ตอนที่ 198 ชายรูปงามเป็นต้นเหตุของหายนะเช่นกัน

ลำนำสตรียอดเซียน

ไม่มีใครคัดค้านการตัดสินใจของเว่ยเฮ่าหลาน ดังนั้นจึงตกลงกันได้เช่นนั้น

 

 

สิ่งที่ผู้ฝึกตนเหล่านี้ต้องการมากที่สุดคือยาเพิ่มพลังจิตวิญญาณ ซึ่งใช้เพื่อเพิ่มระดับการฝึกตนของผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงาน เพราะฉะนั้นเว่ยเฮ่าหลานจึงตัดสินใจถึงจำนวนของยาเพิ่มพลังจิตวิญญาณที่จะมอบให้และแบ่งสันยาให้กับผู้ฝึกตนทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเป็นอย่างแรก ยาวิเศษอื่นๆ อย่างยาครอบจักรวาลและยาชำระล้างพลังวิญญาณก็เป็นสิ่งที่ต้องมีเช่นกัน แต่ถ้าพวกเขาไม่มีแกนปีศาจและวัตุถดิบเพื่อแลกเปลี่ยนมากพอ พวกเขาก็ทำได้แค่ให้ส่วนแบ่งของตัวเองไปกับผู้ฝึกตนคนอื่น

 

 

ไม่ว่าจะในร้านค้าหรืองานชุมนุมแลกเปลี่ยน ยาคงรูปไม่เคยเป็นที่นิยมมากมายนัก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของสภาปี้เซวียนนั้นพิเศษ มีผู้ฝึกตนหญิงอยู่ที่นี่ตอนนี้ไม่มากไม่น้อยไปกว่ายี่สิบคน และบวกกับความจริงที่ว่าวิชาการฝึกตนคงรูปนั้นค่อนข้างหายาก ยาคงรูปประมาณสามสิบเม็ดที่โม่เทียนเกอมีอยู่จึงถูกแก่งแย่งกันและขายหมดในชั่วพริบตา ผู้ฝึกตนหญิงสองคนถึงขนาดเริ่มสู้กันเพื่อยาเม็ดเดียวด้วยซ้ำ

 

 

“หุบปาก!” เว่ยเฮ่าหลานตะโกนใส่ผู้ฝึกตนหญิงสองคน

 

 

โม่เทียนเกอเห็นได้ว่าเว่ยเฮ่าหลานค่อนข้างเป็นที่เคารพในหมู่ศิษย์ของนาง ถึงแม้จะยังมีผู้ฝึกตนหญิงที่ระดับการฝึกตนไม่ได้ด้อยไปกว่านาง แต่พวกเขาก็ล้วนเงียบเสียงลงเมื่อได้ยินนางตะโกน

 

 

ด้วยการนิ่วหน้าเล็กน้อย เว่ยเฮ่าหลานกล่าว “สุภาพสตรีทั้งหลาย ถ้าท่านต้องการยาคงรูป แค่รอให้ศิษย์น้องเซี่ยเรียนรู้วิธีปรุงยาจากสหายนักพรตเยี่ย เมื่อถึงตอนนั้น ท่านจะแลกมันมาเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ”

 

 

นี่คือทางแก้ของต้นตอปัญหา วัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับยาคงรูปประเภทที่สามารถคงความอ่อนเยาว์ของผิวคนได้ถึงสิบปีนั้นไม่ได้หายากมากขนาดนั้น ในคุนอู๋ แม้แต่ผู้ฝึกตนการหลอมรวมพลังงานวิญญาณที่มาจากกลุ่มหรือตระกูลการฝึกตนก็สามารถซื้อหาได้ เมื่อพิจารณาว่าสภาปี้เซวียนมักจะส่งศิษย์ออกไปเพื่อหาวัตถุดิบในแต่ละปีอยู่เสมอ หากซย่าชิงเรียนรู้วิธีปรุงยานั้น นางก็จะสามารถปรุงยาได้เองหลายสิบเม็ดและแจกจ่ายให้กับพวกศิษย์ได้

 

 

คำพูดของเว่ยเฮ่าหลานทำให้ผู้ฝึกตนหญิงสองคนสงบลงได้ในที่สุด และยาก็ถูกเอาไปโดยผู้ฝึกตนหญิงอีกคนหนึ่ง

 

 

เมื่อถึงตอนท้าย สิ่งของแปลกประหลาดทุกชนิดตกอยู่ในครอบครองของโม่เทียนเกอ ของส่วนมากคือแกนปีศาจที่มีคุณสมบัติเกือบทุกชนิดและมีทุกสี โชคไม่ดีที่แกนปีศาจที่ระดับสูงที่สุดอยู่แค่ในระดับสี่เท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วสัตว์ปีศาจระดับห้าก็เทียบเท่ากับผู้ฝึกตนการก่อเกิดแก่นขุมพลัง และพวกเขาเป็นแค่ผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงานซึ่งยากสำหรับพวกเขาที่จะฆ่าสัตว์ปีศาจระดับห้าได้

 

 

เมื่อยาวิเศษขวดสุดท้ายของนางถูกแลกไป ในที่สุดพวกเขาก็แลกเปลี่ยนของทุกอย่างกันเสร็จสิ้น ขณะที่โม่เทียนเกอกำลังถอนหายใจอย่างโล่งอก ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบมาจากทางบันได ฟังดูเหมือนใครบางคนกำลังวิ่งขึ้นมาชั้นบนอย่างเร่งรีบ

 

 

เว่ยเฮ่าหลานนิ่วหน้า ดูค่อนข้างหงุดหงิดเล็กน้อย ไม่นานหลังจากนั้น ชายหนุ่มระดับการสร้างฐานแห่งพลังงานขั้นต้นในชุดคลุมสีขาวปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู

 

 

“ขออภัย” คนผู้นั้นยืนอยู่หน้าประตูพร้อมเลือดฝาดบนแก้มขาวใสของเขา “ข้ามาสาย”

 

 

โม่เทียนเกอมองคนผู้นั้นแค่ครู่เดียวแต่นางก็ต้องตกใจสุดขีดกับสิ่งที่เห็น ถึงแม้พวกเขาจะไม่เคยเจอกัน แต่นางก็จำเขาได้ มากกว่าหนึ่งปีก่อนในถ้ำเซียนของนักเดินทางจื่อเวย ผู้ฝึกตนหญิงสองคนแซ่อวิ๋นและแซ่หลิ่วได้เข้าสู่กับดักภายในม่านพลังมายาทั้งคู่ ในตอนนั้นหุ่นตัวที่ปรากฏตัวขึ้นใช้รูปลักษณ์ของผู้ฝึกตนชายชุดคลุมสีขาวคนนั้น จากที่นางจำได้ ทั้งสองคนนั้นเรียกหุ่นตัวนั้นว่า “พี่ใหญ่ถัง”

 

 

หลังจากคนผู้นั้นปรากฏตัวขึ้น ผู้ฝึกตนหญิงเกือบจะทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้นต่างมีรอยยิ้มบนใบหน้า เว่ยเฮ่าหลานเป็นคนเดียวที่สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นนางก็แค่กระแอมและพูดว่า “ศิษย์น้องถัง ทำไมเจ้ามาช้านัก สหายนักพรตเยี่ยเพิ่งจะแลกยาวิเศษทั้งหมดของนางเสร็จ”

 

 

“อ๋า” ผู้ฝึกตนชายคนนั้นตะลึง สายตาของเขามาจับอยู่ที่โม่เทียนเกอผู้ที่กำลังนั่งอยู่ข้างเว่ยเฮ่าหลาน และเขาดูเหมือนจะสับสน “ล-แลกกันเสร็จแล้ว”

 

 

“ฮึ่ม!” ครั้งนี้คนที่พูดคือหนึ่งในผู้ฝึกตนชายที่นั่งเงียบตอนก่อนหน้านี้ น้ำเสียงของเขาเย็นชาอย่างมาก “ศิษย์น้องถังนี่ช่างสบายจริง ท่านเจ้าสำนักก็พูดแล้วว่าเราต้องไม่มาสายในงานชุมนุมแลกเปลี่ยน แต่เจ้านี่เหลือเชื่อจริงๆ เลย เจ้ามาช้าไปสองชั่วโมง!”

 

 

“มีบางอย่างเกิดขึ้น” ผู้ฝึกตนชายคนนั้นเดินเข้ามาอย่างค่อนข้างน่าสงสาร แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรอื่นอีก ผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งยืนขึ้นและร้องเรียก “ศิษย์น้องถัง ข้าได้ยาวิเศษมามากจากการแลกเปลี่ยน ข้าแบ่งให้เจ้าก็ได้นะ”

 

 

ศิษย์น้องถังไม่มีโอกาสตอบเพราะผู้ฝึกตนหญิงอีกคนพูดขึ้นก่อนแล้ว “ศิษย์พี่เย่ว์ ท่านไม่ได้ได้เยอะขนาดนั้นซะหน่อย ใช่ไหม ท่านจะไม่เหลืออะไรถ้าท่านแบ่งไป!” ทันทีหลังจากนั้น นางหันไปทางศิษย์น้องถังและพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่ถัง ท่านไปทำอะไรมา ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องยาวิเศษหรอกนะ ข้าได้มาบางส่วนจากการแลกเปลี่ยน ข้าให้ท่านครึ่งหนึ่งดีไหมล่ะ”

 

 

ผู้ฝึกตนหญิงคนนั้นดูค่อนข้างอายุน้อยและนางก็ยังเรียกเขาแบบเดียวกับที่สองคนแซ่อวิ๋นและแซ่หลิ่วเรียก

 

 

ทันทีหลังจากที่นางพูดจบ ผู้ฝึกตนหญิงคนที่สามพูดขึ้น “ศิษย์น้องถัง เจ้าควรจะแลกกับข้า ถึงแม้ว่าข้าจะไม่มียาวิเศษมากพอ แต่ข้าก็ยังมีแกนปีศาจธาตุทองอีกมากมาย ข้าว่าศิษย์น้องถังน่าจะต้องการมัน”

 

 

“ศิษย์พี่หยาง!” ผู้ฝึกตนหญิงอายุน้อยเลิกคิ้วและตะโกนเรียก “ใครอยากได้แกนปีศาจของท่านกัน จุดประสงค์ของงานชุมนุมแลกเปลี่ยนของเราวันนี้ก็เพื่อให้ได้ยาวิเศษ พี่ใหญ่ถัง แลกกับข้าเถอะ เดี๋ยวเราค่อยตัดสินใจว่าจะแลกยาวิเศษอะไรกันดี”

 

 

“ฮึ่ม!” ผู้ฝึกตนหญิงคนที่สามนั้นไม่ได้มีการควบคุมอารมณ์ที่ดี พอได้ยินสิ่งที่ผู้ฝึกตนหญิงอายุน้อยพูด นางขยับมือและคว้าเอาเครื่องมือเวทรูปร่างเหมือนใบมีดพระจันทร์เสี้ยวที่ห้อยอยู่ที่เอวนางออกมาแล้วจึงกระแทกมันบนโต๊ะ “ศิษย์น้องหวา ศิษย์น้องถังสามารถตัดสินใจเองได้ว่าเขาต้องการแกนปีศาจหรือไม่ เจ้าไม่จำเป็นต้องปฏิเสธแทนเขา!”

 

 

“ศิษย์น้องหวา” คนนั้นน่าจะชินกับคนที่หุนหันพลันแล่น ดังนั้นเมื่อนางได้ยินเช่นนั้น นางจึงไม่ได้พูดอะไรแต่ดึงกระบี่บินที่แขวนอยู่ที่เอวออกมาทันที “ข้าแค่พยายามรักษาเกียรติให้เพื่อที่ท่านจะได้ไม่ต้องอับอายเวลาพี่ใหญ่ถังปฏิเสธท่าน!”

 

 

“เจ้า–”

 

 

“พอได้แล้ว!” เว่ยเฮ่าหลานตะโกนออกมาในที่สุด “เรามีแขกผู้มีเกียรติอยู่ที่นี่ เจ้าเห็นบ้างไหมว่าเจ้าทุกคนดูเป็นอย่างไรตอนนี้! พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลกับยาวิเศษสำหรับศิษย์น้องถัง เขาสามารถเอายาวิเศษที่เราแลกมาในนามของกลุ่มเราไปได้”

 

 

“ศิษย์พี่เว่ย!” ใครจะไปรู้ว่าการแทรกแซงของเว่ยเฮ่าหลานจะไม่ได้ผล ศิษย์น้องหวาไม่ต้องการยินยอมใดๆ และจ้องนางเขม็ง “ท่านกำลังใช้สถานะของท่านเพื่อความสนใจของตัวเอง! ท่านกำลังใช้ยาวิเศษของกลุ่มเพื่อช่วยเขา!”

 

 

การได้ยินคำพูดเหล่านั้นทำให้สีหน้าของเว่ยเฮ่าหลานเย็นชาขึ้นในชั่วพริบตา

 

 

ขณะนั้นเอง ศิษย์พี่หยางจู่ๆ ก็พูดขัดพวกเขาทันที “ศิษย์พี่เจ้าสำนักคือเจ้าสำนัก มีอะไรผิดกับการที่นางตัดสินใจเช่นนั้น ที่จริงนะศิษย์น้องหวา เจ้าไม่คิดว่าเจ้าใส่อารมณ์มากเกินไปหรือ เจ้าไม่ใช่คู่ฝึกตนร่วมสัมพันธ์ของศิษย์น้องถัง เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำตัวเช่นนี้!”

 

 

ศิษย์น้องหวาหมดความอดทนในทันใด “ท่านก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดว่ามันใช่สิทธิ์ของข้าหรือไม่! นั่นเป็นสิ่งที่พี่ใหญ่ถังต้องตัดสินใจ!”

 

 

“ถูกต้อง! นี่ต้องให้ศิษย์น้องถังตัดสินใจ! ศิษย์น้องหวา เจ้าเป็นคนก้าวร้าวแต่เจ้ายังอยากให้ศิษย์น้องถังชอบเจ้าน่ะหรือ ตื่นเสียที มันเปล่าประโยชน์!”

 

 

“…”

 

 

โม่เทียนเกอกำลังดูฉากเบื้องหน้าทั้งหมดอย่างเงียบๆ ตอนแรกนางคิดว่าผู้ฝึกตนหญิงของสภาปี้เซวียนดีกว่าพวกผู้หญิงข้างนอกมาก ผู้หญิงที่มักจะสู้กันเพื่อให้ได้ความรักจากผู้ชายและชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเพื่อโอ้อวด แต่ดูเหมือนว่า… ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับตัวบุคคล สิ่งที่นางเห็นวันนี้เปิดโลกทัศน์ของนางอย่างแท้จริง มีผู้หญิงที่แข่งขันกันเพื่อแย่งผู้ชายจนถึงขั้นนี้จริงๆ เห็นได้ชัดว่านอกจากผู้หญิงสวยแล้ว ผู้ชายรูปงามก็เป็นต้นเหตุของหายนะเช่นกัน

 

 

ด้วยความคิดเช่นนั้นในใจ โม่เทียนเกอเหลือบมองผู้ฝึกตนชายชุดขาวอีกครั้ง อืม ใบหน้าของเขาหล่อเอาการ อย่างไรก็ตาม สีหน้างี่เง่าและงุนงงของเขา… มีส่วนไหนในนั้นที่สามารถเทียบได้กับการวางตัวของฉินซีได้บ้าง นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมผู้ฝึกตนหญิงพวกนี้ถึงชอบเขา สำหรับผู้ฝึกตนชายไม่ใช่แค่หล่อแล้วจะเพียงพอ อารมณ์และการวางตัวของพวกเขาก็ยิ่งสำคัญกว่า ดูอย่างฉินซีเป็นตัวอย่าง เขาไม่ได้หล่อมากจนน่าตกใจ แต่กิริยาท่าทางของเขาสง่างาม โดดเด่น และพิเศษ เขาดีกว่าศิษย์น้องถังคนนี้ตั้งหลายเท่า…

 

 

“หุบปาก!”

 

 

เสียงตะโกนของเว่ยเฮ่าหลานทำให้โม่เทียนเกอตกใจจนจิตใจที่ล่องลอยไปของนางถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริง แต่เมื่อนางรู้ตัวว่านางเพิ่งคิดถึงอะไร โม่เทียนเกอที่รู้สึกรำคาญอย่างมากจึงสงบจิตสงบใจของนางทันทีและหยุดคิดถึงเรื่องไร้สาระต่างๆ

 

 

เห็นได้ชัดว่าเว่ยเฮ่าหลานโกรธจัด นางกวาดสายตามองผู้ฝึกตนหลายคนที่อยู่ตรงหน้านางอย่างเย็นชา สีหน้าของนางมืดหม่น “เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่! ถ้าเจ้ายังเห็นว่าข้าเป็นเจ้าสำนักของเจ้าก็หุบปากไปซะ!”

 

 

“ท่าน…” ศิษย์น้องหวาดูเหมือนนางยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อรู้ตัวว่าเว่ยเฮ่าหลานไม่ได้พูดเล่น สุดท้ายนางจึงหยุดพูดอย่างเสียไม่ได้และกลับลงไปนั่งในที่ของตัวเอง

 

 

เว่ยเฮ่าหลานหันไปทางศิษย์น้องถัง สายตาของนางยังคงเย็นชา “ศิษย์น้องถัง ในเมื่อเจ้ามาสาย เจ้าจะไม่ได้ยาวิเศษ”

 

 

“ขอรับ…” ศิษย์น้องถังตอบอย่างผิดหวัง

 

 

โม่เทียนเกอคิดอยู่ในใจ ถึงแม้เว่ยเฮ่าหลานจะไม่ได้เหลือยาอะไรไว้ให้เขา แต่ก็ยังมีคนอื่นที่ยินดีจะแลกกับเขา จริงไหม สิ่งนี้น่าจะไม่มีผลกับศิษย์น้องถังผู้โด่งดัง

 

 

“งั้นก็เท่านี้” สีหน้าเว่ยเฮ่าหลานอ่อนลง “ต่อไปเจ้าสามารถแลกเปลี่ยนกันเองได้”

 

 

หลังจากนางพูดเช่นนั้น บรรยากาศผ่อนคลายลงในที่สุด ผู้ฝึกตนมากกว่ายี่สิบคนต่างเริ่มกระซิบกระซาบพูดคุยกัน

 

 

เว่ยเฮ่าหลานหันมาหาโม่เทียนเกอแล้วจึงพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา “กลุ่มของข้าไม่มีวินัยมากพอ ขออภัยที่ปล่อยให้สหายนักพรตเยี่ยต้องมาเห็นภาพเช่นนั้น”

 

 

โม่เทียนเกอเผยรอยยิ้มน้อยๆ เพราะนางไม่ได้ถือสาอะไรนัก “ท่านเจ้าสำนักเว่ยไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าเห็นเรื่องแบบนี้มาค่อนข้างบ่อยในคุนอู๋ ไม่เป็นไรหรอก”

 

 

“จริงหรือ” เว่ยเฮ่าหลานดูไม่ค่อยอยากคุยนักในวันนี้ “ตอนนี้เมื่อพวกเขามีเวลาว่างแลกเปลี่ยนกัน ข้าจะไม่รบกวนเวลาของสหายนักพรตเยี่ยมากไปกว่านี้ เชิญท่านตามสบาย ข้ายังมีบางสิ่งต้องจัดการ ดังนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน”

 

 

โม่เทียนเกอพยักหน้า “ตกลง เชิญท่านเจ้าสำนักเว่ย”

 

 

เว่ยเฮ่าหลานยิ้มจากนั้นจึงยืนขึ้นและออกไปอย่างเร่งรีบ

 

 

เมื่อเว่ยเฮ่าหลานออกไป ใครบางคนเข้ามาหาโม่เทียนเกอทันที นั่นคือศิษย์น้องหวา “สหายนักพรตเยี่ย!”

 

 

โม่เทียนเกอไม่ชอบผู้หญิงคนนี้เพราะนางเห็นแล้วว่าผู้หญิงคนนี้เจ้ากี้เจ้าการมากแค่ไหนตอนก่อนหน้านี้ ดังนั้นตอนนี้สีหน้าของนางจึงเรียบเฉย “สหายนักพรต มีปัญหาอะไรรึ”

 

 

ดวงตาศิษย์น้องหวาเหลือบไปมา ดูเหมือนจะกำลังสังเกตว่ามีคนอื่นมองมาทางพวกเขาหรือเปล่า จากนั้นนางถามด้วยเสียงกระซิบ “สหายนักพรตเยี่ยยังมียาวิเศษมากกว่านี้แน่ ใช่ไหม เอาเป็นว่าข้าเพิ่มของบางอย่างและแลกกับสหายนักพรตอีกครั้งดีไหม หากสหายนักพรตหยุดแลกกับคนอื่น ข้าเสนอแกนปีศาจให้ท่านได้สองเท่าเลยด้วยซ้ำ”

 

 

โม่เทียนเกอขมวดคิ้วแต่ไม่ได้ให้คำตอบ

 

 

พอเห็นว่าโม่เทียนเกอไม่ได้ตอบ ศิษย์น้องหวาจึงพูดอีก “สหายนักพรตเยี่ย ข้าเป็นศิษย์ผู้น้อยที่มีสายเลือดเดียวกับผู้อาวุโสชิงเมี่ยวของกลุ่มเรา ถ้าท่านตกลงยอมแลกกับข้า ข้าจะพูดถึงท่านดีๆ ให้บรรพบุรุษของข้าฟัง เมื่อบรรพบุรุษข้าเจอท่านทีหลัง บางทีนางอาจจะพอใจและให้รางวัลท่านด้วยของดีๆ!”

 

 

ตอนแรกโม่เทียนเกอไม่ได้สนใจกับคำขอของนาง แต่หลังจากได้ยินเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่ต้องหัวเราะอยู่ในใจ ถ้านางเป็นผู้ฝึกตนเดี่ยว บางทีนางอาจจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสได้สนิทสนมกับผู้ฝึกตนระดับการก่อเกิดแก่นขุมพลังหลุดลอยไป แต่อย่างไรก็ตาม นางจำได้ว่านางบอกพวกเขาไปแล้วว่านางเป็นศิษย์ของโรงเรียนเสวียนชิงและนางถูกท่านอาจารย์สั่งให้ออกจากภูเขาและออกเดินทางท่องเที่ยว ศิษย์หัวกะทิของโรงเรียนเสวียนชิงจำเป็นต้องประจบประแจงผู้ฝึกตนการก่อเกิดแก่นขุมพลังจากกลุ่มการฝึกตนเล็กๆ อย่างสภาปี้เซวียนด้วยงั้นหรือ

 

 

ดูเหมือนศิษย์น้องหวาจะมีคนหนุนหลัง นางจึงไม่รู้ว่าท้องฟ้าสูงแค่ไหนและโลกหนาขนาดไหน ไม่ต้องพูดถึงทรัพย์สินของโม่เทียนเกอที่ไม่ด้อยไปกว่าพวกผู้ฝึกตนการก่อเกิดแก่นขุมพลังเลยสักนิดเดียว แต่ความเชี่ยวชาญของนางในศาสตร์แห่งการปรุงยาก็สามารถทำให้นางผลิตยาวิเศษได้มากกว่าสิบขวดในคราวเดียว อาจจะเป็นผู้อาวุโสของสภาปี้เซวียนมากกว่าที่อยากจะสนิทสนมกับโม่เทียนเกอแทน

 

 

“สหายนักพรตเยี่ย!” เพราะโม่เทียนเกอยังไม่ได้ตอบ ศิษย์น้องหวาเลิกคิ้วขึ้นและพูดอย่างรำคาญ “ข้ายินดีจะให้แกนปีศาจท่านมากกว่าเดิม ท่านไม่ควรต้องให้บีบบังคับก่อนยินยอม!”

 

 

โม่เทียนเกอแค่เหลือบมองนางอย่างเฉยเมย ดูราวกับว่านางไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของนางอย่างจริงจังเลยแม้แต่น้อย “สหายนักพรตคิดมากเกินไป ข้าพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่าข้ามียาวิเศษมาแค่นั้น ต่อให้ท่านอยากจะแลกกับข้า ข้าก็เปลี่ยนความจริงที่ว่าไม่มียาเหลืออยู่แล้วไม่ได้หรอก”

 

 

“ท่าน–” ศิษย์น้องหวาโกรธจัดและไม่เชื่อที่โม่เทียนเกอพูดอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานหลังจากนั้น นางรู้สึกไม่เต็มใจและพูดอย่างข่มขู่ “คิดดูให้ดีๆ!”

 

 

น้ำเสียงของโม่เทียนเกอยังคงแผ่วเบา “ข้าไม่มีเหลือแล้วจริงๆ ถึงแม้ข้าอยากแลก ข้าก็ไม่มีอะไรจะแลกกับท่าน” นางไม่กังวลกับหญิงสาวดื้อด้านคนนี้เลยแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้นางยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่ตอนนี้นางพอจะมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในของสภาปี้เซวียนแล้ว นางรู้ว่าการมีความรู้เรื่องการปรุงยาจะกำจัดความกังวลใดๆ ก็ตามที่ว่าสภาปี้เซวียนจะไม่รักษาสัญญา อีกอย่าง เว่ยเฮ่าหลานก็ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของแม่นางคนใหญ่คนโตนี้อย่างจริงจัง แล้วจะมีอะไรให้ต้องกลัว