ เหล่านักเวทบินได้โดยไม่ต้องใช้อะไร พวกเขาควบคุมสภาพอากาศได้ และสามารถสร้างไฟกับน้ำแข็ง พวกเขาคือนักเวทผู้ลึกลับและน่าคร้ามเกรง!

ขณะที่หมอกแผ่ขยายออกไป ไม่นานทั้งห้องโถงก็จมอยู่ใต้ม่านหมอกหนา เว้นแต่บริเวณที่เหล่าทหารรับจ้างยืนอยู่

มนุษย์หมาป่าและอัศวินที่พุ่งเข้าโจมตีใส่คาทรินาต่างนิ่งงัน แววตาของพวกมันพลันไร้สีสัน ขณะที่พวกมันพึมพำถ้อยคำไร้ความหมาย และอ้าปากน้ำลายไหลย้อยอย่างไม่อาจควบคุมได้

พวกมันดูราวกับถูกสูบความสามารถในการคิดไปจนเหลือแต่เพียงกายหยาบ

มนุษย์หมาป่าละอัศวินที่แสนน่ากลัวในสายตานางพลันกลับกลายเป็นเพียงสิ่งไร้สติปัญญาเพียงเพราะม่านหมอก แอนนาเงยหน้าข้ึนไปมองเพดานด้วยความตกตะลึง ‘พี่คาทรินาเป็นนักเวทอย่างนั้นหรือ และยังอยู่ในระดับที่ทรงพลังมากเสียด้วย’

รูปลักษณ์ของคาทรินาในยามนี้เหมาะกับภาพจินตนาการเกี่ยวกับนักเวทของนางนัก เว้นแต่ว่าคาทรินามิได้ดูมากเล่ห์และชั่วร้ายเท่า

‘เวทหมอกแห่งจิตใจงั้นรึ นักเวทระดับกลาง….คาทรินาคือนักเวทน่ากลัวที่ข้าพบในคืนนั้น…’ ในฐานะทหารรับจ้างมากประสบการณ์ ยาคอฟจึงได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับเวทมนตร์ผ่านหลากหลายช่องทาง หลังจากที่เขาได้กลายเป็นอัศวินอย่างเป็นทางการ เขาก็ได้รับเอกสารเพิ่มจากเคานต์คัลเคตอีกด้วย ซึ่งนั่นทำให้เขาได้รับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับนักเวทอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เขายังเคยให้ความร่วมมือกกับนักเวทที่แท้จริงมาก่อน ดังนั้นเขาจึงบอกได้ว่าเวทมนตร์บทนี้คือเวทมนตร์อะไรโดยดูจากการแสดงผลของมัน แต่แน่นอนว่า องค์ความรู้ของเขานั้นจำกัดอยู่แค่เพียงเวทมนตร์ทั่วไป

ขณะเฝ้ามองเส้นผมสีทองของคาทรินาที่โบกสะบัดไปมาในอากาศ อักษรรูนสีใสจากการแสดงผลของเวทมนตร์ที่โอบล้อมคุ้มกันกายนาง และบอลไฟสีดำที่ดยุกดูดาโจมตีออก แต่กลับถูกอักษรรูนทั้งหลายดูดซับพลังแทนที่จะก่อให้เกิดแรงระเบิดขึ้น ยาคอฟให้รู้สึกว่าในหัวของเขาขาวโพลน เขาทั้งตกตะลึงและกระวนกระวาย และแทบจะไม่อาจสัมผัสถึงอะไรได้เลย

ฮูมมมมมมมมม!

ร่างกายของมหาอัศวินผู้มีพลังโลหิตยักษ์น้ำแข็งขยายใหญ่ขึ้น ขณะรายล้อมด้วยเกล็ดหิมะ รัศมีเย็นยะเยือกก็แผ่วงกว้าง ขับไล่ ‘หมอกแห่งจิต’ รอบๆ นั้นออกไป ทว่า ร่างเงาหนึ่งกลับปรากฏขึ้นเบื้องหลังมัน ซึ่งร่างนั้นก็เรียวมือยาวขาวซีดคู่หนึ่งและกรงเล็บที่สะท้อนไอเย็นวิบวับ จากนั้น ร่างเงานั้นก็ยื่นมือออกมากระซวกลำคอของ ‘ยักษ์น้ำแข็ง’ ด้วยท่าทางกรีดกรายราวกับว่าเขากำลังเล่นพิณอยู่

กลุ่มควันประหลาดปรากฏวูบ แล้วน้ำแข็งหนาบนลำคอของ ‘ยักษ์น้ำแข็ง’ ก็พลันละลายอย่างไร้ซุ่มเสียง

“อ๊ากกกกกกกกก!!!”

