TQF:บทที่ 742 อวสาน (11)

 

ต้นหลิวกลับไม่สนใจท่าทีของหยูเฮงน้อย ยิ้มอ่อนโยนให้นาง

 

“คุณหนู ข้ารู้”

 

เสียงดังพร้อมกับคนที่ปรากฏ มีร่างงดงามอ่อนหวานอีกร่างปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้ง 4 คน ชุดสีเหลืองอ่อนห่อหุ้มหุ่นอันเย้ายวนของนางไว้ นัยน์ตาเป็นประกาย ผิวขาวดั่งหิมะ ตาเฉี่ยวคู่นั้นมีเสน่ห์แฝงในความบริสุทธิ์ซึ่งหายากมาก สายตาตั้งมั่นแต่ไม่บีบคั้น พลิ้วไหว เย้ายวน บริสุทธิ์ และมากด้วยเสน่ห์ ในความงดงามยังมีความสง่าแฝงมาด้วย

 

ทำให้คนอื่นรู้สึกถึงความมีมาด ไม่อิดออด ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ สง่าและมารยาทงาม ทุกการเคลื่อนไหวแสดงออกถึงความมั่นใจ มีกลิ่นไอเจ้าเหนือหัวลางๆ เป็นที่ต้องใจแต่ไม่ถึงขั้นดึงดูดใจจนหาทิศทางไม่เจอ

 

“เจ้าแห่งผึ้งหยก?(ราชินีผึ้งหยก)​” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเบิกตาคู่สวยเล็กน้อย จำนางได้ทันที

 

เจ้าแห่งผึ้งหยกผู้เป็นราชินีคำนับให้กับคนทั้ง 2 “คารวะคุณหนู คารวะท่านเขย”

 

เรื่องเกี่ยวกับต้นหลิวและเจ้าแห่งผึ้งหยกโม่ซวนซุนรู้หมด เผยแววชื่นชมให้กับหญิงสาวที่มีมาดราชินีและพยักหน้าเบาๆ

 

เมื่อเห็นการมาของนางหยูเฮงน้อยก็รีบขู่เตือน “ผึ้งหยกน้อย อย่าพูดเหลวไหลนะ ไม่อย่างนั้นเจ้าสวยแน่”

 

ริมฝีปากสีแดงเพลิงของเจ้าแห่งผึ้งหยกคลี่ออกเป็นรอยยิ้มบางๆ บอกกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวโดยไม่ได้ใส่ใจกับคำเตือนนาง “คุณหนู หยูเฮงน้อยและต้นหลิวเป็นภูติด้วยกัน เกิดขึ้นตามมิติ ใต้หล้านี้มีเพียงพวกเขา 2 คนที่เป็นภูติจากพืช พวกเขาเป็นคู่ที่ถูกลิขิตให้อยู่ด้วยกัน”

 

“อ๋อ…”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวแกล้งลากเสียงยาว และเห็นคนตรงหน้าหน้าแดงขึ้นมาทันที ท่าทางทั้งเขินทั้งเคือง จึงยิ้มกว้างขึ้นไปอีก “ที่แท้หยูเฮงน้อยของเรามีสามีแล้วเหรอ ข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

 

“คุณหนู นิสัยไม่ดี….” หยูเฮงน้อยโกรธจนกระทืบเท้า ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ส่วนต้นหลิวยังเด๋อด๋าอยู่ ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มแห่งความสุขจนเฉิงเสี่ยวเสี่ยวแกล้งด่า “เจ้าเด็กโง่ ยังไม่ไปตามเมียเจ้าอีก”

 

“ขอรับคุณหนู” ต้นหลิวยินดีมาก หมุนตัวและหายไปในอากาศเช่นเดียวกัน

 

ทุกคนต่างมีรอยยิ้มแห่งการอวยพรเมื่อมองไปยังทิศที่ทั้ง 2 หายไป เฉิงเสี่ยวเสี่ยวทอดสายตากลับไปบนตัวของเจ้าแห่งผึ้งหยก ถามด้วยความแปลกใจ “เจ้าล่ะเจ้าแห่งผึ้งหยก เจ้าก็เกิดตามมิติ เกิดจากการเรียกของฟ้าดิน เจ้าก็ต้องมีคู่สิ”

 

