ตอนที่ 628 โกรธจัด

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 628

โกรธจัด

“เจ้าว่าอะไรนะ”ทางฝั่งของสำนักหมู่ดาว ทันทีที่ปู่เฉินกลับมามันก็เข้าไปรายงานให้อาวุโสของสำนักได้ทราบทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่เขตสำนักเหยี่ยวทะเลทราย

“ขอรับ อาทู้เป็นสายของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายจริงๆขอรับ”ปู่เฉินตอบด้วยท่าทีมั่นใจ ท่าทีใกล้ชิดของปู่เฉินและหนี่หลิงหนานไม่ใช่ท่าทีของชายหญิงที่พึ่งได้พบกันไม่กี่ครั้งแน่ๆ

“อาทู้งั้นเหรอ เป็นไปได้อย่างไร”แม้แต่ตัวอาวุโสเองยังไม่อยากจะเชื่อว่าสายของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายคืออาทู้ ความจริงแล้วสำนักหมู่ดาวนั้นพยายามหาหนอนบ่อนไส้ของสำนักมาหลายปีแล้ว เพราะช่วงหลังความลับของสำนักรั่วไหลไปทางสำนักเหยี่ยวทะเลทรายหลายเรื่อง ทั้งเรื่องฝีมือของศิษย์เอกที่จะลงประลองในงานวิจารณ์กระบี่ ทั้งเส้นสายการรับงานและการเสนอราคาต่างๆในเมืองหลวง ทำให้ช่วงหลังมานี้สำนักหมู่ดาวรับมือสำนักเหยี่ยวทะเลทรายได้ยากขึ้น เรียกได้ว่าหนอนตัวนี้สร้างความกังวลให้เจ้าสำนักไม่น้อยเลย ถึงขนาดสั่งให้อาวุโสทุกคนจับตาดูศิษย์ที่น่าสงสัยเอาไว้ แต่ก็ไม่นึกว่าจะเป็นอาทู้ที่เป็นศิษย์เอกของสำนัก นับว่าเกิดคาดจริงๆ

“แน่นอนขอรับ และข้ายังเชื่ออีกด้วยว่าคนที่รายงานเส้นทางขนส่งสมุนไพรเมื่อเดือนก่อนต้องเป็นอาทู้แน่ๆ ข้าสังเกตมันมาพักหนึ่งแล้วมันมีพิรุธหลายอย่างจริงๆ”ปู่เฉินตอบด้วยท่าทีมั่นใจ แต่น่าเสียดายที่ปู่เฉินนั้นเดาผิดเพราะหากอาทู้เป็นสายของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายจริงอาทู้ก็คงไม่ต้องขอให้หนี่หลิงหนานไปขอร้องหลินเรื่องขอเข้าสำนักหรอก

“แล้วตอนนี้อาทู้อยู่ไหน”อาวุโสถามด้วยท่าทีลำบากใจ หากเรื่องนี้เป็นจริงอาทู้คงต้องโดนลงโทษหนักแน่ๆ

“น่าเสียดายขอรับ ข้าบังเอิญไปพบมันระหว่างกำลังส่งข่าวให้ศิษย์คนหนึ่งของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายพอดี พอพวกมันรู้ตัวก็พยายามเล่นงานข้า แถมเจ้าสำนักมันยังโผล่มาอีกข้าก็เลยต้องหนีมาเท่านั้นขอรับ แต่เกรงว่าอาทู้จะไม่ได้กลับมาแล้ว”ปู่เฉินตอบเสียงเรียบ แม้จะต่างจากความจริงไปบ้างแต่มันก็มั่นใจว่าอาทู้จะไม่โผล่หน้ามาที่นี่หรอก

“บ้าจริง…เช่นนั้นเราต้องรีบกลับไปที่สำนักรายงานเรื่องนี้ให้ท่านเจ้าสำนักทราบ”อาวุโสของสำนักหมู่ตัดสินใจกลับไปที่สำนักเพื่อรายงานเรื่องนี้ทันที เพราะถึงอย่างไรการประลองคราวนี้ฝ่ายตนก็แพ้หมดแล้ว แถมข้อมูลที่ต้องการก็ได้มาครบแล้วเรียกได้ว่าพวกตนไม่มีธุระอะไรกับที่นี่อีกแล้ว

.

