ตอนที่ 80

Kill the Hero

Kill the Hero 080

หลังจากดันเจี้ยนเกทปรากฏขึ้น ทุกประเทศในโลกต่างก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก และมันก็จะยังคงดำเนินต่อไป

ในบางกรณี การดำรงอยู่ของประเทศก็ถูกสั่นคลอน ด้วยระดับความทุกข์ทรมานที่พวกเขาต้องเผชิญ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีของประเทศโลกที่สอง และสามเหล่านั้น

แอฟริกา ยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ …

“ที่ไหนนะ? เกาหลีเหนือ? “

ประเทศอย่างเกาหลีเหนือ

มันเป็นไปไม่ได้ที่ประเทศที่มีความไม่สงบทั้งทางการเมือง และระดับชาติ จะจัดการกับดันเจี้ยนเกทได้อย่างเหมาะสม

ดังนั้นประเทศเหล่านี้ จึงมีทางเลือกสองทาง คือปล่อยให้ตัวเองถูกทำลาย หรือขอความช่วยเหลือจากผู้มีอำนาจที่แข็งแกร่งกว่า

ในกรณีของเกาหลีเหนือ พวกเขาเลือกอย่างหลัง พวกเขาเปิดประตู และขอความช่วยเหลือจากโลก

แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้เปิดประตูบานใหญ่ขนาดนั้น โดยพื้นฐานแล้ว มันเป็นแค่ประตูเล็ก ๆ

“แคซอง เกาหลีเหนือ? ”

เขตพิเศษแคซองคือประตูเล็ก ๆ นั้น

หลังจากออกแบบให้แคซองเป็นพื้นที่พิเศษสำหรับผู้เล่น เกาหลีเหนืออนุญาตให้ชาวต่างชาติเกือบทั้งหมดเข้าได้อย่างอิสระ โดยไม่กำหนดเงื่อนไขหรือข้อจำกัดใด ๆ ในการโจมตีดันเจี้ยน

แม้แต่ในรัฐสังคมนิยมก็ไม่มีข้อจำกัด สำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในเขตพิเศษที่กำหนด

ถ้าผู้เล่นสามารถเอาชนะดันเจี้ยนเกทได้ พวกเขาก็จะสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการในพื้นที่นั้นได้ ดังนั้นหลังจากที่กลายเป็นเขตพิเศษ แคซองก็กลายเป็นหนึ่งในเมืองที่คึกคักที่สุดในโลก

“มันเหมือนกับก็อธแธมจริง ๆ ”

ดังนั้นมันจึงได้รับสมญานามว่า ก็อธแธม เหมือนเมืองในแบทแมน การ์ตูนซีรีส์ของดีซี

“เขาไปที่นั่นเหรอ? เขาบ้าหรือเปล่า? ”

ด้วยเหตุนี้ ลีจินอาจึงรู้สึกประหลาดใจที่คิมวูจินไปที่ที่แบบนั้น

“คนที่บ้า ก็คือนายที่ตั้งใจมากินข้าวกลางวัน และกินข้าวของฉันด้วย นายมันไอ้แมลงสาบ”

ลีจินอาที่ตอนนี้ใช้ตะเกียบคีบราเม็งในชามขึ้นมา ทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาหัวเราะช้า ๆ

โอเซชานมองเขาอย่างรังเกียจ ก่อนที่จะพูดต่อ

“แคซองไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นายคิด”

“มันใช่เรื่องไหม? นั่นคือที่ที่พวกอาชญากรทั้งหลายชอบมารวมตัวกันนะ”

อย่างที่ลีจินอาพูด เขตพิเศษแคซองเป็นที่รวมตัวของอาชญากร และไม่ใช่แค่อาชญากร แต่ยังมีผู้เล่นที่เป็นอาชญากรด้วย

สถานที่สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าหรือทำงานในประเทศปกติได้หรือไม่ต้องการใช้ชีวิตแบบปกติ

“ถ้ามีหมาป่าอยู่ในฝูงแกะ งั้นมันก็จะมีกลิ่นเลือด และโดดเด่น แต่ถ้ามีแต่นักล่ามารวมตัวกัน มันก็สงบอย่างไม่น่าเชื่อ ลองนึกถึงอเมริกาสิ เมื่อเทียบกับจำนวนอาวุธปืนที่มีอยู่ กับจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากอาวุธปืนก็ค่อนข้างต่ำใช่ไหมล่ะ? ”