“มี” ใบหน้างดงามของเจ้าแห่งผึ้งหยกไม่มีความขวยเขินเลยสักนิดกลับมีท่าทีเฝ้ารอพลางเอ่ยเสียงค่อย “ร่างเดิมของเขาเป็นแมลง แต่มันไม่เหมือนกับพวกเรา ตอนนี้กำลังวิวัฒนาการอยู่ รอจนนาทีสุดท้ายที่มิติของคุณหนูสมบูรณ์ มันถึงจะทะลุดักแด้ออกมากลายร่างเป็นมนุษย์ เขานี่ล่ะคู่ของข้า”

 

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”

 

แม้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจะเป็นเจ้านาย แต่เรื่องของมิติก็มอบหมายให้หยูเฮงน้อยเป็นคนจัดการตลอด คู่รัก 2 คู่ที่เกิดด้วยการเรียกของฟ้าดินก็จะอยู่เคึยงข้างนางด้วย ถือเป็นเรื่องโชคดีของนาง

 

ต้นหลิวยังออกจากร่างเดิมนานไม่ได้ เจ้าแห่งผึ้งหยกยังต้องสร้างอาณาจักรของนางและแมลง เมื่อทั้ง 3 ออกมาสู่โลกภายนอกก็ผ่านไปครึ่งค่อนเดือนแล้ว

 

เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนคนของ 3 สำนักใหญ่ที่ถูกไล่ล่าก็เหลือจำนวนเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ส่วน 1 ใน 3 นี้ก็เริ่มเล่นซ่อนหากับเผ่าอสูร คนนึงไล่คนนึงหนี อยากจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จในเวลาสั้นๆคงไม่ง่าย

 

เมื่อพวกเขาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอีกครั้งก็ได้รับข่าวใหม่อย่างรวดเร็ว

 

ฟางซูหยุนและหวงฝู่มั่วเฉินเตรียมจัดงานแต่งแล้ว

 

เมื่อได้ฟังข่าวนี้ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวทั้งดีใจแทนท่านย่าและกังวลใจแทนด้วย จึงรีบไปหาท่านย่าของตัวเองทันที

 

ในปราสาทที่เป็นของฟางซูหยุน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้เห็นรอยยิ้มอันมีความสุขของท่านย่า

 

ฟางซูหยุนเขินนิดหน่อยและลำบากใจอยู่บ้างเมื่อเห็นการมาของหลานสาว แม้ว่าอายุของผู้ฝึกฝนวิทยายุทธจะยืนยาว แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้ใหญ่กว่า ตอนนี้จะแต่งงานอีกครั้ง อดรู้สึกกดดันและขึ้นๆลงๆไม่ได้

 

เห็นท่าทางสาวน้อยรอคอยจะได้แต่งงานของท่านย่าแล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเกิดความรู้สึกขึ้นในใจมากมาย ตอนนั้นที่นางแต่งงานกับตาแก่ตระกูลเฉิงคงเพราะทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ แล้วยังถูกขังตั้ง 10 กว่าปี บัดนี้ได้เจอความสุขจริงๆของตัวเองแล้วก็รู้สึกดีใจกับนางจริงๆ

 

“ท่านย่า..” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเรียกเสียงนุ่ม

 

“เสี่ยวเสี่ยวมาแล้วเหรอ” ฟางซูหยุนควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้อย่างรวดเร็วและโบกมือเรียกนางมา “มาสิ มานั่งกับย่า”

 

“ได้”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเดินไปนั่งลงข้างนางดึงมือท่านย่าไว้และถามเบาๆ “ท่านย่า ท่านตัดสินใจจะจัดงานแต่งที่ชิงยางจริงๆเหรอ”

 

“อื้ม เสี่ยวเสี่ยว มั่วเฉินและฮ่องเต้คิดว่าทั้งชิงยางรู้ถึงการมีอยู่ของเจ้าและซวนซุน พวกเราได้รับการเคารพนับถือจากทุกคนแล้ว พวกเขาไม่กล้าพูดถึงหรือแพร่ข่าวลือที่ไม่ดีต่อข้าออกไปตามใจชอบ ดังนั้นจัดงานแต่งที่ชิงยางก็ไม่เป็นอะไร”

 

