บทที่ 2375 บึงพิษ 8 / บทที่ 2376 ร่วมมือ

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2375 บึงพิษ 8

กู้ซีจิ่วไม่แยแส น้ำเสียงเฉยเมย

“บังเอิญนัก ผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าก็ไม่ชอบเจ้าเหมือนกัน”

อวิ๋นชิงหลัวเงียบไปแล้ว

กู้ซีจิ่วไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงกับอวิ๋นชิงหลัวผู้นี้ให้มากความ ให้จู๋ตู๋ชิงเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในโดมทันที

จู๋ตู๋ชิงพกชุดป้องกันพิษติดตัวมาไม่น้อยเลย หลังจากเข้าไปแล้วก็ผลัดเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เคาะผนังโดม กู้ซีจิ่วจึงปล่อยเขาออกมา

ชุดนี้ของเขาพลิ้วไหวดั่งเซียน องครักษ์ของตำหนักราชันย์มารสองคนนั้นมองอย่างอิจฉา

“ชุดนี้ของทั้งสองท่านก็สามารถป้องกันการรุกรานของหมอกพิษได้หรือ?”

จู๋ตู๋ชิงยิ้มอย่างมีท่วงท่าของผู้สูงส่งยิ่งนัก

“มิใช่แค่สามารถป้องกันหมอกพิษได้ ยังป้องกันพิษจากการกัดต่อยได้ด้วย…ที่สำคัญกว่านั้นคือมันเบาสบายเหมือนเสื้อผ้าธรรมดา เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเสรี ไม่เหมือนพวกเจ้า ชุดของพวกเจ้านี่มันอะไรกัน? ดูทึ่มเหมือนลิงยักษ์ไม่มีผิด”

องครักษ์สองคนนั้นพูดไม่ออกเลย

“ชุดของพวกเราเบาสบายสู้ชุดของท่านผู้สูงศักดิ์ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ มิสู้พวกเรามาร่วมมือกันดีกว่า?”

จู่ๆ เสียงหนึ่งก็แว่วออกมาจากลุ่มหมอกสีม่วงที่อยู่ไม่ไกล คนผู้หนึ่งเดินพลิ้วออกมา

อาภรณ์ม่วงไหวระยับ เกศาดำปลิวไสว ในแถบแพรคาดหน้าผากมีทับทิมส่องประกายวาววาม

รูปทรงของทับทิมเม็ดนั้นค่อนข้างประหลาด ทรงคล้ายนัยน์ตาจิ้งจอก มีแก้วตาใสกระจ่างเหลือบแลไปด้านข้างเล็กน้อย ดึงดูดสายตาคนยิ่งนัก

เขาสวมหน้ากากจิ้งจอกไว้บนหน้า เผยเพียงนัยน์ตาสุกสกาวที่เย็นชาและริมฝีปากบางที่แดงเรื่อ ท่าทางเฉยชาไม่แยแสดูโดดเด่นเลิศล้ำ

ตี้ฝูอีมาถึงแล้ว

สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนเล็กน้อย โชคดีที่เธอสวมหน้ากากกันพิษจึงไม่มีใครมองเห็นสีหน้าเธอ

เธอไม่คิดจะข้องแวะกับพวกตี้ฝูอีอีกต่อไป ดังนั้นจึงส่งสัญญาณให้จู๋ตู๋ชิง

“พวกเราไปกันเถอะ!”

จู๋ตู๋ชิงย่อมไม่คิดจะร่วมมือกันตี้ฝูอีเช่นกัน เลี่ยงไม่ให้ถูกเขาวางแผนเล่นงานอีก

ดังนั้นเขาจึงพยักหน้ารับทันที

“ดี!”

ยื่นมือไปจับแขนเสื้อกู้ซีจิ่ว

“เจ้าจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายพาข้าไปใช่ไหม?”

กู้ซีจิ่วก็มีความคิดเช่นนี้อยู่เหมือนกัน จึงพลิกมือจับแขนของจู๋ตู๋ชิงไว้เตรียมจะใช้วิชาเคลื่อนย้าย พลันมีเงาสีม่วงแวบผ่านหน้า คนผู้หนึ่งเข้ามาแทรกกลางระหว่างเธอกับจู๋ตู๋ชิงอย่างรุนแรง

จู๋ตู๋ชิงถูกบีบให้ถอยหลังไปหลายก้าว มองคนที่เข้ามาแทรกแซงอย่างขุ่นเคือง

“ท่านผู้สูงศักดิ์คิดจะทำอะไร?!”

คนที่แทรกเข้ามาย่อมเป็นตี้ฝูอี เขาก็ตรงไปตรงมาเช่นกัน

“พวกเรามาเจรจาเรื่องบุญคุณช่วยชีวิตกันเถอะ!”

จู๋ตู๋ชิงผงะไป

กู้ซีจิ่วก็นิ่งงันไปเช่นกัน

เอาเถอะ พวกเขาจะทนฟังสักหน่อยก็แล้วกัน!

