TB:บทที่ 257 มนุษย์หมาป่า

เมื่อเฉินหลงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขาในที่สุดก็กลับกลายเป็นอาคารตึกสูงบนโลกที่คุ้นเคย

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สรวงสวรรค์ ระบบอัฉริยะได้รีบระบุตำแหน่งให้กับเฉินหลงได้ทราบ ที่นี่คือฟ็อกซิตี้ หรือเมืองแห่งหมอก ตอนนี้เฉินหลงกำลังยืนอยู่บนสะพานของตึกในเมืองฟ็อกซิตี้ เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนจึงมีผู้คนจำนวนไม่มากอยู่บนสะพานของตึกแห่งนี้ บางช่วงมีรถยี่ห้อจากัวร์สองคันขับผ่านไปอย่างช้าๆซึ่งรถพวกนี้แสดงให้เห็นถึงสไตล์รถของคนประเทศนี้ว่าชื่นชอบรถที่มีประตูเปิดด้านท้ายและชอบที่จะใช้รถที่ผลิตโดยประเทศของตน

ชื่อของเมืองฟ็อกซิตี้หรือที่เรียกว่าเมืองแห่งหมอกไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อความไพเราะ แต่เมืองแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกที่หนาแน่นทั้งเมือง ซึ่งมีกลิ่นฉุนที่เกิดจากท่อไอเสียของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลผสมอยู่ด้วย การแก้ไขปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมของเมืองฟ็อกซิตี้ประสบปัญหาหลายปี แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้สร้างผลกระทบใดๆเลย น้ำในแม่น้ำที่อยู่ใต้สะพานดูเป็นสีดำและเมื่อแสงจากตึกสูงกระทบกับน้ำและสะท้อนกลับไปยังตัวอาคารมันก็ยิ่งทำให้แม่น้ำใต้สะพานแห่งนี้ดูลึกและมืดมนเข้าไปอีก

“คิดไม่ถึงว่าฉันจะกลับมาที่นี่ได้ กลับมายังเมืองฟ็อกซิตี้ เอาละ วันพักผ่อนก่อนละกัน พรุ่งนี้ค่อยหาทางกลับ” หลังจากที่เฉินหลงยืนคิดอยู่ได้ไม่นาน เขาก็ค่อยก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

หลังจากที่จัดการเรื่องกองทัพสัตว์ได้สำเร็จแล้ว เฉินหลงก็ได้กล่าวลากับไป่ไท่ฮาง ไป่ไท่ฮางรู้สึกไม่เต็มใจนักเมื่อรู้ว่าเฉินหลงกำลังจะจากเมืองคุณหลุนไป แต่เขาก็รู้ดีว่าอาจารย์ของเขาไม่ได้เป็นคนของที่นี่และอาจารย์ก็มีบ้านของเขาที่อยู่ที่อื่น

“จงพยายยามอย่างเต็มที่ในการฝึกตนและช่วยเหลือชาวคุณหลุนให้กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีก 20 ปีข้างหน้า เจ้าและตัวอาจารย์จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง หากเป็นไปได้ อาจารย์จะพาเจ้ามายังบ้านเกิดของอาจารย์และให้เจ้าได้เห็นที่ที่อาจารย์อาศัยอยู่” หลังจากที่เฉินหลงได้กล่าวลาทิ้งทายไว้ให้กับไป่ไท่ฮางแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วมุ่งตรงไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเห็นเฉินหลงจากไปแล้ว ไป่ไท่ฮางก็ตั้งใจไว้ว่าจะทำตามที่อาจารย์สั่ง

หลังจากที่เฉินหลงมายังวิหารศักดิ์สิทธิ์ หวงเหรินก็ได้ให้อุปกรณ์และบอกวิธีการในการสร้างประตูมิติ และจากนั้นก็นำเฉินหลงไปยังประตูมิติขนาดเล็กในวิหารศักดิ์สิทธิ์

ประตูมิติบานนี้ไม่ใหญ่มากนั้นและมันก็มีลักษณะเป็นประตูบานกลม

หลังจากที่หวงเหรินได้ใส่เหล่าผลึกอัญมณีสัตว์ไปในประตูมิติแล้ว เส้นของประตูมิติก็สว่างขึ้นซึ่งแสงที่ส่องสว่างออกมาเป็นส่องที่สาดออกมาจากประตูมิติ