เจ้า ‘ยักษ์น้ำแข็ง’ กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ขณะที่หยาดโลหิตพวยพุ่งออกจากลำคอ มันตวัดดาบยักษ์สีดำ แต่กลับเฉือนฟันได้เพียงภาพมายา ไวเคานต์คาเรนเดียได้มาปรากฏตัวยังอีกทิศทางหนึ่งแล้ว เขาเลียมือขวาของตนก่อนจะกล่าวว่า “รสชาติไม่เลวเลย และไม่เป็นพิษเสียด้วย”

พฤติกรรมวิตถารพรรค์นี้กลับถูกแสดงออกมาได้อย่างสง่างามเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าเขากำลังลิ้มรสอาหารชั้นเลิศที่เจ้าบ้านนำมาต้อนรับเขาอยู่จริงๆ

ยักษ์น้ำแข็งมีพละกำลังมากจนน่าหวาดหวั่นและเก่งกาจด้านการใช้เวทมนตร์น้ำแข็ง แต่สิ่งเหล่านั้นจะเป็นประโยชน์ได้ก็ต่อเมื่อมันโดนตัวศัตรูจริงๆ ยามเผชิญหน้ากับไวเคานต์คาเรนเดียผู้ที่มีความคล่องแคล่วว่องไวเกินระดับมหาอัศวินขั้นที่ห้าไปไกล เขาจึงเป็นเหมือนเด็กน้อยไร้ทางสู้ที่โดนตอดเล็กตอดน้อยไปเรื่อยๆ ไวเคานต์คาเรนเดียยังถึงขั้นกับมีเวลาล้มมนุษย์หมาป่าสองสามตนที่ถูกทำให้อึ้งงันอยู่ เพราะว่าเขาเกลียดกลิ่นของพวกมันอย่างยิ่งยวด

ขณะเฝ้ามองบุรุษหนุ่มผู้หล่อเหลาทั้งยังแข็งแกร่ง กับคาทรินาที่กำลังร่ายเวทซึ่งดูตระการตาอย่างที่สุดอยู่ทางด้านบน แอนนาก็คิดกับตัวเองในใจ พร้อมกับรู้สึกว่าความกลัวและความกังวลได้หายไปแล้ว ‘สมควรแล้วที่นักเวทกับแวมไพร์จะเป็นการรวมตัวกันของตัวร้ายตลอดกาลในเรื่องเล่าของกวีขับลำนำ พวกเขาช่างยอดเยี่ยม!’

‘ขอบคุณพระเจ้าที่พี่คาทรินาอยู่ที่นี่ มิเช่นนั้น…’

นางลูบอกตัวเอง รู้สึกโชคดีอย่างยิ่ง และนางก็ชื่นชอบการแสดงของคาทรินาสุดๆ

แม้ว่าดูดาจะเป็นมหาอัศวินขั้นที่ห้าและมีสายเลือดปีศาจ เขากลับไม่สามารถใช้พลังอย่างเต็มกำลังได้เมื่ออยู่ต่อหน้านักเวทผู้เตรียมการมาพร้อมสรรพ เขาได้รับผลกระทบจากเวทมนตร์และใกล้จะเป็นฝ่ายแพ้อยู่มะรอมมะร่อ และทุกการโจมตีของเขาก็ถูกภาพมายาเบี่ยงเบนไปหรือไม่ก็ถูกสกัดกั้นด้วยเวทกำแพงดูดซับดักลาสและเวทร่างหิน มันจึงทำอันใดอีกฝ่ายไม่ได้

‘จะเป็นแบบนี้ต่อไปมิได้…’ เพียงเพราะเขามีพลังโลหิตของปีศาจ ดูดาจึงรักษาความสามารถในการคิดได้ขณะต่อสู้ เมื่อเห็นว่ายักษ์น้ำแข็งกำลังจะถูกแวมไพร์ตนนั้นโค่นล้มได้สำเร็จ เขาก็เริ่มครุ่นคิดหาทางออกไปจากสถานการณ์นี้

แอนนาที่รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ยาคอฟที่เกิดความรู้สึกอันหลากหลาย และทหารรับจ้างคนอื่นๆ ที่ไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ต่างเฝ้ามองดูสมรภูมิรบเบื้องหน้า แต่จู่ๆ พวกเขาก็เห็นว่าดูดาใช้มือขวากระชากแขนซ้ายของตนเองจนขาดออกจากตัว พร้อมกับร้องคำรามกึกก้อง

“เกิดอะไรขึ้น”

“ความสามารถพิเศษของปีศาจงั้นรึ”

ท่ามกลางความตกตะลึง พวกเขาก็เห็นว่าแขนซ้ายของดูดาระเบิดออกเป็นเศษชิ้นเนื้อ ซึ่งนั่นทำให้หมอกประหลาดกระจายตัวหายไป

หมอกแห่งจิตใจเลือนหายไปแล้ว และมนุษย์หมาป่ากับอัศวินที่เหลืออยู่ต่างก็กลับมาเป็นปกติ บางคนเร่งมือโจมตีใส่คาทรินาด้วยธนูหรืออาวุธกึ่งเวทมนตร์ บ้างก็พุ่งเข้าหาบรรดาทหารรับจ้างพร้อมกับดาบ ค้อน และไม้กระบองในมือ ด้วยคิดจะเบี่ยงเบนความสนใจจากคาทรินาและไวเคานต์คาเรนเดีย

เหล่าทหารรับจ้างต่างหวาดกลัวมนุษย์หมาป่าและอัศวินที่มีท่าทางดุร้าย พวกเขาแทบจะจับอาวุธได้ไม่มั่นคงด้วยซ้ำ

ในขณะที่ดูดาไม่มีเวลามาสนใจเขา ยาคอฟก็สามารถฟื้นฟูพละกำลังของอัศวินขึ้นมาได้ส่วนหนึ่ง เขายืนอยู่ด้านหน้าทุกคน ถือดาบยาวแน่น และปลอบใจคนอื่นๆ ที่กำลังแตกตื่น “อย่าได้ร้อนรน ข้าจะสกัดกั้นพวกมันเอง ตราบใดที่เราต้านพวกมันไว้ได้สักหนึ่งนาที คาทรินาจะจบการต่อสู้นี้เงอ”

“หัวหน้า ข้าจะช่วยท่านเอง” แอนนาเอ่ยขึ้น แม้ว่าแข้งขาของนางจะยังสั่นเทาอยู่ก็ตาม

ในทันใดนั้นเอง ลำแสงสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตานาง มันดูราวกับสร้างมาจากน้ำแข็งอันเย็นเยียบ และมนุษย์หมาป่ากับอัศวินที่อยู่ในระยะแสดงผลของมันต่างก็ถูกแช่แข็งกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง

“ทรงพลังอะไรเช่นนี้…” แอนนาชื่นชมเสียงแผ่ว

ยาคอฟเองก็รู้สึกคล้ายๆ กันนี้ แต่ประสบการณ์อันโชกโชนของเขาสั่งให้เขาอย่ายืนนิ่ง เขาจึงกระโดดเข้าไปโจมตีรูปปั้นน้ำแข็งเหล่านั้น

แกร๊กๆๆ อัศวินกับมนุษย์หมาป่าบางตัวถูกทำลายจนเหลือเพียงเศษซากบนพื้นดินที่เปล่งประกายวิบวับจนดูราวกับเพชร!

“ระวัง!” แอนนาพลันเหลือบไปเห็นว่ามนุษย์หมาป่าตนหนึ่งกำลังย่องเข้าหาคาทรินาแล้วกระโจนเข้าใส่ พยายามจะจับข้อเท้าของคาทรินา นางจึงร้องเตือนด้วยความประหม่ากลัว

เสียงของนางยังคงดังสะท้อนก้องในตอนที่เงาของมนุษย์หมาป่าตนนั้นเคลื่อนไหว จู่ๆ มันก็พุ่งพรวดเข้ากอดรัดมนุษย์หมาป่าแล้วลากมันลงสู่ความมืดที่จู่ๆ เงานั้นก็โผล่ขึ้นมา จากนั้นก็มิมีผู้ใดพบเห็นมนุษย์หมาป่าตนนั้นอีกเลย

“ช่างเป็นเวทมนตร์ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก…” แอนนาหลงใหลในภาพที่เห็นเสียจนนางแทบจะเริ่มเคารพบูชาเวทมนตร์

ดูดาที่ลอยอยู่กลางอากาศฉวยจังหวะนี้กระพรือปีกพุ่งตัวลงต่ำ เป้าหมายของเขาคือประตูบานที่มีลวดลายพิสดาร