เงื่อนไขของตี้ฝูอีง่ายมาก ให้สองกลุ่มรวมตัวเป็นกลุ่มเดียว ส่วนจู๋ตู๋ชิงก็ต้องจัดหาชุดป้องกันพิษที่เบาบางสามชุดให้คนฝ่ายเขาสวมใส่ด้วย

และในทางกลับกัน เขาจะรับผิดชอบความปลอดภัยของพวกเขาทั้งสอง และสามารถร่วมมือกันเพื่อจับจระเข้วงแหวนเงินได้…

จระเข้วงแหวนเงินดุร้ายอย่างยิ่ง เป็นราชาสัตว์พิษแห่งบึงพิษนี้ หากว่ากู้ซีจิ่วมีพลังยุทธ์เท่าตอนอยู่ดินแดนเบื้องบน การจับเจ้าสิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย แค่ระวังหน่อยก็ไม่เกิดเรื่องแล้ว

แต่ด้วยวรยุทธ์ของเธอในตอนนี้รวมถึงร่างกายที่บาดเจ็บ การจับเจ้าตัวนี้เปลืองแรงมากจริงๆ เพิ่มจู๋ตู๋ชิงเข้ามาก็ยังไม่มีความมั่นใจเต็มที่

แต่ถ้าหากร่วมมือกับพวกตี้ฝูอี เช่นนั้นโอกาสในการได้ชัยก็จะเพิ่มขึ้นมหาศาล! กล่าวได้ว่าไม่มีทางพลาด!

กู้ซีจิ่วหลุบตานิดๆ ชั่งน้ำหนักอยู่ในใจ เธอย่อมทราบดีว่าควรเลือกแบบไหนถึงจะดี แต่พอนึกถึงว่าถ้าร่วมมือกับ ตี้ฝูอี ก็ต้องเห็นเขาจู๋จี๋กับอวิ๋นชิงหลัว ถูกบังคับให้ชมความหวานแหววของคู่รัก เธอก็อยากจะถอยทัพอีกครั้ง…

“เจ้ากลัวข้ารึ?”

จู่ๆ เสียงของตี้ฝูอีก็แว่วเข้ามาในหูเธอ

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว

“ข้าจะไปกลัวเจ้าทำไม?”

ตี้ฝูอีมองเธออย่างยิ้มมิเชิงยิ้มไม่พูดต่อแล้ว

กู้ซีจิ่วรู้ดีว่าเขากำลังก่อกวนเธอ แต่…

เธอพลันเชิดหน้าขึ้น

“เจ้าคิดมากไปแล้ว! ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าเอาบุญคุณช่วยชีวิตมาลำเลิกอยู่ตลอดเท่านั้น”

ตี้ฝูอีผายมือ

“เช่นนั้นก็ถือว่าเจ้าตกลงแล้ว ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นแม่นางที่เฉียบแหลมปราดเปรื่อง”

….

————————————————————————————-

บทที่ 2376 ร่วมมือ

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย

เธอฉลาดหลักแหลมจริงๆ เธออยากจะซัดเขากับอวิ๋นชิงหลัวออกไปไกลๆ ด้วยความฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก ไม่ให้มาเพ่นพ่านต่อหน้าอีก…

แปลก เครื่องแต่งกายของเขาในวันนี้ค่อนข้างแปลกตา ทำให้เธอคุ้นตายิ่ง ใจสั่นนัก

เดิมทีเธอโกรธเขามาก แต่ยามที่เขาแต่งกายเช่นนี้อยู่ต่อหน้าเธอ เธอก็โกรธไม่ลงแล้ว ถึงขั้นที่เกิดความรู้สึกอยากโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดอีกต่อไปแล้วขึ้นมาวูบหนึ่ง…

แน่นอน ความรู้สึกชั่ววูบนี้ถูกตัวเธอสะกดไว้ เพียงมองแถบแพรคาดหน้าผากเขาอยู่ครั้งเดียวเท่านั้น

ทำไมเขาถึงไม่สวมชุดสีแดงเพลิงอันเป็นเอกสิทธิ์ของราชันย์มารแล้วล่ะ? ชุดสีเพลิงชุดนั้นโดดเด่นมากไปหรือ? แทงตานัก!

หรือเป็นเพราะออกมาข้างนอกเลยต้องติดดินหน่อย?

แต่เมื่อวานเขายังสวมอยู่เลยชัดๆ…

ว่ากันตามจริงแล้ว ดูเหมือนเขาเหมาะจะสวมชุดสีม่วงพราวระยับเช่นนี้มากกว่า

ในความงดงามสูงศักดิ์แฝงความสง่างามเสรีเอาไว้…

จู๋ตู๋ชิงไม่อยากร่วมมือกับตี้ฝูอี เขาอยากอยู่กับอาจารย์เพียงลำพัง แม้แต่เจ้าลาตัวนั้นเขาก็รู้สึกว่าเป็นก้างขวางคอ นับประสาอะไรกับตี้ฝูอีเล่า?