.

แม้จะไม่มีสำนักหมู่ดาวที่ตกรอบไปหมดแล้ว การประลองของสำนักเกราะทองก็ยังดำเนินต่อไปได้อย่างน่าตื่นเต้น นอกจากฝีมือของเจ้าภาพอย่างสำนักเกราะทองที่น่าตื่นเต้นแล้ว เหล่าศิษย์หญิงของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายก็ทำผลงานได้ดีมาก นอกจากคู่ที่ต้องเจอกันเองระหว่างศิษย์สำนักเหยี่ยวทะเลทรายด้วยกันแล้ว พวกนางก็ยังไม่แพ้ใครเลยจนกระทั่งหนี่หลิงหนานขึ้นมาอยู่รอบชิงชนะเลิศเช่นเดียวกันกับห่าวเหมินผู้เป็นศิษย์เอกสำนักเกราะทอง

“เหลือเชื่อ ยัยนั่นทำได้ขนาดนี้เลยงั้นเหรอ”เหล่าคนร่วมหมู่บ้านของหนี่หลิงหนานทั้ง 8 คนเองต่างก็ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้หญิงที่พวกมันเคยดูถูกและรังแกจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ยามนี้ยัยเด็กที่เคยคุกเข่าอยู่หน้าสำนักเพื่อขอเข้าร่วมสำนักกลับสามารถมายืนต่อหน้าศิษย์เอกของสำนักเกราะทองได้อย่างสง่าผ่าเผย แถมยังดูทัดเทียมกันอีกต่างหาก

“นับว่าเจ้าโชคดีที่สายประลองของเจ้ามีแต่พวกไร้ฝีมือ แต่ก็ดีข้าจะได้จัดการเจ้าด้วยตนเอง”ห่าวเหมินยิ้มพลางเหวี่ยงค้อนดาวตกในมือตนเองเบาๆ

“ข้าไม่ได้ใช้โชคหรอกนะ”หนี่หลิงหนานตอบด้วยท่าทีสบายๆ แค่ได้เห็นหน้าอึ้งๆของเจ้าพวกที่เคยรังแกนางก็ทำให้หนี่หลิงหนานชื่นใจมากแล้ว การมาประลองครั้งนี้นับว่าหนี่หลิงหนานได้ล้างแค้นแล้วก็ว่าได้

“แต่น่าเสียดายนะ วิชาของเจ้าใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก”ห่าวเหมินยิ้มด้วยท่าทีดูถูกหนี่หลิงหนาน วิชากระบี่ของหนี่หลิงหนานหลากหลายพลิกแพลงก็จริง แต่สองก่อนหน้านี้ห่าวเหมินได้ดูวิชาของนางอย่างทะลุปรุโปร่ง ทำให้มันมั่นใจว่าต้องรับมือนางได้แน่ๆ

“เจ้าอย่าพูดมากอยู่เลย ถ้าไม่เข้ามาข้าจะเป็นคนเข้าไปเองนะ”หนี่หลิงหนานยิ้มบางๆก่อนจะเดินเข้าไปหาห่าวเหมินบนลานประลองช้าๆ อาวุธของห่าวเหมินคือค้อนดาวตก แม้จะดูเหมือนอาวุธระยะไกลแต่ก็ต้องยอมรับว่าฝีมือของห่าวเหมินนั้นไม่ธรรมดา มันสามารถบังคับค้อนดาวตกได้ดั่งใจ ต่อให้หนี่หลิงหนานเข้าไปประชิดมันก็สามารถตอบโต้ได้อยู่ดี

ฟุบ!