“เฉินหลง ก้าวจากตรงนี้ไป เจ้าสามารถกลับไปยังที่ของเจ้าได้แล้ว”

หลังจากที่ได้เปิดประตูมิติแล้ว หวงเหรินจึงได้พูดกับเฉินหลงแต่พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจึงทำให้เฉินหลงต้องหันกลับไปมองเขา โลกอีกด้านหนึ่งของประตูมิติเป็นโลกของพระเจ้าซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่ที่หวงเหรินจะโหยหาอยากที่จะข้ามไป แต่หากไม่ได้รับความอนุญาตจากเซี่ยงอวี่แล้ว เขาไม่มีวันที่จะได้ข้ามไปด้วยตนเองแน่

เฉินหลงยิ้มให้หวงเหรินพร้อมกับพยักหน้าให้ จากนั้นก็ข้ามประตูมิติไป

เป็นเพราะว่าเพิ่งกลับมา ทุกสิ่งบนโลกจึงดูงดงามในสายตาของเฉินหลง แม้ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านเมืองของเขา แต่เขาก็ได้จากโลกแห่งนี้ไปถึง 2 ปี แม้จะมีกลิ่นมลพิษของน้ำมันดีเซลในอากาศแต่มันกลับเป็นกลิ่นที่หอมมากสำหรับเฉินหลง ในเมื่อที่นี่ไม่ใช่เมืองของเขา เขาจึงย่อมไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว

เฉินหลงไม่ได้รีบร้อนหาที่พักนัก ตอนนี้เขาต้องการเพียงมองความสวยงามของโลกใบนี้เท่านั้น

เวลานี้ ท้องฟ้าก็เริ่มมีหยดน้ำฝนตกลงมาแต่เฉินหลงกลับไม่ได้สนใจและปล่อยให้น้ำฝนตกลงมาโดนตัวเขาเพียงเพราะว่าเขาไม่ได้สัมผัสกับน้ำฝนบนโลกมาสองปีแล้ว

เมื่อเดินเฉินหลงไป เขาเดินไปที่ย่านเมืองเก่าของเมืองแห่งนี้อย่างช้าๆ เช่นเดียวกับเมืองใหญ่ๆหลายเมือง ที่โดยทั่วไปแล้วย่านเมืองเก่าเป็นเหมือนความแตกต่างของความสวยงามจากความทันสมัยในเมืองและความสกปรกและดูยากจนในย่านเมืองเก่า

ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ บวกกับความมืดที่ปกคลุมทั่วบริเวณจึงย่อมมีการปล้นทรัพย์เกิดขึ้นได้ เวลานี้  เฉินหลงกำลังเผชิญกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่เบื้องหน้า นั้นก็คือกลุ่มวัยรุ่นผิวสีที่อายุราว 16-17 ปี พวกเขาสวมหมวกปีกกว้างและตอนนี้กำลังยืนล้อมเฉินหลงอยู่ หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นผิวสีนี้มีชายร่างกำยำที่กำลังชี้ไปที่เฉินหลงพร้อมกับปืนพกดีเสิร์ทอีเกิ้ลและพูดว่า “โชคมาแล้วพวก”

เฉินหลงที่กำลังอารมณ์ดีอยู่ตอนนี้ เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากชายผิวสิที่กำลังพูดถึงเขาพร้อมกับถือปืนพกในมือ เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรและยังมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าพร้อมกับพูดว่า “นี้มันปืนพกดีเสิร์ทอีเกิ้ลหนิ ฉันไม่ได้เห็นปืนนี้มานานแล้ว”

“หมางเฉิ่น(忙神)” เมื่อได้ยินเฉินหลงพูดเป็นภาษาจีน ชายวัยรุ่นผิวสีก็คิดว่าเฉินหลงพูดกวนประสาท เขาจึงจ่อปืนไปที่หน้าผากของเฉินหลงทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยวยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกัน ชายวัยรุ่นผิวสีอีกคนก็บอกให้เพื่อนในกลุ่มค้นตัวเฉินหลง เนื่องจากเฉินหลงไม่ยอมให้ค้น ชายวัยรุ่นคนนั้นจึงก้าวไปหาเฉินหลงตรงหน้าเพราะไม่อย่างนั้นหากปล่อยให้เวลาผ่านไปนานกว่านี้ตำรวจอาจจะมาที่นี่

แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นผิวสีได้กระซิบบอกบางอย่างกับเพื่อนในกลุ่มข้างหู

หลังจากที่ฟังคำกล่าวจากเพื่อนแล้ว สีหน้าของชายผิวสีคนนั้นก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยและพูดกับเฉินหลงว่า “คนจีน?”

“ใช่ ฉันมาจากประเทศจีน” เฉินหลงยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบไปด้วย

หลังจากที่เห็นเฉินหลงพยักหน้ารับ วัยรุ่นผิวสีคนนั้นก็เกิดลังเลใจ หลังจากที่คิดได้ เขาก็ลดปืนลงแล้วยื่นให้กับเพื่อนเขา

ตอนนที่เขาถอยออกมา เพื่อนในกลุ่มได้บ่นกับเขาว่า

“เป็นอะไรไป? ทำไมพวกเราถึงทำอะไรพวกญี่ปุ่นหรือเกาหลี(棒子国)ได้เลยวะ? แล้วทำไมไอ้หนุ่มคนนี้ต้องเป็นคนจีนอีก? โชคไม่ดีตริงๆเลยวะ”

“บอส ไอพวกญี่ปุ่นกับเกาหลีจะกล้ามาเดินแถวนี้ได้ยังไง เว้นแต่จะเป็นคนจีนหรอก ถ้าเป็นแบบนี้ พวกเราก็ไปหารายอื่นเถอะ” เพื่อนในแก๊งค์ผิวสีคนหนึ่งพูด

“ไป ไปกันเถอะพวก พวกเราค่อยพูดเรื่องนี้ทีหลังกัน”

จากนั้นกลุ่มแก๊งค์วัยรุ่นผิวสีก็หายไปจากตรอกในความมืด

“นี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นที่นี่กันเนี่ย?” เมื่อพบว่ากลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนั้นไม่ได้มาปล้นตน เฉินหลงจึงรู้สุกงุนงง

“ถ้านายยังไม่เข้าใจ ก็ตามฉันมาสิ” อยู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมา เฉินหลงจึงได้เดินตามไปในตรอก

หลังจากที่เข้าตรอกมา เฉินหลงก็เห็นกลุ่มคนหนุ่มสาวกำลังยืนล้อมชายกำยำร่างสูงที่กำลังถูกปืนไปที่หน้าผากโดยชายอีกคนที่เหมือนกำลังขู่เอาเงินจากเขา

“ไก่อ่อนอย่างแกกล้ามาปล้นคนอย่างฉันหรอ แกไม่รู้จริงๆหรอว่ากำลังรนหาที่ตายอยู่?” ชายร่างสูงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงจองหองราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจปืนที่กำลังจ่ออยู่ที่หน้าผากของเขาเลย

“แกรู้รึเปล่า ว่าในนิวเวิร์ลฉันมาถึงระดับ 10 แล้ว มันยากที่นายจะหนีฉันไปได้ ฉันจะให้เงินตามที่แกขอและปล่อยแกไป” ชายหนุ่มที่ถือปืนไม่ได้กลัวเลยกับคำพูดของชายตรงหน้าสักนิด

“นิวเวิร์ล ทักษะการยิงปืนระดับ 10 งั้นหรอ?” รอยยิ้มที่เหยียดหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายร่างสูง

“แกคิดว่าแกมีสิทธิ์มาโชว์ออฟต่อหน้าฉันหรอ? แต่ถ้าอยากจะโชว์ละก็ ฉันก็จะทำให้แกได้รู้ว่าความสยดสยองคืออะไร” พูดจบ ชายร่างใหญ่ก็คว้าไปที่ปืนของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วบดขยี้ปืนของชายคนนั้นตรงหน้า

“ปืนก็เหมือนของเล่นในสายตาของฉัน” พูดจบ อยู่ๆชุดของชายร่างสูงก็ฉีกและขาดออกจากกัน สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับมนุษย์ที่มีความสูงมากกว่า 2 เมตร ร่างกายที่ปกคลุมขนสีดำราวและส่วนหัวที่มีลักษณะคล้ายกับหมาป่าปรากฏขึ้นมาแทนที่ชายก่อนหน้านั้น

“ไอ้ไก่อ่อน ฉันเป็นมนุษย์หมาป่านิวเวิร์ล ตอนนี้ก็ได้เวลามื้อค่ำของฉันแล้ว” ชายตรงหน้าก่อนหน้านี้ได้กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าได้พูดกับกลุ่มวัยรุ่น