“โอ้ว ในที่สุดก็อัพเสร็จ” เซียวอวี๋มองดูฐานทัพที่ใหญ่โตและมีสไตล์มากขึ้น ความสุขพลันเอ่อล้นอยู่ในใจ ต้นไม้โลกในเวลานี้มีความสูงทะลุเมฆแล้ว ภาพที่เห็นนี้ทั้งน่าประทับใจและตกตะลึงในเวลาเดียวกัน หลังจากอัพเกรดต้นไม้โลกเสร็จ พวกเอลฟ์ที่ได้เห็นต่างก็หลั่งน้ำตา ทั้งหมดพลันคุกเข่าลงเบื้องหน้าต้นไม้โลกและเริ่มสวดภาวนา พวกเอลฟ์ต้องทนใช้ชีวิตอย่างขมขื่นมานานหลายปี ทว่าในที่สุด พวกเขาก็ค้นพบความหวังใหม่ ทั้งยังเป็นความหวังที่ดียิ่งกว่าเดิม มีหรือที่พวกเขาจะไม่ตื่นเต้น? ทิรันด้า เมอีฟ และกระทั่งอิลิดัน เมื่อได้เห็นฉากที่ปรากฏขึ้น ความตื่นเต้นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ต้นไม้โลกปรากฏขึ้นอีกครั้ง วันแห่งความรุ่งโรจน์ของเผ่าพันธุ์เอลฟ์มาถึงแล้ว” ทิรันด้าพึมพำขณะที่มีแสงปรากฏออกมาจากร่างของนาง แสงสว่างนี้ไม่ใช่แสงทั่วไป หากแต่เป็นแสงของเทพธิดาแห่งจันทรา ในเวลานี้ ทิรันด้าไม่ได้เป็นเพียงผู้นำทางแห่งจันทราอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นเทพธิดาแห่งจันทราอย่างแท้จริง นางได้ผ่านพิธีสวมมงกุฎจริงๆแล้ว เซียวอวี๋ที่มีพันธะอยู่กับทิรันด้าพลันรับรู้ได้ว่าเวลานี้ ทิรันด้าได้รับทักษะหนึ่งในทักษะที่ทรงพลังที่สุดมาแล้ว นั่นคือ ทักษะดาวตก หากอธิบายอย่างกระชับ มันคือทักษะที่จะเรียกดาวตกลงมาจากฟากฟ้าและทำลายศัตรูเป็นวงกว้าง เวทมนตร์บทนี้ยังทรงพลังยิ่งกว่าเวทไฟและน้ำทั่วไป ด้วยการมีอยู่ของทักษะนี้ ทิรันด้าก็กลายเป็นทิรันด้าอย่างแท้จริง “ขอสรรเสริญท่านทิรันด้าผู้ยิ่งใหญ่ ขอสรรเสริญท่านเมอีฟผู้ยิ่งใหญ่….”เมื่อพวกเอลฟ์ได้เห็นฉากนี้ ทั้งหมดก็คุกเข่าก่อนจะกล่าวสรรเสริญทั้งสอง หลังจากมองดูอยู่ครู่หนึ่ง เซียวอวี๋ก็ยิ้มก่อนจะกลับไปทำงาน เขาไปยังแท่นบูชาเพื่อที่จะเรียกมัลฟูเรี่ยนออกมา จากนั้นจึงเป็นฮีโร่อีกคน เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ตอนนี้แรงก์ของเซียวอวี๋เพิ่มขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงสามารถอัญเชิญฮีโร่ออกมาได้อีก(อัพฐานทัพ+แรงก์อัพ) ซึ่งเซียวอวี๋กำลังครุ่นคิดว่าจะเลือกผู้ใดดี เหล่าฮีโร่ที่เรียกออกมาได้ล้วนแต่มีความสามารถสูง โดยเฉพาะพวกฮีโร่สายต่อสู้ระยะประชิด เซียวอวี๋นึกถึง แพนด้าเฉินและสตรอมสปิริต เฉิน สตรอมเอ้าท์สามารถพ่นไฟ ทั้งยังเป็นสายต่อสู้ระยะประชิด เขานับเป็นฮีโร่ที่ครบเครื่อง และที่สำคัญที่สุด เขาเป็นคนจีน ดังนั้นจึงชื่นชอบแพนด้าเป็นพิเศษ ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ก่อนอื่นเลย เขาจัดการสร้างรังของคิเมร่าที่โรงทหาร