เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 868
บนเขาอวิ๋น หมอกลอยกระจัดกระจาย

กลุ่มคนอยู่บนที่สูง ลมพัดเสื้อผ้าจนเกิดเสียง

พวกอาจารย์นั่งตามลำดับ ด้านหลังเป็นครูและนักเรียนแต่ละคณะ

อาจารย์เต้ากวงของคณะหนึ่งเดียวก็อยู่ในนี้ พวกหานเฟิงยืนอยู่ด้านหลังเขา

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ในสถานการณ์แบบนี้ คณะหนึ่งเดียวต้องโดดเดี่ยว มีแค่สองสามคนแน่นอน

แต่วันนี้สถานการณ์ของคณะหนึ่งเดียวไม่เลว คนเยอะแล้วดูทรงพลังขึ้นจริงๆ

“เต้ากวง วันนี้เรามาคณะหนึ่งเดียว ขอไม่พูดเรื่องอื่น เรามาเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันเท่านั้น ถือโอกาสดูคณะหนึ่งเดียวด้วย พูดขึ้นมา ที่นี่แตกต่างกับในความทรงจำของฉันมาก!”

คนที่พูดออกมาก่อนคืออาจารย์เซินถู

อาจารย์เซินถูยิ้มกว้าง นั่งไขว่ห้างมองไปรอบๆ

อาจารย์อู๋โฉวยิ้มแล้วพูดว่า “เปลี่ยนโฉมใหม่เยอะจริงๆ ขนาดคณะหนึ่งเดียวที่ไม่ชอบรับศิษย์มาตลอด ตอนนี้คนก็ไม่น้อยแล้วนะ ดูเหมือนหลังจากที่อี้ชิงโดนโทษขัง ทั้งคณะหนึ่งเดียวเปลี่ยนแปลงไปเยอะเลย!”

อาจารย์เสวียนเจินพูดต่อ “แต่นิสัยเสียของลูกศิษย์ยังเหมือนเดิม”

อาจารย์เต้ากวงกระแอมสองครั้ง แล้วพูดว่า “คนน่าเบื่ออย่างพวกนาย การต่อสู้จัดอันดับคณะดีๆ พวกนายไม่ไปสู้ มาคณะหนึ่งเดียวเพื่อดูกันเป็นกลุ่ม จะประลอง ไม่มีปัญหา คณะหนึ่งเดียวของฉันไม่เคยกลัวการประลองอยู่แล้ว”

อาจารย์เต้ากวงหรี่ตาลง ภายในคำพูดแฝงด้วยความพาล

อาจารย์คนอื่นพากันหัวเราะ

อาจารย์เซินถูยิ้มแล้วพูดว่า “เท่จริง”

อาจารย์อู๋โฉวหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “น่าสนใจ”

อาจารย์ฮั่วซานส่งเสียงหึอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “อวดดี”

อาจารย์ชีหลินยิ้มไม่พูดอะไร

อาจารย์เสวียนคงพูดว่า “งั้นก็สู้สิ”

ไม่พูดอะไรมากมาย อาจารย์เสวียนคงกวักมือเรียกอี้ไป๋ที่อยู่ด้านหลังออกมา

อี้ไป๋พูดเสียงก้องว่า “อี้ไป๋คณะนานา ขอคำชี้แนะจากคณะหนึ่งเดียวทุกท่าน ใครจะมาสู้!”

เสียงอี้ไป๋ไม่ดัง แต่มีความมั่นใจเป็นอย่างมาก

หานเฟิงไม่รู้ว่าอี้ไป๋ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน อีกทั้งเหมือนว่านักเรียนแถวหน้าของคณะนานา ไม่น่าจะใช่อี้ไป๋ด้วย

หานเฟิงพูดเสียงก้องว่า “หยุนอานคณะพวกนายไปไหน อี้ไป๋ นายแน่ใจเหรอว่าจะสู้กับเรา ไม่กลัวโดนทารุณอีกเหรอ”

ความเยาะเย้ยในน้ำเสียงของหานเฟิง ไม่ต้องพูดก็เห็นได้ชัดเจน แต่รอยยิ้มบนใบหน้าอี้ไป๋ไม่ลดลงเลย

“ศิษย์พี่หยุนอานสิ้นสุดการเรียนที่สถาบันสอนวิชาบู๊แล้ว ตอนนี้ออกไปท่องใต้หล้าแล้ว ช่วยไม่ได้ แม้คนอย่างฉันไม่ค่อยไหว แต่คงต้องเป็นฉันแล้วล่ะ”

อี้ไป๋เดินออกมา ยืนกลางลานประลองบู๊ ค่อยๆ เอากระบี่สี่เล่มออกมาจากด้านหลัง จากนั้นวางลงบนพื้น

ปากพูดพึมพำ อี้ไป๋พูดต่อ “เดิมทีฉันเข้าใจว่าตัวเองเก่งมาก ตัวเองแข็งแกร่งมาก เพราะตั้งแต่เล็กจนโต ฉันเป็นอัจฉริยะมาโดยตลอด แม้แพ้ในสถาบันสอนวิชาบู๊สองสามครั้ง แต่นั่นล้วนแพ้ให้ศิษย์พี่คณะอื่น ไม่มีอะไรต้องพูด จนกระทั่งได้พบลู่ฝานเมื่อปีก่อน นักเรียนที่เพิ่งมาใหม่ สามารถเอาชนะฉันได้ ฉันถึงเพิ่งรู้ว่า ฉันไม่ใช่อัจฉริยะเลย แต่เป็นเพียงคนโง่คนหนึ่ง เป็นคนโง่อย่างเต็มตัว”

เมื่อพูดจบ กระบี่ทั้งสี่เล่มของอี้ไป๋ วางอยู่ด้านหน้าเขา ส่วนอี้ไป๋ถอดเสื้อตัวเองออก เผยให้เห็นรอยแผลเต็มตัว

“ดังนั้นฉันจึงทำได้เพียงจดจำบทเรียนในอดีตและตื่นตัวระวังตัวในอนาคต ยกระดับด้วยการเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง โชคดีที่สวรรค์ไม่ทอดทิ้งฉัน หลังจากทะลุผ่านได้หนึ่งครั้ง ฉันได้รับพลัง วันนี้ฉันอยากพิสูจน์ว่าถึงฉันไม่ใช่อัจฉริยะ แต่เป็นนักบู๊ที่ไม่ยอมศิโรราบ เชิญคณะหนึ่งเดียวทุกท่าน!”

เมื่ออี้ไป๋พูดจนถึงคำสุดท้าย มีพลังปราณสว่างขึ้นบนตัวเขาทันที

พลังปราณเหมือนพายุกวาดไปรอบๆ สายลมรุนแรงก่อตัวรอบตัวเขา กระบี่สี่เล่มด้านหน้าเด้งขึ้นมาทันที