TQF:บทที่ 741 อวสาน (10)
เจิดจรัสแยงตา บริสุทธิ์ผุดผ่อง แสงเทพเปล่งประกาย ราวกับเทพีดวงจันทร์กำลังลอยตัว ห้อมล้อมโซ่เทพแห่งอักขระเอาไว้
มันค่อยๆกลายเป็นรูปวงกลมช้าๆยังคงลอยขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดมันก็ลอยนิ่งอยู่เหนือฟ้า สงบและสบาย ทั้งโลกถูกแสงจันทร์ย้อมให้กลายเป็นสีเงิน
นาทีนั้น แสงจันทร์กระทบพื้นดินราวกับเป็นม่านบางๆ และราวกับเป็นฝ้าหนา แสงสว่างใสดั่งน้ำส่องไปทั่วแผ่นดินเป็นแสงระยิบระยับ
พระจันทร์อุบัติขึ้นแล้ว
ในมิติไม่ได้มีเพียงพระอาทิตย์เท่านั้น พระจันทร์ก็มีแล้ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกัน
พริบตาเดียวกลางคืนก็ค่อยๆหายไป จู่ๆความมืดก็ค่อยๆกลายเป็นสีน้ำเงิน มีเส้นวาบผ่านไปในกองเมฆ พริบตาเดียวก็เกิดเป็นโลกที่เต็มไปด้วยสีสัน ก้อนเมฆหลากหลายรูปทรงเป็นประกายสีแดงอร่าม
ชั่วขณะนั้นแสงสีทองเฉิดฉายออกมาจนก้อนเมฆหายไปหมด แสงหลากสีเจิดจ้าจนทั้งผืนฟ้าเป็นประกาย พระอาทิตย์โผล่มานิดนึงสะท้อนกับแสงสีแดง พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่ขึ้นมา ส่องแสงเจิดจ้าไปกระทบทั่วทั้งแผ่นดิน เกิดเป็นสีสันอันงดงาม
ขณะเดียวกันพลังชีวิตอันยิ่งใหญ่ค่อยๆแผ่ซ่านออก ราวกับกลับสู่ยุคแรกเริ่มของสรรพสิ่ง ทุกอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างขะมักเขม้น อุบัติเป็นสิ่งต่างๆ
พระอาทิตย์และพระจันทร์ที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าดินอันมีความหมายหยินหยางในที่สุดก็ปรากฏขึ้นในมิติ
เนิ่นนานกว่าที่คนทั้ง 3 ได้สติกลับมาจากภาพมหัศจรรย์ที่ฟ้าดินเปลี่ยนฉากเมื่อกี้
หยูเฮงน้อยเติบโตขึ้นอีก ตอนนี้นางอยู่ในรูปร่างของคนที่โตเต็มวัยแล้ว รูปร่างหน้าตานางถูกประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีต แววตามีความดื้อดึง อ่อนหวานและเย้ายวน ทั่วทั้งกายมีกลิ่นไอของหนุ่มสาว อยู่เหนือราคีทุกอย่างในโลกใบนี้ โดดเด่นกว่าใครๆ ถ้าออกไปข้างนอกต้องเป็นคนสวยที่ทำให้ผู้ชายหลงเป็นแถบแน่
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองนางแล้วรู้สึกเหมือนมีลูกที่โตแล้ว อยู่ด้วยกันมานานหลายปี จากสภาพยัยหนูในวันนั้นสู่สภาพสาวน้อยน่ารักในวันนี้ ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ของเจ้านายและบริวาร เหมือนพี่น้องซะมากกว่า และยังมีความรู้สึกของแม่ลูกด้วย
โม่ซวนซุนพยักหน้าให้กับหยูเฮงน้อย นาทีนั้นเขากลับมองวิทยายุทธของอีกฝ่ายไม่ออก ทำให้เขาทั้งแปลกใจและตะลึง อดถามไม่ได้ “หยูเฮงน้อย วิทยายุทธของเจ้าอยู่ระดับอะไร”
“อิอิ ท่านเขย ท่านทายดูสิ” หยูเฮงน้อยมีท่าทีซุกซน ไม่ว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่รึยังนิสัยของนางก็ยังเหมือนเดิม
โม่ซวนซุนขมวดคิ้วนิดหน่อย ถามขึ้นเสียงเข้ม “ระดับเทพสวรรค์?”
“ท่านเขย ลองเดาอีก” หยูเฮงน้อยไม่ตอบ
“ไม่ใช่เทพสวรรค์ งั้นจักรพรรดิ์สวรรค์เหรอ”
“ท่านเขยนี่โง่จริงๆ ท่านดูถูกข้าไปรึเปล่า วิทยายุทธของข้าในตอนนี้อยู่ระดับเจ้าแห่งจักรพรรดิ์แล้ว” หยูเฮงน้อยบอกอย่างผยอง
“จะ เจ้าแห่งจักรพรรดิ์”
ต่อให้เป็นโม่ซวนซุนที่มีระดับจิตใจเหนือผู้อื่นก็ยังอดไม่ได้ที่จะทึ่งไป มันน่าประหลาดใจและเหลือเชื่อเกินไปสำหรับเขา
เขาเพิ่งจะเป็นเซียนสวรรค์เอง แต่หยูเฮงน้อยเป็นถึงเจ้าแห่งจักรพรรดิ์แล้ว วิทยายุทธช่างน่าสะพรึงกลัวเสียจริง
ด้วยการสืบสานที่เขาได้รับจากอาจารย์ปู่รุ่นแรกย่อมรู้ระดับของโลกแห่งเทพ ต่อให้ที่โลกแห่งเทพเจ้าแห่งจักรพรรดิ์ก็เป็นผู้ฝึกฝนวิทยายุทธขั้นสูง ถ้าพรสวรรค์มีไม่มากพอไปไม่ถึงระดับนั้นแน่ๆ
“อิอิ ท่านเขย นี่มันน่าตกใจตรงไหน” หยูเฮงน้อยบอกอย่างไม่ใส่ใจราวกับเป็นเรื่องที่ปกติมาก
มีแววตายินดีแว้บผ่านไปในตาของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว นางดีใจกับหยูเฮงน้อยจากใจจริง เมื่อนึกถึงปัญหาอย่างอื่นนางจึงหุบรอยยิ้มลง เผยท่าทีสงสัยและหยูเฮงน้อยที่กำลังเดินมา “หยูเฮงน้อย ยังไม่มีดวงดาวและฤดูต่างๆเลย ทำไมล่ะ ครั้งนี้มิติก็น่าจะเลื่อนไปหลายขั้นแล้วนี่”
“อิอิ คุณหนู รีบหรอ”
ดูเหมือนหยูเฮงน้อยจะไม่เป็นกังวลกับเรื่องนี้ นัยน์ตาเป็นประกายของนางมองไปรอบๆทั้ง 2 คนและเผยรอยยิ้มพิเรนทร์ “คุณหนู ของพวกนี้น่ะมีแล้ว เพียงแต่ยังเหลือตัวแปรอยู่ ได้แต่รอโอกาสวาสนามาถึงก็จะมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเอง”
“หา ไม่จริงน่า” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้ว ถามอย่างไม่เข้าใจ “ต้องการตัวแปรอะไรถึงใช้ตอนนี้ไม่ได้ หรือว่าตอนนี้พวกเรายังไม่สามารถเอามาได้”
“คุณหนู ไม่ใช่ว่าข้าไม่บอกท่าน แต่เป็นเพราะว่าท่านคือเจ้าของมิติ ทุกการกระทำของท่านล้วนเกี่ยวข้อง ตัวแปรนี้ก็อยู่บนตัวท่านนี่แหละ เรื่องนี้ต้องแล้วแต่วาสนา จะตั้งใจลงมือทำไม่ได้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็จะสูญเปล่า” หยูเฮงน้อยบอกยิ้มๆ
นัยน์ตาโม่ซวนซุนเปล่งประกายเหมือนเดาอะไรออก ตั้งใจเหลือบมองคนข้างๆและยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อนจะพูดกับหยูเฮงน้อย “มิติเลื่อนไปกี่ขั้นแล้ว ยังต้องเลื่อนขึ้นอีกรึเปล่า”
“ตอนนี้ 5 พันขั้นแล้ว อะไรที่ควรมีก็มีหมด แต่ยังขาดการเลื่อนขั้นอีก 1 ครั้ง อีกอย่างการเลื่อนขั้นครั้งหน้าต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลกว่าครั้งนี้อีก หลังจากที่สมบูรณ์แล้วมิติของคุณหนูก็จะกลายเป็นโลกจริงๆขึ้นมา ไม่แตกต่างกับฟ้าดินด้านนอกเลยสักนิด”
“ไม่สิ ต้องบอกว่าสูงขั้นกว่าโลกด้านนอกอีกหลายขั้น ถึงตอนนั้นคงไม่น้อยหน้าไปกว่าโลกแห่งเทพที่พวกเขาใฝ่ฝัน อาจจะดียิ่งกว่า สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าโลกแห่งเทพก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ต้องออกปล้นอีกหลายครั้งเลยล่ะสิ”โม่ซวนซุนเอ่ยยิ้มๆ
หยูเฮงน้อยรีบพยักหน้าเห็นด้วย “ท่านเขยพูดถูกที่สุด พวกเรายังต้องออกปล้นอีก”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหมดคำจะพูดกับ 2 คนนี้ ได้แต่เปลี่ยนเรื่องคุย “จริงสิ ครั้งนี้มิติของเราเลื่อนขั้นไป 3 พันกว่าขั้น มีการเปลี่ยนแปลงอะไรรึเปล่า”
“เรื่องที่เปลี่ยนแปลงมีเยอะมาก ข้าจะไม่ชี้แจงทีละเรื่องนะ หลังจากนี้ท่านจะรู้เองคุณหนู แน่นอนว่าเรื่องน่าดีใจบางอย่างก็ต้องให้คุณหนูรู้ อย่างแรกก็คือสัตว์อมตะของเรากลายเป็นสัตว์เทวะ(สวรรค์)แล้ว จะไม่มีอะไรมาจำกัดอีก ขอแค่วิทยายุทธของพวกมันถึงขั้นก็จะบรรลุได้เอง”
“นี่นับเป็นเรื่องดี” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า ยิ้มอ่อนๆและถามขึ้นอีก “อย่างอื่นล่ะ”
“อิอิ คุณหนู ท่านจะเห็นเร็วๆนี้แหละ”
พูดจบหยูเฮงน้อยก็สะบัดมือเกิดเป็นแสงสีทองออกมา 2 แสงและหายไปในทิศทางที่แตกต่างกัน
เพียงครู่เดียวช่องอากาศก็เกิดอาการบิดเบี้ยว มีร่างสีฟ้าน้ำแข็งปรากฏต่อหน้าทั้ง 3 คน
ใบหน้าเขาเป็นเส้นเป็นคมชัดแต่ก็ไม่เสียความอ่อนหวานไป นัยน์ตาใสสกาวบริสุทธิ์อย่างที่สุด รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าราวกับดอกไม้สีขาวที่เบ่งบานจากที่ไกลๆ เปล่งประกายเจิดจ้า คิ้วเข้มๆ 2 ข้างเกิดเป็นคลื่นนุ่มนวล ราวกับยิ้มอยู่ตลอด
ผิวสีขาวตัดกับริมฝีปากสีแดงระเรื่อ ผู้ชายที่หน้าสวยอย่างกับปีศาจสาว มีความงามที่อยู่กึ่งกลางระหว่างผู้ชายและผู้หญิง จุดที่น่าสนใจที่สุดคือผมยาวสีเขียวอ่อนของเขาที่ปล่อยอยู่ประบ่า เขามองหยูเฮงน้อยก่อนด้วยแววตาเร่าร้อนที่ปรากฏเพียงแว้บเดียว ก่อนจะประสานมือทำความเคารพกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและโม่ซวนซุน “ต้นหลิวคารวะคุณหนู คารวะท่านเขย”
“ต้นหลิว?”
ใบหน้าของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเปล่งประกายแห่งความดีใจ เขากลายร่างเป็นมนุษย์ได้แล้วโม่ซวนซุนถึงบางอ้อ ที่แท้คนตรงหน้าก็คือต้นหลิวหน้าลานกว้างต้นนั้นเอง ก่อนจะพยักหน้าให้เขา
หยูเฮงน้อยกลับเบ้ปากและพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “จะมีประโยชน์อะไร เขาออกจากร่างเดิมได้ไม่นาน”
“หยูเฮงน้อย เป็นอะไรไป” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเพิ่งเคยเห็นยัยหนูมีสีหน้าแบบนี้ รู้สึกประหลาดใจ
——————————-