การก่อสร้างนี้ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ และเซียวอวี๋ก็ทำได้เพียงแค่รอต่อไป มัลฟูเรียน ด้วยเหตุนี้ เซียวอวี๋จึงเลือกอัญเชิญแพนด้าเฉิน เขาเฝ้ารอฮีโร่ทั้งสองให้ออกมาแทบไหมา่ไหวแล้ว ด้วยฮีโร่ใหม่ทั้งสองนี้ กำลังรบของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก พลังของมัลฟูเรียนโดยหลักจะเป็นการรักษา กระนั้นก็ยังมีทักษะที่เรียกรากไม้ออกมาตรึงศัตรู มันเป็นทักษะที่ค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว เซียวอวี๋อดคิดขึ้นไม่ได้ว่า หากมัลฟูเรียนไปถึงขั้นที่ห้าแล้ว มนุษย์ต้นไม้ที่เขาเรียกออกมาจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องกล่าวถึงพวกสายนักรบ เพียงผู้พิทักษ์โบราณก็แข็งแกร่งอย่างยิ่งแล้ว เซียวอวี๋รอคอยอย่างหงุดหงิด เขารอมาตั้งนาน ฮีโร่ทั้งสองก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจไปที่ฐานทัพอันเดดก่อน เมื่อมาถึง เซียวอวี๋ก็มองหาทางเข้าอยู่นาน ทว่าก็ยังหาไม่พบ กระทั่งมีแมงมุมตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากดินและส่งเสียงร้อง เซียวอวี๋จึงติดตามมันไปยังถ้ำที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นฐานของพวกอันเดด “ฮะฮ่า ดูเหมือนอาร์ทัสจะทำได้ไม่เลวเลย เขากระทั่งขุดสร้างถ้ำเพื่ออำพรางทางเข้า แม้แต่ลูกพี่ยังหาไม่เจอ จิ๊จิ๊ เจ้านี่ช่างมีความสามารถจริงๆ” เซียวอวี๋มีความสุขมาก “อาร์ทัสคำนับนายท่าน” เมื่อได้ยินว่าเซียวอวี๋เดินทางมา อาร์ทัสก็ขี่อาชานรกออกมาต้อนรับพร้อมด้วยเคลธูซาด กระทั่งเสี่ยวเชียงก็ยังมาด้วย เมื่อได้เห็นทั้งหมด เซียวอวี๋ก็ตกตะลึง ตอนนี้พวกเขาส่วนใหย่มีระดับมากกว่าสี่สิบแล้วและกำลังจะเลื่อนไปขั้นที่ห้า นี่นับเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขามาก ต้องทราบว่าเซียวอวี๋ไม่เคยพาพวกเขาออกไปเก็บระดับเลย กระนั้นพวกเขากลับเพิ่มระดับได้ด้วยความพยายามของตนเอง นี่มันน่าเหลือเชื่อมาก “เจ้า…ไฉนจึงเพิ่มระดับได้รวดเร็วเพียงนี้?” เซียวอวี๋ถามอาร์ทัส “เรียนนายท่าน พวกเราได้กระทำตามคำแนะนำก่อนออกเดินทางของท่าน ใช้เวลายามค่ำคืนลอบเร้นเข้าไปในแคว้นต่างๆ สังหารกำลังทหารบางส่วนและค่อยเติบโตขึ้น” อาร์ทัสกล่าวตอบ “เพียงแค่นั้น?” เซียวอวี๋รู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเรามักจะเข้าไปในเทือกเขาเพื่อล่าสัตว์อสูรตัวใหญ่ๆตอนนี้พวกเราสามารถสั่งการซากศพสัตว์พวกนั้น นั่นทำให้การล่าเป็นไปอย่างสะดวก” อาร์ทัสกล่าวพลางชี้ไปยังซากศพสัตว์อสูรขนาดใหญ่สิบตัวที่นอนเรียงกันอยู่ เซียวอวี๋เบนสายตามองตามและก็ต้องตกตะลึง