ใบหน้าของฟางซูหยุนประดับด้วยรอยยิ้มหวาน นัยน์ตามีแต่ความรักมากมายอยู่ในนั้นพลางกล่าวต่อ “มั่วเฉินคิดว่าอยากจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ให้ข้า เขาอยากประกาศให้ทุกคนรู้ว่าข้าคือคนที่เขารักที่สุดตลอดไป เขาจะไม่ทำให้ข้าต้องน้อยเนื้อต่ำใจ จะยกขบวนขันหมากถึง 18 คันรถเกี้ยวมาขอข้าเข้าตำหนักพระโอรสอย่างสง่าผ่าเผย กลายเป็นเจ้านายหญิงแห่งตำหนักองค์ชาย 18 อย่างเต็มตัว”

 

“……”

 

เมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เข้าใจแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนก็ไม่อาจปฏิเสธคำสัญญาเช่นนี้ได้ ยิ่งเป็นเขาที่ท่านย่ารอคอยมาหลายสิบปี ต่อให้เหล่าปีศาจเฒ่าแห่งราชวงศ์มีความคิดอย่างอื่นนางก็ไม่สนใจ

 

ตอนนั้น คำขอของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวคือให้ทั้ง 2 ไปจัดงานแต่งที่อื่น บัดนี้ราชวงศ์กลับจัดงานแต่งใหญ่โตประเจิดประเจ้อ ไม่ต้องบอกนางก็เดาจุดประสงค์ของพวกเขาออก

 

ยืมอำนาจ

 

อย่างที่ท่านย่าบอก หลังจากที่ผ่านงานประลองการสกัดยามา ชื่อเสียงของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวโม่ซวนซุน หยูเฮงน้อยดังไปทั่วผืนดินฉางไห่แล้ว มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนมองพวกเขาเป็นบุคคลในตำนาน มีแต่จะเคารพนับถือพวกเขาเท่านั้น ใครกล้าพูดถึงทั้ง 3 คนในทางที่ไม่ดีผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือโดนรุมกระทืบ อัดจนเหลือแต่ซาก

 

เพราะสำหรับคนเหล่านั้นแล้ว คนที่กล้าพูดถึงทั้ง 3 ในทางที่ไม่ดีต้องเป็นลูกศิษย์ของ 3 สำนักใหญ่อย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็ไม่มีใครพูดจาให้ร้ายพวกเขาหรอก

 

ส่วนวิธีการอันเห็นแก่ตัวและหน้าไม่อายของ 3 สำนักใหญ่เป็นที่ไม่ชอบใจของผู้ฝึกฝนวิทยายุทธทั้งผืนดินฉางไห่ ย่อมไม่ออมให้อยู่แล้ว

 

ซึ่งก็จริง มีเพียงลูกศิษย์ของ 3 สำนักใหญ่เท่านั้นที่จะไม่ชอบใจและเคียดแค้นพวกเฉิงเสี่ยวเสี่ยว ไม่ว่าพวกเขาจะแค้นยังไงก็ไม่กล้าพูดต่อหน้าคนอื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแก้แค้นเลย สำหรับเหล่าลูกศิษย์ที่วิทยายุทธต่ำกว่าระดับก้าวสู่เทพเทวาก็เป็นได้แค่ฝันเท่านั้น

 

ปีศาจเฒ่าแห่งตระกูลหวงฝู่เรียกร้องแบบนี้ก็เพื่อจะยืมอำนาจของพวกเฉิงเสี่ยวเสี่ยวข่มขวัญอิทธิพลอื่นๆ และให้ได้รับผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการ

 

ถ้าพวกเขาไม่ให้ฟางซูหยุนแต่งเข้าตำหนักองค์ชาย 18 อย่างสง่าผ่าเผยคงเป็นการยากที่ราชวงศ์จะยืมอำนาจ ไม่ใช่แค่ยาก เรียกว่าเป็นไปไม่ได้

 

แม้ว่าคนทั้งชิงยางรู้ว่าฟางซูหยุนและองค์ชาย 18 หวงฝู่มั่วเฉินเคยเป็นคู่รักกัน แต่ถึงยังไงตอนนี้ฟางซูหยุนก็เป็นฮูหยินเฉิง ไม่เกี่ยวอะไรกับราชวงศ์เลยสักนิด

————————————-