TQF:บทที่ 743 อวสาน (12)

 

 

ถ้าองค์ชาย 18 ทำให้ฟางซูหยุนแต่งเข้าตำหนักองค์ชาย 18 ได้ก็จะเป็นสถานการณ์อีกแบบ ทั้งราชวงศ์และตระกูลฟางกลางเป็น 2 อิทธิพลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่สุด

 

คนอื่นๆย่อมไม่กล้าไปหาเรื่องพวกเขา

 

สำหรับจุดนี้ขอแค่คนที่รู้เรื่องก็จะคิดออก

 

ฟางซูหยุนเห็นนางเงียบไปนานไม่พูดจาจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเองอย่างอดไม่ได้ นางถามเสียงค่อย “เสี่ยวเสี่ยว เจ้ามีความคิดอะไรรึเปล่า อยู่ต่อหน้าย่าเจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมาก บอกข้ามาตรงๆได้เลย”

 

“ไม่มี”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่ายหัวเบาๆ ในเมื่อท่านย่าต้องการนางก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะไปขัดขวางความสุขของท่านย่า อีกอย่างมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักยกขบวนขันหมากมา 18 คันรถเกี้ยวเพื่อรับตัวเองเข้าบ้าน ขอแค่ท่านย่าต้องการ ต่อให้เป็นปัญหาใหญ่แค่ไหนนางก็จะช่วยท่านย่าแก้

 

อีกอย่าง ก็แค่การยืมอำนาจเท่านั้น

 

แน่นอนว่าจะให้คนตระกูลหวงฝู่ได้เปรียบไปซะทุกอย่างไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ ท่าทางต้องให้หยูเฮงน้อยหาเวลาไปเดินเล่นที่พระราชวังซะหน่อย เผื่อจะได้ปล้นสะดมอะไรกลับมา

 

“ท่านย่า ท่านปู่บุญธรรมยอมทำแบบนี้เพื่อให้ท่านมีความสุข เสี่ยวเสี่ยวดีใจกับท่านจริงๆ ไม่รู้ว่าพวกเขาเลือกวันหรือยัง”

 

เมื่อได้รับการสนับสนุนจากหลานสาว ฟางซูหยุนก็เผยรอยยิ้มอันสดใสออกมา “เสี่ยวเสี่ยว ฮ่องเต้และมั่วเฉินคิดว่าต้องบอกให้เจ้ารู้ก่อน จึงยังไม่ได้เลือกวัน”

 

“ข่าวที่ท่านย่าจะแต่งงานกับท่านปู่บุญธรรมถูกปล่อยออกไปแล้วหรือยัง” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็อยากจะรู้ว่าชิงยางจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

 

ฟางซูหยุนพยักหน้าด้วยความขวยเขิน “ปล่อยออกไปแล้ว โชคดีที่ไม่มีอะไรที่รุนแรง ท่าทางผู้คนจะไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก”

 

“งั้นก็ดี” มีบางอย่างเกิดขึ้นในใจเฉิงเสี่ยวเสี่ยว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

 

3 วันให้หลัง

 

ตาเฒ่าฮ่องเต้พาองค์ชาย 18 และเหล่าหลานชายหลานสาวมาปรากฏตัวที่สมาคมตันจง

 

บ้านตระกูลฟางในชิงยางเหลือเพียงฟางเส้าจิ่งลูกชายของฟางหมิงเห้อคอยดูแลอยู่ ฟางเส้าจิ่งเองก็บรรลุระดับจักพรรดิ์อมตะแล้วภายใต้การช่วยเหลือของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว กลายเป็นเจ้าบ้านแห่งตระกูลที่มีอำนาจพอจะสยบทุกคน

 

ส่วนสามีภรรยาฟางเต๋อหยวนและสามีภรรยาฟางหมิงเห้อล้วนมาใช้ชีวิตอยู่ที่สมาคมตันจง ดังนั้นตาเฒ่าฮ่องเต้จะไปหาใครก็ได้แต่มาที่สมาคมตันจง

 

ก้อนเมฆล้อมรอบ หมอกขาวฟุ้งไปทั่ว เปรียบดั่งภาพมายา ภูเขาเขียวขจี ป่าไม้สูงใหญ่ มีโสมปรากฏทุก 10 ก้าว หลิงจือปรากฏทุกร้อยก้าว ยาวิเศษต่างๆแย่งกันขึ้นเต็มไปหมด กลิ่นหอมเซียนโชยแตะจมูก นกกระเรียนเซียนพากันบินขึ้นฟ้าทะลุไปมาในใต้หล้านี้ ราวกับทหารจากสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนคอยตรวจตราอยู่

 

บันไดหยกตรงหน้าต่อตรงถึงยอดเขาราวกับมังกรสีขาวที่คอยดักซุ่มอยู่ในขุนเขาแห่งนี้ หมอกควันจางๆลอยไปมา ยากจะแยกแยะจริงเท็จ ราวกับเป็นแดนสวรรค์ที่อยู่ในบทกวีและภาพวาด

 

เหล่าลูกหลานราชนิกูลล้วนมีสีหน้าตกตะลึง พวกเขาเห็นสถานที่ต้องห้ามของสำนักต่างๆมาไม่น้อย แต่ทั้งหมดนั่นไม่สามารถเทียบได้กับสถานที่ตรงหน้าของสมาคมตันจง

 

นาทีนั้นพวกเขาก็รู้แล้วว่าทำไมคนตระกูลฟางถึงมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่หมด ถ้าพวกเขาทำได้ละก็อยากจะย้ายมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่เสียดายที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์นั้น

 

ครั้งแรกที่ได้เห็นสมาคมตันจงที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก่อตั้งขึ้น แม้แต่ตาเฒ่าฮ่องเต้ที่เห็นอะไรมามากยังตะลึงจนพูดไม่ออกกับแดนสวรรค์ของสมาคาตันจง ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะเรียกสติกลับมาได้

 

สมาคมตันจงแข็งแกร่งขนาดนี้ ตาเฒ่าฮ่องเต้ยิ่งมั่นใจกับการตัดสินใจของตัวเองเข้าไปใหญ่ จะต้องยกขบวนขันหมาก 18 คันรถเกี้ยวไปรับฟางซูหยุนเข้าตำหนักองค์ชาย 18 บอกกับทุกคนอย่างเป็นทางการว่าฟางซูหยุนคือลูกสะใภ้ของเขา

 

ภายใต้การนำทางของอาเฟิง ตาเฒ่าฮ่องเต้ก็มาปรากฏตัว ณ โถงใหญ่ที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอยู่

 

เมื่ออยู่ต่อหน้าคนพวกนี้ตาเฒ่าฮ่องเต้ไม่สามารถวางมาดฮ่องเต้ได้ หลังจากที่เข้าไปในโถงใหญ่แล้ว นอกจากคนตระกูลฟางที่ออกมาต้อนรับ ยังไม่เห็นวี่แววของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเลย

 

ทุกคนทักทายกันเสร็จแล้วก็พากันนั่งลง ตาเฒ่าฮ่องเต้มองซ้ายมองขวาและถามด้วยความสงสัย “พ่อซูหยุน ยัยหนูทั้ง 2 เสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยล่ะ”

 

“เดี๋ยวพวกนางก็มา” ฟางเต๋อหยวนตอบยิ้มๆสายตากลับมองไปรอบๆตัวลูกสาวและหวงฝู่มั่วเฉิน

 

เขาพอใจกับลูกเขยอย่างหวงฝู่มั่วเฉินมาก ส่วนลูกเขยตระกูลเฉิงที่ไม่เคยพบกันนอกจากเขาจะไม่เคยเจอแล้วยังไม่ใส่ใจด้วย และจะไม่ยอมรับลูกเขยตระกูลเฉิงด้วย ส่วนหลานๆเหลนๆเขายอมรับ อย่างไรซะก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของลูกสาว อีกอย่างลูกเขยที่ว่าก็ตายไปแล้ว ตอนนี้เขาพอจะรู้เรื่องของลูกสาวคร่าวๆ ลูกสาวตกระกำลำบาก เวลาสิบกว่าปีที่แต่ละวันผ่านไปอย่างเนิ่นนานราวปี มีชีวิตอย่างน่าอนาถ ถ้าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่เขานี่แหละจะเป็นคนลงมือสังหารไอเดรัจฉานนั่นคนแรก

 

บัดนี้ลูกสาวมีความสุขอีกครั้ง เขาดีใจแทนลูกสาวจริงๆ เรื่องอื่นเขาไม่สนใจก็ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องความสุขของลูกสาวเขาจริงจังเสมอ

 

ในขณะนั้น เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและโม่ซวนซุน ตามด้วยหยูเฮงน้อยปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน

 

สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่คนคู่นั้น ทิ่มแทงสายตาของเหล่าหนุ่มหล่อ ไม่ว่าพวกเขาจะคิดยังไงก็ต้องยอมรับเรื่องนี้อย่างช่วยไม่ได้

 

หลังจากที่ทักทายกับทุกคนเสร็จเฉิงเสี่ยวเสี่ยวนั่งลงตรงที่ประธาน มองคนที่มาในครั้งนี้ด้วยความแปลกใจนิดหน่อย

 

นางนึกว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอพระโอรสทั้ง 2 แล้ว ไม่คิดว่าพวกเขาจะมาถึงที่เอง

 

สีหน้าของโม่ซวนซุนไม่เปลี่ยน สายตาคมกริบวนเวียนอยู่ที่ตัวพระโอรสทั้ง 2 อย่างไม่ตั้งใจ ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่เมียตัวเองโดนคนอื่นคิดไม่ซื่อทำให้เจ้าโถงโม่รู้สึกอารมณ์บ่จอย

 

“ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว พวกเราจะเรียกเจ้าอย่างไรดีล่ะ เจ้าสำนัก หัวหน้ากลุ่ม หรือว่าภรรยาเจ้าโถง” ตาเฒ่าฮ่องเต้ถามยิ้มๆ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มบางๆ “การเรียกก็แค่สิ่งแทนสิ่งหนึ่งเท่านั้น จะเรียกอะไรก็ได้ ตามแต่ที่อยากเรียกเถอะ ฝ่าบาทจะยึดติดทำไม”

 

“เหอะๆๆ เจ้าพูดถูก ข้าจะถือเอาความแก่นี้เรียกเจ้าว่ายัยหนูเสี่ยวเสี่ยวแล้วกัน”

 

ตาเฒ่าฮ่องเต้หัวเราะเบาๆ มองนางพลางกล่าวขึ้น “ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว ที่พวกเรามาครั้งนี้ก็เพื่อจะมาหารืองานแต่งของมั่วเฉินและท่านย่าเจ้า ข้าคิดว่างานแต่งครั้งนี้ต้องจัดให้ดีๆ แก้ชงให้กับพวกเราประเทศหวงฝู่หน่อย”

 

“แก้ชงอะไร ตาเฒ่า ทำไมเจ้าพูดจาไม่น่าฟังเลยล่ะ”

 

หยูเฮงน้อยคงสภาพของเด็กสาวอายุ 13 พูดกับตาเฒ่าฮ่องเต้อย่างไม่เกรงใจ “เจ้าหมายความว่าพวกเราทำให้ประเทศหวงฝู่ของเจ้าหม่นหมองวุ่นวาย อเนถอนาถเหรอ ถือต้องจัดงานมงคลแก้ซวยน่ะ”

 

“เอ่อ….”

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของตาเฒ่าฮ่องเต้แข็งไปกับคำพูดเฉียบแหลมของหยูเฮงน้อย ผู้เฒ่าผู้แก่อย่างเขานึกไม่ถึงเลยว่าข้ออ้างสั่วๆที่เขายกมาจะกลายเป็นเรื่องที่เจ้าตัวเล็กโจมตีเขา

 

รอยยิ้มบนใบหน้าทุกคนก็เริ่มเจื่อนลง คำพูดนี้ทำไมฟังแล้วรู้สึกถึงความฉุนเฉียว ท่าทางพวกนางจะไม่พอใจ

 

ในสายตาทุกคนสิ่งที่หยูเฮงน้อยพูดเป็นตัวแทนของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว ปกติแล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ค่อยพูดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ส่วนใหญ่เจ้าตัวเล็กเป็นคนออกความเห็นหมด

——————————–