แต่เขาปฏิเสธไม่ได้ เนื่องจากตี้ฝูอีใช้ ‘บุญคุณช่วยชีวิต’ มากดดันเขา

ตามที่ตี้ฝูอีกล่าวมา นี่คือเงื่อนไขเดียวในการตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตของเขา อย่างอื่นไม่เอา

แน่นอน เขาจะทำหน้าหนาสักหน่อยก็ได้ ไม่ตอบแทนบุญคุณของอีกฝ่ายก็ได้ ตามจริงแล้ว เขาก็คิดจะพูดแบบนี้จริงๆ

แต่ตี้ฝูอีเอ่ยประโยคหนึ่งที่ทำให้เขาต้องพะวง

“เจ้ารับประกันได้หรือว่านางจะปราบจระเข้วงแหวนเงินได้จริงๆ? เจ้ารู้จักบึงพิษแห่งนี้แค่ไหนกัน? เจ้าแน่ใจหรือว่าครั้งหน้าจะมีโชคได้พบสถานที่สำหรับผลัดอาภรณ์เช่นนี้อีก มิใช่จะกลายเป็นตัวถ่วงของนางจนทำให้นางเสียงาน?”

ด้วยเหตุนี้ จู๋ตู๋ชิงจึงไม่พูดอะไรแล้ว

ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโต้แย้งเรื่องเหล่านี้จริงๆ ทุกอย่างต้องมุ่งเน้นไปที่ภาพรวม

ชุดป้องกันสารพิษของจู๋ตู๋ชิงมีอยู่ไม่น้อยเลย มีถึงเจ็ดแปดชุด เป็นการตระเตรียมไว้เผื่อเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน ตอนนี้จึงแบ่งออกไปเพียงสามชุด

จากนั้นเขาก็มองดูตี้ฝูอี

“แล้วเจ้าไม่เอาไว้เองสักชุดหรือ?”

ตี้ฝูอีปัดแขนเสื้อเล็กน้อย

“ไม่จำเป็น”

ชุดนี้ของเขามีคุณสมบัติด้านการป้องกันพิษสูงยิ่ง ยังมีทับทิมบนแถบแพรและหน้ากากบนใบหน้าของเขาอีก ล้วนเป็นวัตถุที่ป้องกันพิษได้ชะงัดนัก

แน่นอนว่าตัวเขาก็ฝึกฝนเคล็ดปรับลมหายใจแบบพิเศษชนิดหนึ่งมาแล้ว แก้พิษได้นับหมื่น ดังนั้นไอพิษของบึงพิษแห่งนี้จึงทำอันตรายเขาไม่ได้

คนที่เหลือล้วนเข้าไปเปลี่ยนชุดในโดมสมประสงค์

ดวงหน้าน้อยๆ ของอวิ๋นชิงหลัวซีดเซียวอยู่ตลอด นางพูดน้อยยิ่ง หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จก็ติดตามอยู่ข้างกายตี้ฝูอี เว้นระยะไม่ใกล้ไม่ห่าง และไม่มองผู้ใดเลย เพียงยืนเม้มปากสีหน้าเรียบเฉย เหม่อมองออกไปไกลๆ ราวกับชมทิวทัศน์อยู่

ส่วนตี้ฝูอี นับตั้งแต่เขามาถึง ก็ไม่มองอวิ๋นชิงหลัวสักแวบเลย ไม่สนใจนางสักนิด…

กู้ซีจิ่วกวาดตามองพวกเขาแวบหนึ่ง มองเห็นสถานการณ์ระหว่างพวกเขาอย่างชัดเจน

สองคนนี้ทำสงครามเย็นพ่อแง่แม่งอนกันอยู่หรือ?

แน่นอน ความคิดนี้เพียงแวบผ่านเข้ามาในสมองกู้ซีจิ่วเท่านั้น เธอคร้านจะวิเคราะห์ใคร่ครวญ

พวกเขาคู่รักจะทำสงครามเย็นพ่อแง่แม่งอนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ

เรื่องเดียวที่เธอกังวลคือ

“เฮ่าเอ๋อร์ล่ะ?”

เมื่อคืนยังไม่ทันได้ถามถึง วันนี้ในที่สุดก็มีโอกาสถามแล้ว

“อยู่ที่ตำหนักมาร มีคนคอยดูโดยเฉพาะ วางใจได้”

ตี้ฝูอีตอบอย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม

————————————————————————————-

คำชี้แจงจากนักเขียน : ไม่อาจตำหนิกู้ซีจิ่วได้ที่มีความคิดแบบนี้ ในสายตาเธอตี้ฝูอีเอื้อเอ็นดูอวิ๋นชิงหลัวยิ่งนักเสมอมา ดีต่อนางเป็นร้อยเท่า สมบัติล้ำค่าอันใดก็มอบให้นาง ระบายแค้นแทนนาง ลงโทษข้ารับใช้แทนนาง…พอได้ยินว่านางตกอยู่ในอัตรายก็ไปช่วยทันที…ทุกอย่างที่เธอเห็น ทุกอย่างที่ได้ยินล้วนเป็นตี้ฝูอีดีต่ออวิ๋นชิงหลัว แตกต่างจากนักอ่านที่อยู่ในมุมมองบุคลที่สาม มองเห็นทัศนคติแท้จริงที่ตี้ฝูอีมีต่ออวิ๋นชิงหลัว รู้ต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง