บทที่ 139 โดย Ink Stone_Romance

 

บทที่ 139 เรื่องกวนใจรอบสอง (8)

             อี้เป่ยซีเสียใจที่ช่วยลั่วจื่อหาน อีกทั้งยังสาบานว่าต่อไปจะไม่ช่วยเขาอีกแล้ว เธอมองดูมือที่สั่นเทาของตัวเอง ราวกับว่ามันจะหลุดออกจากข้อมือของตัวเองในวินาทีต่อมา ตอนนี้ไม่รู้สึกถึงมือทั้งสองข้างแล้ว เธอเหลือบมองผู้ชายที่นอนด้วยสีหน้าพึงพอใจอยู่ข้างๆ อย่างโกรธเกรี้ยว กัดไปที่หัวไหล่ของเขาทันที ปากก็เมื่อยด้วย

            “หืม นายทำอะไรเนี่ย ไหล่แข็งจังเลย” ลั่วจื่อหานกอดเธอ

            “พักสักหน่อยเถอะ ลำบากเธอแล้ว”

            “ยังจะพูดอีก”

            “ได้ๆๆ ไม่พูด ไม่พูด” เขาจูบหน้าผากของอี้เป่ยซีด้วยความเอ็นดู “เธอพักผ่อนก่อนเถอะ ไว้ฉันทำธุระนิดหน่อยเสร็จแล้วจะพาเธอไป”

            เธอกระพริบตา “ไปไหน?”

            “ไปให้เธอดูว่าอะไรคือแฟนที่ได้เรื่อง”

            “งั้นอย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ”

            ลั่วจื่อหานนวดคลึงศีรษะของเธออยู่ข้างเตียง “ได้ เดี๋ยวฉันจะเอาเสื้อตัวใหม่มาให้เธอ”

            “อืม โอเค” อี้เป่ยซีหน้าแดง มือกุมเสื้อเชิ้ตบนตัวแน่น

            “ต่อไปอย่าใส่สั้นแบบนี้อีกนะ”

            เธออ้าปาก ยังไม่ทันจะตอบ ลั่วจื่อหานก็จูบและดูดปลายลิ้นของเธออย่างรุนแรง “เข้าใจหรือเปล่า”

            “รู้แล้วๆ คุณอาลั่วบ้าอำนาจจังเลย”

            “ไม่ใช่บ้าอำนาจ” เขาช่วยเธอห่มผ้า “เธอใส่ให้ฉันดูได้คนเดียวเท่านั้น”

            อี้เป่ยซีหน้าแดง หันหลังให้เขา “หน้าไม่อาย ฉันจะนอนแล้ว นายอย่ากวนฉัน”

            เขาหัวเราะเบาๆ ลุกขึ้นออกไปจากห้องพักผ่อน นั่งที่โต๊ะเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว อี้เป่ยซีอยู่คนเดียวรู้สึกเบื่อ จึงเปิดอินเทอร์เน็ต

            สือนั่ว: ทำไมเธอร้องเพลงแล้วล่ะ?

            หลิงซี: ฉันเปล่านะ

            สือนั่ว: ไม่มีทาง นั่นเสียงเธอแน่ๆ ฉันฟังไม่ผิดหรอก

            หลิงซี: เกิดอะไรขึ้น นายพูดให้ชัดหน่อยได้ไหม

            สือนั่ว: เธอดูเองสิ

            จากนั้นก็ส่งลิ้งค์ให้อี้เป่ยซีทันที เธอกดเข้าไป ได้ยินดนตรีก่อนเข้าเพลงที่คุ้นเคย ดวงตาก็เบิกกว้างเล็กน้อย

            หลิงซี: นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่ได้บอกว่าจะส่งออก ฉันจ้างเฟิงอู่ให้ร้องเพลงนี้นะ

            สือนั่ว: งั้นทำไมถึงเป็นเสียงของเธอ?