หนี่หลิงหนานเอี้ยวตัวหลบการโจมตีของห่าวเหมินที่โค้งมาจากด้านหลังอย่างง่ายดาย ขณะเดินเข้าไปหาห่าวเหมินต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน วิชาอสูรของหนี่หลิงหนานนั้นคือวิชาหมอกที่ได้มาจากอสูรกวางสีขาวที่ทำให้หนี่หลิงหนานหลงทางในเขตอสูรเมื่อคราวก่อนนั่นเอง ยามใช้หมอกประหลาดนั้นความสามารถจับสัมผัสพลังต่างๆจะถูกบดบังจนหมด ทำให้ยามหนี่หลิงหนานใช้หมอกออกมานางก็ไม่สามารถสัมผัสพลังของคนอื่นได้เช่นกัน สิ่งที่นางต้องทำก็คือการใช้สัมผัสอื่นๆในการต่ออย่างเสียง หรือกลิ่น ทำให้หนี่หลิงหนานสัมผัสได้ว่าค้อนดาวตกจะมาทางไหนราวกับมีตาหลังไม่มีผิด

ฟุบ……….!!!

กระบี่ของหนี่หลิงหนานอาศัยจังหวะที่ค้อนดาวตกเหวี่ยงผ่านตนเองไปตัดสายโซ่ที่คล้องตัวลูกตุ้มเอาไว้อย่างรวดเร็วทำเอาห่าวเหมินตะลึงตาค้างด้วยความตกใจ

“กระบี่นั่นมันอะไรกัน”ห่าวเหมินมองโซ่ในมือตนด้วยท่าทีตกใจ ค้อนดาวตกชิ้นนี้เป็นอาวุธที่อาจารย์สร้างให้มัน นอกจากจะใช้แร่หายากจากในเขตอสูรแล้วยังใช้ช่างตีเหล็กฝีมือดีสร้างขึ้นมาอีกด้วย อาวุธต่างๆไม่เคยสร้างรอยขีดข่วนให้ทั้งตัวลูกตุ้มทั้งโซ่มาก่อน แต่กระบี่ของหนี่หลิงหนานกลับตัดโซ่ได้อย่างกับตัดเชือกจะไม่ให้มันไม่ตกใจได้อย่างไร

เปรี้ยง!!

หนี่หลิงหนานไม่รอช้าตรงเข้าไปหาห่าวเหมินที่อาวุธเสียหายไปแล้วทันที แต่ห่าวเหมินก็ยกแขนตนเองขึ้นมาป้องกันกระบี่ของหนี่หลิงหนานเอาไว้เสียก่อน กระบี่ที่ตัดโซ่เหล็กขาดได้ในพริบตากลับชะงักค้างอยู่ที่แขนของห่าวเหมินเสียอย่างนั้น แต่คนที่ตกใจที่สุดคงเป็นห่าวเหมินเสียมากกว่าเพราะปกติแล้วร่างกายของมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กเสียอีก แต่ตอนนี้มันกลับรู้สึกร้อนวาบที่ท่อนแขนเพราะกระบี่ของหนี่หลิงหนานเฉือนเข้ามาในเนื้อหนังของมันนั่นเอง หากไม่ใช่เพราะมันใส่เกราะแขนเอาไว้ป่านนี้แขนของมันอาจจะขาดไปแล้วก็ได้

“ท่านไม่ควรใช้ร่างกายรับอาวุธเลยนะเจ้าคะ”หนี่หลิงหนานยิ้มบางๆออกมาด้วยท่าทีสบายใจ แต่ตัวนางเอก็ไม่คิดเหมือนกันว่ากระบี่ที่ฟงเป่าสร้างให้จะดีขนาดนี้ ปกติยามสู้กับศิษย์สำนักเกราะทองคู่ต่อสู้จะต้องปวดหัวกับการหาทางทำร้ายอีกฝ่าย แต่ยามนี้หนี่หลิงหนานไม่จำเป็นต้องรู้จุดอ่อนของห่าวเหมินแม้แต่น้อย ขอเพียงฟันให้โดนก็สร้างความเสียหายหนักให้ห่าวเหมินได้แล้ว

“อย่ามาดูถูกกันนะ”ห่าวเหมินกัดฟันก่อนจะผลักกระบี่ของหนี่หลิงหนานออกก่อนจะเข้าไปใช้ฝ่ามือโจมตีใส่หนี่หลิงหนานอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แม้ยามนี้ห่าวเหมินจะไม่มีอาวุธ แต่สิ่งที่มันบอกเอาไว้ว่ารู้ทันวิชาของหนี่หลิงหนานแล้วก็เป็นความจริง เพราะยามนี้ฝ่ามือของมันสามารถป้องกันกระบี่ของหนี่หลิงหนานเอาไว้ได้เกือบทั้งหมด แถมยังเลี่ยงคมกระบี่ได้อย่างยอดเยี่ยมอีกต่างหาก

แต่ทว่า กระบี่ร้อยบุปผาของหนี่หลิงหนานนั้นจะว่าเป็นวิชาชั้นยอดหรือก็ใช่ แต่หนี่หลิงหนานนั้นไม่เหมาะกับตัววิชาเสียเท่าไหร่ เพราะกระบี่ร้อยบุปผานั้นเป็นท่ากระบี่ที่เน้นความอ่อนช้อย ท่วงท่าแต่เดิมอ่านทางได้ยากเพราะความเชื่องช้าเล็กน้อยของกระบวนท่า แต่หนี่หลิงหนานกลับดึงความสามารถออกมาไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายอ่านทางกระบี่ได้ง่ายกว่าเดิมมาก แต่….เรื่องนั้นหนี่หลิงหนานทราบดีแก่ใจอยู่แล้ว

วูบ…..

หนี่หลิงหนานปล่อยพลังวิญญาณและพลังอสูรออกมาพร้อมๆกันเพื่อใช้กระบวนท่าที่นางเก็บเอาไว้ วิชากระบี่เกลียวสมุทรของหนี่หลิงหนานนั้นสามารถฝึกได้เพียง 3 ท่าเท่านั้น แต่เท่านั้นก็มากพอสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว

คลืนนนน

ทันทีที่วาดกระบี่ออกมา ภาพที่ห่าวเหมินได้เห็นก็ราวกับกระบี่นับร้อยกำลังถาโถมเข้ามาหาตนราวกับกำลังโดนคลื่นทะเลซัดใส่ร่างเสียอีก หากเป็นกระบี่ธรรมดาห่าวเหมินก็คงพยายามต้านรับอยู่หรอก แต่กระบี่ที่หนี่หลิงหนานถือนั้นเป็นกระบี่ที่สามารถทำร้ายตนเองได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องกลัวเรื่องจะโดนจุดอ่อนเลยหากรับกระบวนท่านี้เข้าไปมันได้ตายแน่ๆ

“ข้าแพ้แล้ว…..”ห่าวเหมินที่ถูกคลื่นกระบี่โถมเข้าหาตัวประกาศยอมแพ้ออกมาทันทีด้วยท่าทางเจ็บใจ แต่คำประกาศยอมแพ้ของมันก็ทำให้หนี่หลิงหนานสลายกระบวนท่าไปทันทีพร้อมรอยยิ้มร่าบนใบหน้าของนาง เพียงแต่สายตาของหนี่หลิงหนานไม่ได้มองไปที่ห่าวเหมินเลยแม่แต่น้อย นางมองไปยังกลุ่มศิษย์ของสำนักเกราะทอง ไม่ใช่แค่เจ้า 8 คนนั้นหรอกที่หนี่หลิงหนานอยากให้เห็นสิ่งนี้ เพราะศิษย์สำนักเกราะทองหลายคนก็เคยดูถูกนางเอาไว้เหมือนกัน

“ผะ ผู้ชนะ หนี่หลิงหนานแห่งสำนักเหยี่ยวทะเลทราย”กรรมการที่คุมการแข่งขันอยู่กลางลานประลองประกาศผู้ชนะด้วยท่าทีอึ้งๆเพราะไม่คิดว่าหนี่หลิงหนานจะสามารถชนะห่าวเหมินได้ง่ายดายเช่นนี้ แต่ทันทีที่เสียงประกาศดังออกมาเหล่าผู้ชมต่างก็ปรบมือกันอย่างพร้อมเพรียงแถมยังส่งเสียงโห่ร้องอย่างยินดีอีกต่างหาก ทำให้หนี่หลิงหนานประสานมือขึ้นแล้วคารวะไปทางเหล่าผู้ชมด้วยท่าทีองอาจ การประลองคราวนี้นับว่าได้สร้างชื่อเสียงให้กับสตรีที่ต้องการฝึกฝนพลังวิญญาณไม่น้อยเลย

.

.

“เจ้าว่าอะไรนะ”หลังจากการประลองจบลงไปแล้วหลายวัน ในที่สุดคณะเดินทางของสำนักหมู่ดาวที่เดินทางกลับมาจากงานประลองของสำนักเกราะทองก็มาถึงสำนักหมู่ดาวที่เมืองหลวงเสียที แต่แทนที่จะนำข่าวน่าพึงพอใจกลับมา พวกปู่เฉินกลับมารายงานเรื่องความพ่ายแพ้เสียอย่างนั้น แถมยังรายงานเรื่องส่ายของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายว่าแท้จริงแล้วคืออาทู้อีกต่างหาก

“ขออภัยด้วยขอรับเจ้าสำนัก แต่สำนักเหยี่ยวทะเลทรายเล่นไม่ซื่อพวกเราก็เลยพ่ายแพ้ในการประลอง”ปู่เฉินรายงานพลางประสานมืออย่างนอบน้อม

“ไม่ใช่เรื่องนั้น เจ้าบอกว่าเจ้าจับได้ว่าอาทู้เป็นสายของสำนักเหยี่ยวทะเลทราย แล้วไล่มันไปแล้วงั้นหรือ”เจ้าสำนักถามพลางเดินเข้ามาหาปู่เฉินด้วยท่าทีอึ้งๆ

“ขอรับ น่าเสียดายที่เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเข้ามาขวางก่อน ไม่อย่างนั้นข้าคงสังหารมันได้แล้ว”ปู่เฉินตอบออกไปตามตรงเพราะกฎของสำนักรุนแรงมาก หากเป็นสายของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายจริงแล้วโดนจับได้ก็ต้องโดนลงโทษจนตายอยู่ดี

“เจ้า…….”เจ้าสำนักเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนที่ในดวงตาของมันจะฉายอารมณ์โมโหออกมาอย่างรุนแรง

เปรี้ยง!!!

กรงเล็บของเจ้าสำนักหมู่ดาวตะปบเข้าไปบนหน้าของปู่เฉินเข้าอย่างจังทำเอาแก้มของปู่เฉินปรากฏรอยแผลลึกเสียจนเลือดไหลอาบลงมาจนถึงคาง ทำเอาปู่เฉินงุนงงไปหมดว่าทำไมเจ้าสำนักถึงต้องลงมือทำร้ายมันด้วย

“ไปตามตัวอาทู้กลับมา ใครบังอาจไล่มันอีกข้าจะฆ่ามันให้หมด”เจ้าสำนักพูดจบก็เตะซ้ำเข้าที่ร่างของปู่เฉินด้วยท่าทีโมโหสุดขีด ทำเอาปู่เฉินยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่าทำไมเจ้าสำนักถึงต้องโกรธแค้นถึงเพียงนี้กัน