“นั่นถือว่าเล็กเหรอ? ”

“ลองนึกภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพวกเขารับรองอาวุธปืนในเกาหลีใต้ นายคิดว่าจำนวนมันจะน้อยเท่ากับของพวกเขาไหม? ” (TL : นิยาย, มังฮวา ทั้งของจีนกับเกาหลี ชอบเหยียดชาติอื่น… โอ้ มือมันลื่น ทุกท่านต้องอ่านด้วยจักรยานนะ คือถีบมันทิ้งน่ะแหละ )

หลังจากพูดจบ โอเซชานก็คีบเส้นบะหมี่ขึ้นมา

“แต่เป็นที่ที่ดีที่สุดในการล่าดันเจี้ยน ปลอดภาษี ดังนั้นการซื้อขายจึงง่ายขึ้น มันทำให้ราคาสินค้าถูกลง มันดีกว่าที่นี่ ตราบเท่าที่นายปฏิบัติตามกฎได้”

“กฎอะไร?”

“แค่ต้องทิ้งพวกตัวอันตรายไว้คนเดียว”

“ฉันเดาว่าอาจจะมีตัวอันตรายเหมือนฉันอยู่ที่นั่น”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ โอเซชานก็อดขำไม่ได้

“ฉันจะส่งนายไปที่นั่นดู แต่ฉันบอกนายมาตลอดนะ ว่านายไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น”

ลีจินอาบ่นด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“ฮยอง ช่วยชมฉันหน่อยไม่ได้เหรอ? ”

“ฉันจะยอมรับ ถ้าคุณทำให้คิมวูจินเลือดกำเดาไหลได้”

“อ๊ะ เอาจริงดิ! หมอนั่นมันสัตว์ประหลาดแบบพิเศษ! นายไม่เข้าใจหรอก เว้นแต่นายจะได้เห็นเขาสู้กับตาตัวเอง…”

“ยังมีสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งกว่าคิมวูจินอีกนะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของลีจินอาก็เริ่มจริงจัง

“ใคร? “

“ซุซุกิ เอจิ ตอนนี้เขาน่าจะเลเวล 50 แล้ว แต่ในดันเจี้ยนขั้นต่ำสองชั้น เขาหาคู่ต่อสู้ได้ยากมาก”

ลีจินอาเอียงหัวเมื่อได้ยินชื่อนี้

“ฉันไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนเลย นายแค่บอกฉันมั่ว ๆ หรือเปล่า? ”

แม้ปฏิกิริยาของเขาจะเป็นแบบนี้ แต่การแสดงออกของโอเซชานก็ไม่เปลี่ยนแปลง

“เชื่อหรือไม่ ก็อย่ามองข้ามชายที่มีรอยแผลเป็นใต้ตาขวา”

โอเซชานหยุดชั่วครู่ ก่อนจะเพิ่มข้อมูลอีกเล็กน้อย

“เพราะเขาเป็นหมาล่าเนื้อของสมาคมเมสสิอาห์”

ลีจินอาค่อย ๆ ย่อยข้อมูลนี้

“แต่ทำไมหมอนั่น คิมวูจินถึงไปที่นั่นล่ะ? มันอันตรายไม่ใช่เหรอ”

“ฉันไม่รู้”

“บางทีเขาอาจจะไปจับคนน่ากลัวที่นายเพิ่งพูดถึง? ”

เมื่อได้ยินคำถาม โอเซชานก็หัวเราะออกมา

“ไม่เลย ความจริง ถึงแม้นายจะพากองทัพไปด้วย ก็ไม่อาจรับประกันว่านายจะเอาชนะ ซุซุกิ เอจิ ได้ คิมวูจินก็คงจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าฉัน บางทีเขาอาจจะไปทำอย่างอื่น”

ตอนที่เขาพูดอย่างนั้น แต่ความคิดของโอเซชานก็ล่องลอยไปชั่วขณะ

‘ถ้าคิมวูจินไปล่า ซุซุกิ เอจิ จริง ๆ … และถ้าเขาล่าหมอนั่นได้ งั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาตามหลังสมาคมเมสสิอาห์อยู่’ (TL : ประโยคนี้ไม่ได้ใช้คำว่า ล่า, ฆ่า, จับ แต่ใช้คำว่า ตามหลัง, ข้างหลัง )

สีหน้าของโอเซชานแข็งขึ้นเล็กน้อย

‘…บางทีเราอาจจะต้องเปิดเผยพลังของฟาโรห์เร็วขึ้น’

 

ส่วนที่อยู่ใจกลางสุดของเขตพิเศษแคซองคือ ศูนย์อุตสาหกรรมแคซอง

ที่นี่เคยเป็นโรงงานในอดีต ปัจจุบันเป็นจุดรวมพลของผู้เล่นที่อยู่ในเขตพิเศษแคซอง

ชีวิตในย่านนี้ ค่อนข้างแตกต่างจากที่ผู้คนภายนอกคิด แทนที่จะเป็นเมืองแห่งความไร้ระเบียบ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนกับที่อื่น ๆ บนโลก

“ขายไอเทม! ”

“ขายวัสดุ! ”

สิ่งแรกที่สังเกตได้คือแผงขายสินค้าที่เรียบง่ายเรียงรายอยู่ตามถนน ที่นี่คุณสามารถเห็นไอเทม และวัสดุที่รวบรวมมาจากมอนสเตอร์ได้มากมาย

สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ ยากที่คนทั่วไปจะได้เห็น มันถูกจัดวางอย่างเรียบง่ายเหมือนตลาดขายปลา และความสดใหม่ของที่นี่นั้นค่อนข้างน่าตกใจ

มีแม้กระทั่งร้านขายซากมอนสเตอร์

“ศพของมนุษย์หมาป่าจับได้เมื่อวานนี้ ฉันจะขายมันทั้งหมด! ”

มันเป็นมอนสเตอร์ที่หนีออกมาจากดันเจี้ยนเกท และถูกจับตัวได้

ในประเทศอื่น ๆ ถ้าคุณถูกจับได้ว่าทำกับมอนสเตอร์ที่ล่าได้ด้วยวิธีนี้ คุณจะได้รับกุญแจมือเหล็กดี ๆ ที่ได้รับความอนุเคราะห์จากรัฐแทน แต่ในเขตพิเศษแคซอง คุณไม่ต้องกังวลถึงขนาดนั้น

“Wow! ” (TL : ต้นฉบับมาแบบนี้ )

“สุโก้ย! ” ( TL : ตามต้นฉบับ…)

นี่คือสาเหตุที่นักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่ผู้เล่นกดถ่ายภาพไม่หยุด

แน่นอนว่า มันไม่ใช่เรื่องดีที่ได้เห็นธุรกิจผิดกฎหมาย สิ่งเหล่านี้มักจะทำในที่มืด และลับตาคน

“ฉันชอบน้ำที่นี่ นายคิดยังไง? “

“นายหมายถึงแอลกอฮอล์ใช่ไหม?”

“นอกจากนี้ยังมีบางอย่างที่ดีกว่านี้อีก”

ตั้งแต่แอลกอฮอล์ไปจนถึงการค้ายาเสพติด สิ่งที่น่าเกลียดที่สุดที่มนุษย์จะซื้อขายได้ สามารถซื้อขายได้ที่นี่

“ฆ่าไอ้เวรนั่น! ”

“จับไอ้เลวนั่น! ”

มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และแอลกอฮอล์ ส่วนผู้ที่มีศีลธรรมก็มีบางอย่างปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา

และภาพที่เห็นต่อหน้าของพวกเขาก็โหดร้ายยิ่งกว่า

การต่อสู้ระหว่างผู้เล่นที่รอดชีวิตมาจากความน่ากลัวของดันเจี้ยนได้ ไม่ใช่สิ่งที่เทียบได้กับผู้เล่นที่ไม่ได้ล่าหรือเป็นคนธรรมดา

การต่อสู้ส่วนใหญ่ในเขตพิเศษแคซองนั้น ต่างจากการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด

การต่อสู้มักจะนองไปด้วยเลือด

การต่อสู้แบบนี้ ยากที่จะเห็นจากที่อื่น มันเป็นหนึ่งในความพิเศษของเขตพิเศษแคซอง

สิ่งที่คล้ายกันนี้ เกิดขึ้นในคลับที่ตั้งอยู่ตรงมุมหนึ่งของศูนย์อุตสาหกรรมแคซอง มันเป็นบาร์ที่มีโต๊ะเก้าอี้ให้ลูกค้านั่งแค่ไม่กี่ตัว

เพล้ง!

คุณอาจได้ยินเสียงขวดแอลกอฮอล์แตกเป็นเสี่ยง ๆ

“เชี่ย! ”

“อ๊าก! ”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นทั่วทุกที่

ระหว่างเสียงกรีดร้อง และเสียงดนตรีของคลับ ชายสองคนยืนประจันหน้ากัน ทั้งสองชี้ขวดที่แตกในมือ

“แกว่าไงนะ? ทำไมแกไม่พูดอีกครั้งล่ะ ไอ้***! ”

“แล้วแกจะทำไม? ไอ้*****”

คนเมาสองคนพ่นคำหยาบคายใส่กัน

ทั้งคู่ดูจะอยากฆ่าอีกฝ่ายจริง ๆ บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา

“มันคือการต่อสู้ของผู้เล่น! ”

“นี่มันบ้าไปแล้ว ใครก็ได้หยุดพวกเขาที! ”

“ทั้งคู่เลเวลมากกว่า 30 แล้ว นายอยากไปแทรก และหยุดพวกเขาไหมล่ะ? ”

ผู้เล่นทั้งสองคน เลเวลมากกว่า 30 แล้ว และคนธรรมดาไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ ต่อให้ใช้ปืนไรเฟิลก็ตาม

“พวกเขาดื่มน้ำมัลเบอรี่ไปเมื่อกี้…”

“ยาเหรอ? โอ้ พระเจ้า” ( TL : คิดว่าน้ำมัลเบอรี่คงเป็นชื่อเรียกยาเสพติดชนิดหนึ่ง)

เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งสองคนไม่ได้ดื่มแค่แอลกอฮอล์

มันเหมือนกับรถสองคันที่ไม่มีเบรก วิ่งชนกันด้วยความเร็วสูงสุด

เหล่าเกาหลีมุงกลืนน้ำลาย และบางคนก็ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว

ทันใดนั้นเอง

ปุก!

ลูกศรบินแทรกระหว่างทั้งสองที่ดูคล้ายจะตัดขาดจากโลกภายนอก

จากนั้นทั้งสองคนก็หันหน้าพร้อมกัน เพื่อหาว่ามันมาจากไหน ดวงตาของพวกเขาดุร้ายเหมือนสัตว์ป่า

ในสายตาของพวกเขา พวกเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ และข้าง ๆ เธอก็มีชายรูปร่างเล็ก ที่มองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา

ใต้ตาขวาของเขามีรอยแผลเป็นที่ดูน่าประทับใจ

“ฮึก”

“อึก”

ทันทีที่พวกเขาเห็นชายคนนี้ ชายทั้งสองก็แทบจะสร่างเมาจากเหล้า และยาเสพติดทันที

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้าทุกคนในคลับ ขณะที่พวกเขาทุกคนเริ่มกังวล เมื่อสังเกตเห็นการปรากฏตัวของชายคนนี้

มีเพียงคนเดียวในคลับที่ผ่อนคลายมากกว่าจะประหม่า

‘ซุซุกิ เอจิ’

คิมวูจินที่ปลอมตัวเป็นชายผิวสีแทน และมีหนวดขนาดใหญ่นั่งอยู่ตรงบาร์ และเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ ได้สังเกตเห็นชายผู้ที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในคลับสงบลงได้ในพริบตาเดียว

แล้วความคิดก็แวบเข้ามาในใจของเขา

‘ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอนายแบบนี้’

 

(TL : ผมรีบแปลมาก สต๊อกหมดแล้ว ตอนนี้พอหายป่วยงานก็เข้าเลย ผมทำงานตั้งแต่ 9.00 – 21.00 แบบไม่ได้พักเลย อ๋อ ไม่นับเวลากินข้าวครับ ดังนั้นผมมีเวลาแปลแค่วันละ 3 ชั่วโมงก่อนนอนเท่านั้น จะพยายามลงให้ได้บ่อยที่สุด เลยมาแจ้งไว้ก่อน พอดีผมไม่ได้แปลแค่เรื่องเดียวน่ะ… )