            หลิงซี: ฉัน ฉันหาคนมาช่วย แล้วก็บันทึกเสียงไว้ ตั้งใจจะส่งให้ลั่วจื่อหาน…ฉันไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้นี่นา

            สือนั่ว: เธอนี่โง่จริง เธอจบแล้ว ทั้งหาเฟิงอู่ทั้งปล่อยเพลงนี้ เธอรอโดนด่าได้เลย

            หลิงซี: แต่ว่าฉันไม่รู้จริงๆ นี่นา ทำไงดี ทำไงดีล่ะ

            สือนั่ว: ตอนนี้เธอเพิ่งจะร้อนใจเหรอ ทำไปแล้ว ทำไมไม่มาให้ฉันช่วยดันไปหาคนนอก ตอนนี้เป็นไงล่ะ

            หลิงซี: งั้นนายช่วยฉันดึงมันกลับมาได้ไหม ลั่วจื่อหานกำลังจัดการข้อมูลอยู่ข้างนอก บางทีเขาอาจจะยังไม่ได้ยิน

            หลานฉือเซวียนอึ้งไปครู่หนึ่ง มองดูเซี่ยเช่อที่ยิ้มชั่วร้ายอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ตำหนิเขาไปเล็กน้อย “นายส่งไปให้ลั่วจื่อหานแล้วเหรอ?”

            “ใช่แล้วๆ”

            เขาถอนหายใจ “เยี่ยมเลย คนเขาจะเตรียมทำเซอร์ไพร้ให้แฟน ดันถูกนายทำพังซะแบบนี้”

            เซี่ยเช่อก็อึ้งไปเล็กน้อย “ไม่เป็นไร ถึงฉันไม่ส่งเขาก็รู้”

            ในห้องทำงานท่านประธาน ลั่วจื่อหานกำลังฟังเสียงที่อ่อนหวานของหญิงสาว แต่ละถ้อยคำร้องถึงโลกใบเล็กที่เธอมีอยู่ในตอนนี้ ใบหน้าก็มีรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัวแล้ว เขาโทรศัพท์แล้วคุยสองสามคำ ฟังเพลงต่อพร้อมจัดเอกสารไปพลาง

            หลิงซี: ขอบคุณนายนะ

            สือนั่ว: ขอบคุณอะไรฉัน?

            หลิงซี: ลิ้งค์มันใช้ไม่ได้แล้ว

            สือนั่ว: เธออย่าเพิ่งดีใจเร็วไป เซี่ยเช่อส่งไปให้เขาแล้ว

            หลิงซี: อะไรนะ?

            อี้เป่ยซีแทบทนไม่ไหวอยากจะขว้างโทรศัพท์มือถือไปที่กำแพง เธอเตรียมเซอร์ไพร้นานขนาดนี้ มันหายไปทั้งแบบนี้ ไม่มีแล้ว ระยะหลังนี้ การบันทึกเสียงมันมีปัญหาตรงไหนกันแน่เสียงของเธอถึงหลุดออกไป เชียนฉิน เธอจะรู้อะไรหรือเปล่า?

            อี้เป่ยซีรีบเปิดโปรแกรมแชทกับเธอทันที แต่ว่าไม่ว่าเธอพูดอะไรก็ไม่มีใครสนใจเธอ จนกระทั่งเธอส่งข้อความไปอีกครั้ง การแจ้งเตือนแสดงให้เห็นว่าเธอกับอีกฝ่ายไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้ว

            นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ อี้เป่ยซีขมวดคิ้ว ไม่สามารถหาเหตุผลได้ ใครกันแน่ที่เป็นศัตรูกับเธอ เธอไม่ได้ยุ่งกับใครเลยนี่นา

            หลิงซี: ฉันติดต่อเชียนฉินไม่ได้แล้ว

            สือนั่ว: คนนี้เหรอที่เธอไปหา?

            หลิงซี: ใช่แล้ว เขานี่แหละ ทำไมเหรอ?

            สือนั่ว: เขาออกจากวงการไปแล้ว เธอรู้หรือเปล่า

            หลิงซี: ไม่รู้ เขาไม่เคยบอกฉันเลย

            สือนั่ว: เธอระวังด้วย เรื่องนี้มันไม่ธรรมดา เธอคิดว่าจะคุยกับเฟิงอู่เรื่องนี้ยังไงเถอะ

            อี้เป่ยซีถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า เธอจะบอกเรื่องนี้กับพระเจ้าอย่างไร มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เปลี่ยนเป็นใครที่เจอเรื่องนี้ก็ต้องไม่พอใจอยู่แล้วล่ะ เธอยังไม่ทันไปหาเฟิงอู่ ผู้จัดการของเฟิงอู่ก็มาหาเธอแล้ว ด่าอี้เป่ยซีอย่างเจ็บปวดก่อน จากนั้นก็บอกว่าบ้านเฟิงของพวกเขาไม่ได้หายาก อี้เป่ยซีขอโทษเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง จึงทำให้อีกฝ่ายสงบลงมาได้

            ผู้จัดการคนนั้นพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “งั้นก็คิดซะว่าเฟิงอู่ของพวกเราร้องคัฟเวอร์ไปละกัน แต่ว่าหลิงซี เธอก็ควรจะออกจากวงการได้แล้ว” พูดจบก็ลบความเป็นเพื่อน อี้เป่ยซีพิงศีรษะที่กำแพง รู้สึกเสียใจ

            “เป่ยซี” ลั่วจื่อหานเดินมาที่หน้าต่างพร้อมรอยยิ้ม วางเสื้อผ้าลงข้างเธอ “รอนานเลยสิ เปลี่ยนเสื้อก่อนแล้วพวกเราไปกินข้าวเที่ยงกัน”

            อี้เป่ยซีพยักหน้า เปลี่ยนเสื้อเรียบร้อยแล้ว เดินออกไปพร้อมกับลั่วจื่อหานอย่างขาดความสนใจ

            “เป็นอะไรไป?”

            เธอเงยหน้า มองลั่วจื่อหาน “นายฟังแล้วยัง?”

            “เธออยากให้ฉันฟังแล้ว หรือยังไม่ได้ฟังล่ะ”

            “ฉันไม่รู้ ฉันคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะถูกฉันทำพังขนาดนี้ ตอนแรกฉันอยากเซอร์ไพร้นายคนเดียว ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะร้องเพลงนี้ให้นายคนเดียว แต่ฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องไม่คาดฝันแบบนี้ ขอโทษนะ ฉันเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลย”

            ลั่วจื่อหานกอดเธออย่างปวดใจ “ไม่เป็นไรเป่ยซี”

            อี้เป่ยซีซบอยู่ในอกของเขา พยักหน้าส่งเสียงอู้อี้ ปล่อยให้ลั่วจื่อหานจูงมือของเธอออกไปจากตึก แม้จะพาเธอไปสวนสนุกที่เพิ่งสร้างใหม่ แต่เห็นได้ชัดว่าอี้เป่ยซีไม่มีความสนใจและไร้ชีวิตชีวา

            “เป่ยซี” ลั่วจื่อหานประกบริมฝีปากของเธอแผ่วเบา “เธอร้องเพลงนี้ให้ฉันฟังอีกทีได้หรือเปล่า”

            อี้เป่ยซีผงกหัว สูดหายใจลึก เริ่มสร้างอารมณ์

            “เวลาที่อยู่กับเธอก็เหมือนช่องว่าง ฉันยอมแพ้ก่อนที่ฉันจะจูบ…”

            เขาเคาะจังหวะอยู่ข้างๆ แผ่วเบา ยิ้มฟังเสียงของเธอ ขณะที่โน้ตตัวสุดท้ายสิ้นสุดลง ก็โน้มตัวไปข้างหน้าจูบริมฝีปากของเธอ จนะกระทั่งทั้งสองคนหายใจติดขัดแล้ว เขาจึงยอมปล่อยเธอไป

            “นี่ก็เป็นของฉันคนเดียวแล้ว เป่ยซี ไม่มีใครได้ยินแล้ว”

            ดวงตาของเธอสั่นไหว พยักหน้าหงึกหงัด “อืม”

            เมื่อเห็นท่าทางของเธอที่ผ่อนคลายอีกครั้ง ลั่วจื่อหานจึงขับรถไปยังเป้าหมายของตัวเอง ไม่รู้ว่ารถขับมานานแค่ไหน เมื่อทั้งสองคนลงมาจากรถแล้ว ดวงดาวบนท้องฟ้าก็สุกใส ทันทีที่ลงรถก็ได้กลิ่นหอมของดอกไม้ ราวกับว่ากำลังอ้อยอิ่งอยู่ในทะเลแห่งภาพวาด

        อี้เป่ยซีอดไม่ได้ที่จะเขย่งเท้า แอบหอมแก้มของเขา

————