ในตอนที่ประตูอยู่ใกล้เพียงเอื้อมถึง เขาก็พลันรู้สึกว่าอวัยวะภายในปั่นป่วนและเลือดก็กำลังไหลบ่าขึ้นไปบนสมอง เขาจึงตกกระแทกกับพื้นเพราะความวิงเวียนนั้น

‘คลื่นใต้เสียงก้องกังวานของศาสตราจารย์เช่นนั้นรึ’ เขาคิดด้วยความแตกตื่น

จากนั้น ก่อนที่เขาจะทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เกล็ดและชุดเกราะที่คุ้มกันร่างกายเขาอยู่ก็กลายเป็นชิ้นส่วนสีแดง ขาว ดำ และทองหลังจากที่คาทรินาชี้นิ้วมาทางเขา ชิ้นส่วนนั้นบางอย่างก็เป็นเนื้อแข็ง บางอย่างมีแก๊สอัดแน่น และบางอย่างก็เป็นเยติ!

‘เวทจัดลำดับธาตุรึ’

‘เหตุใดนางจึงร่ายคาถาได้เร็วนัก นี่นางไม่จำเป็นต้องรอเวลาหน่วงเลยหรืออย่างไร’

ดูดาเฝ้ามองชุดเกราะและเกล็ดบนตัวหายลับไปในอากาศ เขารู้ว่านี่คือเวทมนตร์พิเศษของลูเซียน ‘ผู้บัญชาอะตอม’ อีวานส์ และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดที่ลูกศิษย์ของเขาจะใช้มันได้ สิ่งที่น่าแปลกก็คือมันกลับไม่มีระยะเวลาหน่วงระหว่างเวทมนตร์ทั้งสองบทเลยนี่สิ มันไม่มีทางเลยที่เขาจะหลบเลี่ยงได้!

แต่สิ่งที่หลุดลอดความสนใจของเขาไปก็คือเหรียญตรารูปพระจันทร์สีเงินแสนงดงามแผ่ไอเย็นบนอกซ้ายของคาทรินา ซึ่งมันส่องแสงวูบวาบราวกับมีกระแสไฟฟ้า

ด้วยไม่มีเวลาให้คิดมาก เขาจึงพุ่งเข้าใส่ประตูทางด้านหลังด้วยร่างกายที่สั่นเทา

แอนนามองเห็นว่าเส้นผมของคาทรินาหยุดโบกสะบัดแล้ว หลังจากที่สายลมสงบลง จากนั้นนางก็ยื่นมือขวาออกมา แล้วบอลไฟที่มีขนาดใหญ่และร้อนระอุกว่าปกติก็พุ่งออกมากระแทกใส่แผ่นหลังของดูดา

ตูม!

ดูดาแทบจะถูกแรงระเบิดฉีกกระชากร่างกายเป็นชิ้นๆ แต่เขาก็ยังเปิดประตูได้สำเร็จ อีกทางด้านหนึ่งนั้น ไวเคานต์คาเรนเดียกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าสีขาวเช็ดมือทั้งสองข้าง ยักษ์น้ำแข็งล้มกองอยู่เบื้องหน้าเขาโดยที่ดวงตายังเบิกโพลง

หลังจากที่ประตูถูกเปิดออก ก็เผยให้เห็นแท่นบูชาแบบเดียวกัน เว้นเพียงแต่ว่าหุ่นจำลองบนแท่นบูชาแห่งใหม่นี้มีรูปลักษณ์ชัดเจนมากกว่า มันคือปีศาจรูปร่างมนุษย์ดูหล่อเหลาที่มีผิวสีเข้ม

ด้านใต้หุ่นจำลองปีศาจตนนั้น มีชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ด้วยท่าทางตกใจอย่างมาก เขามีลักษณะเด่นทุกอย่างของตระกูลวลาดิเมียร์

“ไวเคานต์แอนดรี?” แอนนาโพล่งออกมาอย่างตกตะลึงเป็นที่ยิ่ง

แอนดรีส่ายศีรษะไปมา ราวกับว่าเขากำลังสิ้นหวัง “เจ้าไม่ควรเข้ามาในนี้ เจ้าบังคับให้ข้าต้องทำมัน เจ้าบังคับข้า…”

“เราจับตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังได้เร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ” ไวเคานต์คาเรนเดียโยนผ้าเช็ดหน้าเปรอะเปื้อนทิ้งลงพื้นขณะพูดกับคาทรินาด้วยความขบขัน

………………………………….