หลิงเหยาพูดเบาๆ ว่า “ลู่ฝานกลับมาหรือยัง”

หานเฟิงส่ายหน้า ถอนหายใจแล้วพูดว่า “เฮ้อ ยังเลย ถ้าเขากลับมาแล้ว ฉันบอกเธอเป็นคนแรกแน่นอน”

หลิงเหยาพยักหน้า เอาตุ๊กตาผ้าออกมาหนึ่งตัว

“ฉันรู้ว่าตอนนี้เขาไม่เป็นอะไร แต่เขาโดนขังนานเกินไปแล้ว ท่านผอ.ใจร้ายจริงๆ บอกว่าจะขังก็ขังจริงๆ”

หลิงเหยาลูบหน้าตุ๊กตาผ้า จากนั้นยัดมันกลับลงไปในกระเป๋า

หานเฟิงสงสัยว่าหลิงเหยารู้ได้ยังไงว่าตอนนี้ลู่ฝานไม่เป็นอะไร แต่เขาไม่มีเวลาถาม เพราะตอนนี้เขาเห็นพวกศิษย์พี่ใหญ่เดินออกมา

ศิษย์พี่ฉู่สิง ศิษย์พี่ฉู่เทียน ศิษย์พี่ใหญ่ สีหน้าทั้งสามคนดูไม่สู้ดีนิดหน่อย

หานเฟิงรีบเดินเข้าไปถามว่า “ทำไมเหรอครับ”

ศิษย์พี่ฉู่สิงกัดฟันพูดว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว โดนลับหลังแล้ว คนหน้าไม่อายพวกนั้น น่าเสียดายที่พวกเขาทำเรื่องแบบนี้ได้”

หานเฟิงยังสงสัยมาก เขาพูดต่อ “บอกผมมาสิ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ศิษย์พี่ฉู่เทียนพูดว่า “เมื่อกี้อาจารย์คณะอื่นมากันหมด ยกเว้นคณะหยินหยางกับคณะบังเหิน พวกเขามาเพื่อบอกพวกเรา การต่อสู้จัดอันดับคณะปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงกฎบางส่วน”

หานเฟิงอ้าปากค้าง พูดว่า “เปลี่ยนยังไง”

ฉู่เทียนพูดตรงๆ ว่า “อาจารย์คณะอื่นเข้าใจว่าคณะหนึ่งเดียวของเราแข็งแกร่งเกินไป จึงให้นักเรียนที่มีฝีมือทั้งหมดของคณะพวกเขา มาประลองเล่นก่อน ขอคำแนะนำสักหน่อย ไม่กระทบต่ออันดับ ต้องการสู้แค่ครั้งเดียว ได้รับการอนุมัติจากท่านผอ.แล้ว”

หานเฟิงพูดอย่างตกใจว่า “แบบนี้ได้ด้วยเหรอ พวกเขารวมตัวกันมาหาเรื่องเหรอ”

ฉู่เทียนพูดว่า “นายเข้าใจแบบนี้ก็ได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขามาในนามการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยการประลองบู๊ ฉันไม่รู้ว่าควรดีใจหรือโมโหดี พวกเขายอมมาเป็นกลุ่ม แสดงว่าพวกเราเก่งจนพวกเขาไม่กล้ามาคนเดียว แต่พวกเขาทำแบบนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือซัดคณะหนึ่งเดียวของเราจนเละ”

ฉู่สิงพูดขึ้นข้างๆ ว่า “นี่มีความอาฆาตแค้นนะ”

ฉู่เทียนพยักหน้าเบาๆ

ศิษย์พี่ใหญ่ไม่สนใจการพูดคุยของพวกเขา มองพวกเฉียวเซวียนที่เดินขึ้นมา พูดเสียงก้องว่า “สหายทุกท่าน ยินดีต้อนรับสู่คณะหนึ่งเดียว”

เสียงหลัวตานดังขึ้น

“ไม่ต้องเกรงใจ คิดว่าพวกนายคงรู้แล้วว่าพวกเรามาทำไม”

ศิษย์พี่ใหญ่ยิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อกี้อาจารย์ทุกท่านมากันแล้ว จะทำเป็นไม่รู้ก็ยาก พวกเขารออยู่บนยอดเขาแล้ว เชิญทุกท่านขึ้นไปบนเขาเถอะ”

พูดจบ ศิษย์พี่ใหญ่เอาสองมือไพล่หลัง เดินขึ้นไปบนเขา

หานเฟิง ฉู่สิงและฉู่เทียน รีบเดินตามไป

หานเฟิงกัดฟันพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ อาจารย์เห็นด้วยเหรอ ทำไมเขาถึงเห็นด้วยกับการประลองบ้าบอแบบนี้ ทั้งสถาบันมาท้าประลองกับคณะหนึ่งเดียวของเรา”

ศิษย์พี่ใหญ่พยักหน้าพูดว่า “ใช่ อาจารย์เห็นด้วย อีกทั้งยังเห็นด้วยแบบรวดเร็วด้วย”

หานเฟิงพูดว่า “ทำไมล่ะ อย่าบอกนะว่าอาจารย์อยากเห็นเราโดนรุมกระทืบ”

ฉู่เทียนยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ศิษย์น้องหานเฟิง ทำไมนายไม่มีความมั่นใจสักนิดเลยล่ะ ทำไมเราจะรุมกระทืบพวกเขาไม่ได้ล่ะ”

หานเฟิงพูดเบาๆ ว่า “ผมรู้ว่าเราสู้เก่ง แต่เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้เตรียมตัวมา ถ้าพวกเขาไม่ได้เตรียมท่าไม้ตายอะไรมา ผมไม่มีทางเชื่อหรอก ปีที่แล้วพวกเราซัดพวกเขาจนเละ คนพวกนี้ต้องคับแค้นใจอยากสู้กลับ ผมไม่อยากโดนทารุณนะ”

ฉู่เทียนหัวเราะออกมา ฉู่สิงก็ส่ายหน้าเบาๆ

ศิษย์พี่ใหญ่พูดอย่างราบเรียบ “ศิษย์น้องลู่ฝาน นายไม่จำเป็นต้องกังวล ที่นี่คือคณะหนึ่งเดียว!”

เพียงประโยคเดียว หานเฟิงอึ้งไปทันที

หลังจากนั้นหานเฟิงพยักหน้าแรงๆ แล้วพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่พูดถูก ที่นี่คือคณะหนึ่งเดียว ไม่มีเหตุผลที่เราจะแพ้”

ศิษย์พี่ใหญ่ยิ้มแล้วพูดว่า “ต้องแบบนี้สิ พวกนายคิดสิถ้าศิษย์น้องลู่ฝานยังอยู่ เจอสถานการณ์แบบนี้เขาจะพูดอะไร”

หานเฟิง ฉู่สิงและฉู่เทียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง

หานเฟิงพูดว่า “ผมว่าศิษย์น้องลู่ฝานต้องพูดว่างั้นก็ซัดพวกเขากลับไปซะแน่ๆ เลย”

ตอนนี้ในภูเขาใหญ่ เงาคนสองคนเดินออกมาจากหุบเขา

“ออกมาแล้ว ฉันออกมาแล้ว! ฮ่าๆ กลับคณะหนึ่งเดียวกันเถอะลู่ฝาน”

ฮ่วนเย่ว์หัวเราะเสียงดัง

ลู่ฝานมองสีเขียวรอบๆ แล้วยิ้มบางๆ

“ใช่ ในที่สุดก็ได้ออกมาแล้ว