บทที่ 140 โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 140 เรื่องกวนใจรอบสอง (9)
“ที่นี่สวยจังเลย” อี้เป่ยซีอดไม่ได้ที่จะเงยหน้า ดวงดาวเป็นประกาย และมีกลิ่นหอมที่ใต้เท้า
ลั่วจื่อหานจูงมือของเธอ “ที่นี่เป็นจุดที่ใกล้ทางช้างเผือกที่สุดของทั้งเมือง C ตำนานบอกว่ามีคู่รักได้เสียงของหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าคุยกันตอนกลางคืนด้วย”
“หา จริงเหรอ ฉันก็อยากได้ยิน”
“โอเค พวกเราไปกินข้าวก่อน”
อาหารในร้านอาหารก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง ไม่มีรสชาติของเครื่องปรุงรส ราวกับว่ามันคือรสชาติดั้งเดิมในตัวอาหารเอง ฝีมือการทำอาหารเป็นเพียงองค์ประกอบที่เสริมให้เด่นขึ้นเท่านั้น อาหารต่างหากที่เป็นตัวละครหลัก แต่ละคำที่กลืนลงไปล้วนสดใหม่และเป็นธรรมชาติ ราวกับคุณได้ที่บ้านเกิดของเขาจริงๆ เขาใช้ตัวเองเพื่อเล่าเรื่องราวของตัวเองให้กับคุณ
“อร่อยมากๆ เลย” อี้เป่ยซีลูบท้องตัวเองอย่างพึงพอใจ มองไปรอบๆ การตกแต่งของโรงแรมนั้นสมบูรณ์แต่ไม่ขาดรายละเอียด แสงไฟกระพริบเหมือนทางช้างเผือกที่ไหลผ่านที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณและเวมทนตร์
“นั่นมันอะไรน่ะ” เธอมองดูทางช้างเผือกสีทองค่อยๆ ปรากฏสีเงินบางๆ ทั้งอ่อนแอและแข็งแกร่ง ลอยกลิ้งไปมา ราวกับว่ามันจะร่วงลงมาเมื่อไรก็ได้ และในวินาทีต่อมาสีเงินเล็กๆ นั้นก็ร่วงลงมาจริงๆ มันร่วงลงมาอยู่ในมือของอี้เป่ยซีพอดี
มันคือสร้อยคอสีเงินเส้นหนึ่ง ประดับด้วยดวงดาวระยิบระยับเป็นที่สุด และเพราะว่าดาวดวงนี้ตกลงมา ทางช้างเผือกสีทองบนท้องฟ้าจึงดูธรรมดาอย่างช่วยไม่ได้
“นี่คือ”
ลั่วจื่อหานเดินเข้ามาหาเธอ สวมสร้อยคอให้เธอ จูบหลังคอของเธอแผ่วเบา จากนั้นก็จูงมือของเธอกลับไปยังที่ๆ พวกเขามาก่อนหน้านี้
อี้เป่ยซีรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองถูกห่วงสีขาวบางๆ พันรอบตัวไว้ ทั้งลึกลับและเหมือนฝัน เธออดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาแต่จับต้องอะไรไม่ได้เลย ทันใดนั้นเองก็มีแสงสีเงินพุ่งพรวดขึ้นไปยังท้องฟ้า ราวกับเพียงแค่ออกคำสั่ง ทะเลแห่งดอกไม้ก็บานสะพรั่งบนนภา สีทั้งหมดรวมตัวเป็นรูปร่าง ตัวอักษรทรงกลมแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาของทั้งสองคน
อี้เป่ยซี ฉันชอบเธอ
ลั่วจื่อหาน ฉันก็ชอบนาย
จู่ๆ ลั่วจื่อหานก็ร้องเพลงข้างหูเธอ
เธออดไม่ได้ที่จะกอดเขาแน่น เมื่อฟังเพลงที่เขาร้องข้างหูตัวเองจนจบแล้ว เธอจึงปล่อยเขา จูบริมฝีปากเขาทั้งน้ำตา
ลั่วจื่อหานก็กอดเธอแน่น ค่อยๆ ดูดดื่มความหวานในปากของเธอ จนกระทั่งทั้งสองคนหายใจลำบากเล็กน้อย อี้เป่ยซีจึงซบอยู่บนหน้าอกของเขา ฟังเขาพูดเสียงเบา “เป่ยซี ฉันชอบเธอ”