พวกมันเป็นสัตว์อสูรขั้นที่ห้า ขณะที่อาร์ทัสก็อยู่เพียงขั้นที่ห้าเท่านั้น เขาสามารถสังหารพวกมันได้อย่างไร? “พวกเราเน้นการใช้วิธีซุ่มโจมตีและวิธีอื่นๆ เช่นการพึ่งพาจำนวนเข้าตัดทอนกำลังก่อนจะสังหารมัน” อาร์ทัสอธิบายเสริม เซียวอวี๋เดินตามอาร์ทัสเข้าไปด้านในและพบว่ามีทหารอันเดดเป็นพันๆเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ จำนวนของพวกมันเพิ่มขึ้นจากตอนแรกหลายเท่าตัว “ทำไมจำนวนจึงมากมายนัก?” เซียวอวี๋ตกตะลึง “เรียนนายท่าน เมื่อระดับพวกเราเพิ่มขึ้นถึงจุดหนึ่ง พวกเราก็สามารถเปลี่ยนซากศพที่ตายให้กลายเป็นอันเดด ดังนั้นจำนวนของเราจึงเพิ่มขึ้นมาก” อาร์ทัสชี้ไปยังอันเดดที่เพิ่งถูกเปลี่ยนจากซากศพ เซียวอวี๋กวาดตามองกองทัพอันเดดอยู่นาน คิดไม่ถึงจริงๆว่ากองทัพอันเดดจะพัฒนาขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ แรกเริ่มเดิมที เขาก่อตั้งกองทัพอันเดดขึ้นเพื่อใช้ก่อกวนศัตรู ไม่คาดคิดว่ามันจะถูกพัฒนามาถึงจุดนี้ สถานการณ์ตอนนี้มันแทบจะหลุดการควบคุมแล้ว อาร์ทัสอยู่รอคำสั่งอย่างสงบ เซียวอวี๋มองดูค่าความภักดีของเหล่าฮีโร่และเหล่าทหารอันเดดผ่านระบบ เขาทราบดี หากปล่อยให้ค่าความภักดีต่ำลงถึงจุดหนึ่ง พวกเขาก็จะตีจากไป และเมื่อถึงตอนนั้น กองทัพอันเดดที่มากมายขนาดนี้จะต้องกลายเป็นหายนะอย่างแน่นอน เซียวอวี๋ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขายิ้มอย่างขมขื่น “เจ้าทำได้ดีมากอาร์ทัส เจ้าทำได้ดีจริงๆ ถึงอย่างนั้น ในอนาคต หากปราศจากการอนุญาตของข้า จงอย่าได้เพิ่มกำลังอันเดดโดยพลการ และจงจำไว้ว่าอย่าได้สังหารชาวบ้านโดยพลการ” “ขอรับ พวกเราจะปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน” อาร์ทัส เคลธูซาดและเสี่ยวชิงกล่าวรับคำ เซียวอวี๋พยักหน้าและไม่ได้กล่าวอะไรอีก หลังจากตบบ่าอาร์ทัสสองสามที เขาก็ออกจากฐานทัพอันเดด ความมีเหตุมีผลบอกเขาว่าเขาควรกำจัดพวกอันเดดทั้งหมดเสียแต่ตอนนี้เพื่อไว้ให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต ทว่าเขาก็ยังไม่อาจตัดใจกำจัดกำลังพลของตัวเองได้ลง แม้ว่าพวกมันจะเป็นอันเดด กระนั้นพวกมันก็ยังเป็นทหารของเขา เฉกเช่นเดียวกับพวกนักรบออร์ค นักรบเอลฟ์ เซียวอวี๋คิดกับพวกมันเสมือนพี่น้อง “เราใช่โลเลไปหรือเปล่า?” เซียวอวี๋หัวเราะกับตัวเอง “ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ” เมื่อเดินออกจากถ้ำ เซียวอวี๋ก็มองไปยังต้นไม้แห่งชีวิตที่อยู่ไกลๆ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้น เช่นนั้นทั้งหมดก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของโชคชะตาเถอะ