บทที่ 136 โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 136 เรื่องกวนใจรอบสอง (5)
“เพื่อนนักศึกษาลั่วจื่อหาน นายนี่คุยไม่เป็นเอาซะเลย ซื่อจัง”
“ฉันเป็นคนซื่อตรง ไม่เหมือนใครบางคน ขนาดตัวเองก็ยังหลอก”
“ฉันนี่คือการปกป้องตัวเองโอเคไหม ความชัดเจนกับความปลอดภัย แน่นอนว่าฉันเลือกความปลอดภัยก่อน”
ลั่วจื่อหานมองดูเธอ ถอนหายใจ “เป่ยซี”
“หืม?”
“ฉันอยากกอดเธอจังเลย”
เธอยิ้มเหมือนกับดอกไม้อยู่นอกจอ ส่ายหัว “ตอนนี้ติดหนึบกับฉันแล้วเหรอ?”
ได้ยินเสียงเคาะประตู อี้เป่ยซีได้ยินเสียงของลั่วจื่อหานไม่ชัด “ฉันจะไปกินข้าวแล้ว นายก็รีบกลับไปกินข้าวเถอะ”
“ได้”
“งั้นเจอกัน”
“เจอกัน”
บอกว่าเจอกันแล้ว แต่ทั้งสองคนก็ไม่มีใครกดปุ่มสีแดงเพื่อวางสาย
“เธอวางเถอะ”
อี้เป่ยซีมองเขาอีกสักพัก จึงพยักหน้า กดปุ่มวางสายโดยไม่เต็มใจ เธอโยนโทรศัพท์มือถือไปบนเตียง ถอนหายใจ
ไม่เจอกันแป๊บเดียวก็คิดถึงขนาดนี้ มันผิดปกติหรือเปล่านะ?
ลั่วจื่อหาน ลั่วจื่อหาน ทำไมนายถึงดีขนาดนี้ ทำให้ฉันติดนายหนึบขนาดนี้ คิดถึงนายขนาดนี้
จะไม่มีลั่วจื่อหานคนที่สองแล้วจริงๆ ลั่วจื่อหานที่เป็นของอี้เป่ยซีคนที่สอง เธอส่ายหัว เก็บของ แล้วลงไปกินข้าว
เมื่อกลับถึงห้องก็อาศัยช่วงที่อารมณ์ดียังไม่หายไปไหน เธอเปิดข้อมูลข้อมูลที่เป็นระเบียบของตัวเอง รวมทั้งไฟล์ที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ เลือกเพลงที่เหมาะสมในไฟล์ ใส่หูฟัง ยิ้มเป็นครั้งคราวพร้อมกับปากกาที่พริ้วไหว
ลั่วจื่อหาน ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่าการที่เขียนเพลงให้ใครสักคนมันจะรู้สึกน่าพึงพอใจแบบนี้
ก่อนหน้านี้ก็เป็นภาพวาดของนาย ตอนนี้ก็เป็นนาย
ทำยังไงดี ฉันเหมือนกับว่ายิ่งชอบนายขึ้นทุกวันแล้ว
ลั่วจื่อหาน ลั่วจื่อหาน
จนกระทั่งเมื่อเธอขัดเกลาครั้งสุดท้ายเสร็จก็เป็นเวลาตีสามของตอนเช้าแล้ว เธอหาว ไม่ใส่ใจที่จะล้างหน้า ก้มศีรษะลงนอน ในฝันต่างเปี่ยมไปด้วยรสชาติสดชื่นและหอมหวาน
อี้เป่ยซีไม่ได้คิดถึงมัน และไม่คิดว่าจะเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมเพื่อทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ ในที่สุดเธอก็เกิดความคิดบ้าๆ ขึ้นมาในหัวของเธอฉับพลัน และพูดคุยกับเพื่อนของเธอเป็นเวลานาน
เธอต้องการให้ทุกคนได้เจอกับความสุขแช่นนี้ แต่ว่าความสุขของลั่วจื่อหาน เธอควรจะเป็นคนที่ทำให้มันสมบูรณ์แบบ
ดวงตาของอี้เป่ยซีสดใส จินตนาการถึงอาการประหลาดใจตอนที่ลั่วจื่อหานได้รับของขวัญชิ้นนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น อี้เป่ยซีพลาดอาหารเช้า และเกือบพลาดเวลาอาหารเที่ยง
“เมื่อวานเล่นเกมส์อีกแล้วเหรอ ถึงได้ตื่นสายขนาดนี้?” คุณแม่อี้จัดเรียงถ้วยและตะเกียบอย่างดี เห็นรอยคล้ำใต้ตาของอี้เป่ยซี ยื่นมือนวดๆ “ยังเหมือนเด็กอยู่เลย”
“ไหนบอกว่าในสายตาของคุณแม่ ลูกๆ ยังเป็นเด็กเสมอไม่ใช่เหรอคะ” อี้เป่ยซีกัดเนื้อปลาไปหนึ่งคำ “พี่ไม่กลับมากินข้าวเที่ยงเหรอ?”
“รออีกสักพักเถอะ เขาบอกว่ายังมีงานที่บริษัท ลูกกินก่อนเถอะ”
อี้เป่ยซีพยักหน้า ในใจกลับรู้สึกแย่ เขากลับมาช้า เพราะตั้งใจคลาดกับเวลาที่เธอกินข้าว เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกระมัดระวังและอึดอัดล่ะมั้ง
ตอนนี้เธอไม่สนใจแล้ว พี่เป่ยเฉินก็ไม่สามารถพัวพันกับเรื่องนี้ได้ตลอดเวลาหรอกนะ
เธอควรจะทำอะไรสักอย่าง ไม่สามารถปล่อยให้เขาทำเรื่องมากมายได้เงียบๆ อีกแล้ว
อี้เป่ยซีพยักหน้า ตัดสินใจ
เป็นไปตามคาดเมื่ออี้เป่ยซีกลับห้องได้ไม่นาน อี้เป่ยซีจึงกลับถึงบ้าน กินข้าวเที่ยงอย่างเร่งรีบ แล้วจากไปราวกับว่าถูกอะไรไล่ เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ก็ได้ยินว่าเขาทำงานล่วงเวลา
เธอพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง กลับห้องไปพักผ่อน นั่งลงที่โต๊ะหนังสือของตัวเอง จนกระทั่งได้ยินเสียงรถดังมาจากข้างนอก เธอจึงรีบพุ่งลงไปเพื่อชงชาน้ำผึ้ง เมื่ออี้เป่ยเฉินเปิดไฟก็ประหลาดใจเล็กน้อย
อี้เป่ยซียิ้มกว้าง “พี่ กลับมาแล้วเหรอ”
“อืม” เขามองเธอต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็เพียงแค่ขยับปากแต่ไม่ได้พูดอะไร รับน้ำมาจากเธอ ดื่มรวดเดียวหมด
“พี่ ช่วงนี้ที่ทำงานยุ่งมาเหรอ? เห็นพี่ผอมลงไปตั้งเยอะ”
เขาอ้าปาก แม้น้ำผึ้งที่ไหลผ่านจะชุ่มคอ แต่ในลำคอก็ยังรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกฉีดขาด “พอได้”
ได้ยินเสียงของอี้เป่ยเฉิน อี้เป่ยซีไม่สามารถยิ้มได้อีกต่อไปแล้ว ดวงตาค่อยๆ แดงก่ำ มีบางอย่างไหลอาบแก้มโดยที่ตัวเองไม่สามรถควบคุมได้อีกต่อไปแล้ว
อี้เป่ยเฉินรีบวางแก้วน้ำลง เอื้อมมือออกไปแต่ว่ากลับวางลงครึ่งทางด้วยความลังเลและอ่อนแรง
ตอนนี้เธอคงไม่ต้องการให้เขาปลอบใจแล้วล่ะมั้ง
จู่ๆ มือน้อยอันอบอุ่นคว้ามือของเขาที่ลอยค้างไว้ เมื่อจ้องมองดวงตาที่เอิบอิ่มคู่นั้น หัวใจก็ยังสั่น
ที่แท้เขายังปล่อยว่างไม่ได้จริงๆ และไม่มีทางปล่อยวางได้ล่ะมั้ง
“เสี่ยวซี”
“พี่”
ลำคอของเขาขยับ “ดึกแล้ว รีบกลับพักผ่อนเถอะ”
“พี่” เธอไม่กล้าเงยหน้า ก้มหน้ามองมือที่เห็นข้อต่อได้อย่างชัดเจนของอี้เป่ยเฉิน มันถูกมือของเธอกุมไว้ ทำอย่างไรก็ไม่อยากปล่อยมัน
“เสี่ยวซี พี่รู้แล้ว” มืออีกข้างมือของเขากุมอยู่บนมือของเธอ “ที่จริงเธอ ไม่จำเป็นต้อง พี่…”
“พี่ ฉันขอโทษ”
“เสี่ยวซี เธอไม่ได้ทำผิดต่อพี่ เพราะพี่เองที่ทำเรื่องบางอย่าง เธอ กับ ลั่วจื่อหาน” พอเขาพูดชื่อนั้น หัวใจก็ราวกับถูกมีดบาด “ไม่มีอะไร”
อี้เป่ยซีดึงมือออก กอดอี้เป่ยเฉินแน่น “พี่ ฉันขอโทษ” รู้สึกได้ถึงร่างกายที่ซูบผอมของเขา น้ำตาของอี้เป่ยซีก็ร่วงลงบนตัวของเขาจนเปียกอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
เขายื่นมือกอดเด็กสาวในอ้อมแขนไว้แน่น แม้ทั้งสองคนจะใกล้ชิดกันเพียงนี้ อี้เป่ยเฉินก็ยังรู้สึกว่าบางอย่างในร่างกายตัวเองถูกฉีกขาด ทิ้งให้เขาจมอยู่ในกองเลือดเพียงลำพัง
เขาคิดมาตลอดว่านี่คือเนื้อคู่ของตัวเอง คืออีฟของเขา เขานึกว่าจะได้อยู่ในสวนเอเดนด้วยกันกับเธอ และมีความสุขชั่วนิรันดร์
ต่อมาเขาจึงพบว่าตัวเองเป็นเพียงงูพิษตัวนั้นที่เต็มไปด้วยความอิจฉาและจินตนาการว่าตัวเองคือพระเจ้า เขาไม่สามารถอยู่ด้วยกันกับอี้เป่ยซี หรือแม้แต่กลับไปทำให้เธอลำบาก
เสี่ยวซี เธอได้เลือกสิ่งที่ดีมากแล้วจริงๆ
ลั่วจื่อหานจะชอบเธอ รักเธอตลอดไป ไม่น้อยไปกว่าพี่ชายเลย
เขาในฐานะที่เป็นพี่ชายดีใจมากที่น้องสาวของตัวเองได้พบกับแฟนที่ยอดเยี่ยมแบบนั้น แต่ว่าเขาในฐานะคนที่ชอบเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจกับความรักที่ไม่สมหวังของตัวเอง
พี่มีความสุขมากที่ได้เห็นคนที่อยู่ข้างกายเธอทำให้เธอมีความสุขได้ แต่ว่าทำไมถึงไม่ใช่พี่
อี้เป่ยเฉินครุ่นคิดแล้วก็อดไม่ไหวที่จะออกแรงมากขึ้น อี้เป่ยซีรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิบนตัวเขา ส่งเสียงสะอื้นเล็กน้อย
ให้โอกาสพี่สักครั้งได้หรือเปล่า ให้พวกเรากอดกันจนตราบกาลนาน
“เสี่ยวซี พอแล้วหยุดร้องได้แล้ว” อี้เป่ยซียกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ “แบบนี้ไม่สวยนะ”
อี้เป่ยซีกัดริมฝีปาก น้ำตายังคงไหลออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
“กลับไปนอนเถอะ” เธอพยักหน้า เดินไปยังห้องนอนทีละก้าวๆ คลุมศีรษะด้วยผ้านวมแล้วสะอื้นไห้อีกครั้ง อี้เป่ยเฉินหยุดอยู่หน้าห้องของเธอเนิ่นนาน
————