“ฉันก็เหมือนกันลั่วจื่อหาน ฉันชอบนายมากๆ”
ลั่วจื่อหานกุมใบหน้าของเธอ จูบด้วยความเร่าร้อน มือล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าของเธอลูบไล้อยู่บนผิวที่เรียบรื่น อี้เป่ยซีอดไม่ได้ร้องครางเล็กน้อย เขายิ่งออกแรงมากกว่าเดิม แทบรอไม่ไหวที่จะเอาเธอเข้ามาในร่างกายของตัวเอง
อี้เป่ยซีรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงทีละน้อยของเขา ทั้งภายในใจและร่างกายของเธอก็รู้สึกรุ่มร้อน ราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังจะกลับเข้าสู่ร่างกายของตัวเอง เส้นประสาททั้งหมดต่างโห่ร้องอยู่ในช่วงเวลานี้
“เป่ยซี” ลั่วจื่อหานหายใจรดข้างลำคอของเธอ เธอกัดคอของลั่วจื่อหานแผ่วเบา กระแสไฟฟ้าแพร่กระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว เขายิ่งออกแรงมากกว่าเดิม
“ลั่วจื่อหาน นายรัดฉันอยู่น่ะ”
เขาผ่อนคลาย อี้เป่ยซีพุ่งไปที่ร่างของเขา ทำให้ลั่วจื่อหานตุปัดตุเป๋ ร่างกายที่ประคองได้อย่างยากลำบากถูกอี้เป่ยซีทำให้ล้มลงไปกับพื้นแล้ว
เธอทับอยู่บนตัวเขา จูบเขาอย่างรุนแรง มือยังคงสัมผัสหานน้อยอย่างไม่ชำนิชำนาญ
“เป่ยซี”
“อืม ลั่วจื่อหาน” เธอยิ้มพร้อมมองเขา บนตัวเธอมีความเปล่งปลั่งที่ทำให้คนละสายตาไม่ได้ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน “พวกเรากลับห้องกันดีไหม”
ลั่วจื่อหานตอบว่าอือเบาๆ จัดเสื้อผ้าของอี้เป่ยซีสบายๆ อุ้มเธอขึ้นมาในอ้อมกอดของตัวเอง เมื่อถึงห้องวีไอพีชั้นบนสุดแล้ว เพิ่งจะเข้าห้องไปก็ผลักเธอไปที่หลังประตูอย่างห้ามใจไว้ไม่ไหว
“เมื่อกี้ยังสบายๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ?” อี้เป่ยซียิ้มเป่ยให้กับคอของเขา ลั่วจื่อหานก็หัวเราะแล้วจูบริมฝีปากของเธอ วินาทีต่อมาอี้เป่ยซีรู้สึกว่าโลกทั้งใบหมุนคว้าง ตอนนี้เธอถูกโยนไปบนเตียงแล้ว จากนั้นลั่วจื่อหานก็ทับอยู่บนตัว
เขาจูบแก้ม ลำคอและไหปลาร้าของเธออย่างอ่อนโยน ยื่นสองมือเข้าไปในชายกระโปรงของเธอ ทุกการเคลื่อนไหวต่างทำให้อี้เป่ยซีสั่นสะท้านจากขั้วหัวใจ
“ลั่ว ลั่วจื่อหาน เบา เบาหน่อย” ดวงตาของอี้เป่ยซีมีน้ำตาเป็นประกายเนื่องด้วยอารมณ์ตื่นเต้น ลำคอของลั่วจื่อหานขยับเขยื้อน พยักหน้า ขณะที่เคลื่อนกายเข้าไปข้างในนั้น อี้เป่ยซียังคงส่งเสียงอู้อี้ร้องด้วยความเจ็บปวด
ลั่วจื่อหานรอจนคนที่อยู่ด้านล่างค่อยๆ ปรับตัวได้แล้ว ความอ่อนโยนก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นพายุในทันใด ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังกลืนกินกันอยู่นั้น อี้เป่ยซีเกาะไหล่ของเขาไว้แน่น เสียงที่อ่อนโยนและชัดเจนดังดุเดือดออกมาจากลำคอโดยไม่รู้ตัว บ้าคลั่งทั้งคืน
วันรุ่งขึ้นอี้เป่ยซีลืมตาก็เห็นลั่วจื่อหานนอนเท้าศีรษะอยู่ข้างเธอ รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าของตัวเองทันที ทั้งอายทั้งโกรธ
“มีตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า” เสียงที่ทุ้มต่ำดังอยู่เหนือศีรษะ อี้เป่ยซีอดไม่ได้ที่จะเบะปาก
‘ตรงไหนก็ไม่สบายทั้งนั้นแหละ’ เธอนึกว่าความบ้าคลั่งที่ลั่วจื่อหานกระทำต่อเธอเมื่อวาน ก็กัดฟันกันเสียงดังกรอด
ทำไมเธอถึงเหนื่อยขนาดนี้ แต่ลั่วจื่อหานไม่เป็นอะไรเลย
“พวกเราไปกินข้าวเช้ากัน”
“ไม่อยากลุก”
“อืม ก็ได้” ลั่วจื่อหานมุดเข้าไปในผ้าห่มเหมือนกับเธอ จูบริมฝีปากของเธอที่แดงเล็กน้อย “งั้นเรามาทำเรื่องที่มีความหมายกันอีกดีกว่า”
“นาย อืม…”
เมื่ออี้เป่ยซีตื่นขึ้นมารอบที่สองก็เที่ยงพอดี ลั่วจื่อหานยังคงนั่งอยู่ข้างเตียง ครั้งนี้เธอฉลาดพอที่จะคว้าเสื้อผ้าข้างกาย แต่กลับเจ็บปวดไปทั้งตัว และมือก็แข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
ลั่วจื่อหานรับเสื้อผ้าในมือของเธอมา อาสาช่วยเธอสวมเสื้อ ทั้งสองคนยังคงนัวเนียกันเนิ่นนานจึงจะแต่งตัวอย่างเรียบร้อย
อี้เป่ยซีอยู่ในห้องน้ำมองดูร่องรอยบนคอของตัวเอง เปิดกระดุมออกเม็ดหนึ่งและเห็นว่ากระดูกไหปลาร้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยรอยฟกช้ำ ‘ลั่วจื่อหานจะต้องเป็นหมาบ้าแน่ๆ ทำไมทั้งกัดคนและทั้งหมกมุ่นแบบนี้’ เธอดึงๆ เสื้อ มองดูร่องรอยที่ปกคลุมร่างกายตัวเอง
ออกจากบ้านก็ไม่สนใจลั่วจื่อหาน เธอต้องการจะเปิดประตูออกไป
“เป่ยซี” ปากของเขาแนบชิดกับหูของอี้เป่ยซี “ฉันอุ้มเธอดีไหม”
อี้เป่ยซีต้องการจะเอ่ยปากปฏิเสธ สุดท้ายครุ่นคิดแล้วก็พยักหน้า ลั่วจื่อหานอุ้มเธอไปยังห้องร้านอาหาร ปล่อยให้เขาป้อนข้าว และปล่อยให้เขายัดตัวเองเข้าไปในรถ
“คิดจะไปไหน?”
“กลับบ้าน” เสียงของอี้เป่ยซียังคงหมดแรงเล็กน้อย ลั่วจื่อหานพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร และส่งเธอกลับบ้านอี้
ก่อนจะจากไป เขาคว้าข้อมือของอี้เป่ยซีเอาไว้ “เป่ยซี แต่งงานกับฉันเถอะ”
“พวกเรา ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?”
“ไม่เร็ว” เขาส่ายหน้า “ต่อไปเวลาที่ฉันกลับมาบ้านฉันก็อยากเห็นเธอ ฉันอยากกอดเธอตอนเข้านอน ฉันอยากตื่นเช้าแล้วเห็นเธอเป็นคนแรก เป่ยซี แต่กับฉันเถอะ หืม?”
“ฉัน คือว่า ไม่ใช่อายุยี่สิบ…”
“พวกเราหมั้นกันก่อน”
“คือว่าฉันเหมือนกับได้ยินคุณแม่อี้เรียกฉันแล้ว ฉันกลับก่อนนะ บายๆ” เธอผละออกจากอ้อมอกของเขา ถอยหลังแล้ววิ่ง ลั่วจื่อหานมองดูแผ่นหลังของเธอ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
————