ทุกคนที่กำลังนั่งฟังต่างก็หันไปมองหน้ากันและในที่สุดหลิงลี่ก็พูดขึ้นว่า “เหล่ากุ่ย.. เจ้าพูดออกมาเดี๋ยวนี้ว่าหลิงห่าวไปทำอะไรไว้”
เหล่ากุ่ยรีบเล่าทันที“หลิงห่าวจ่ายเงินจำนวนสองร้อยล้านให้กับองค์กรนักฆ่า แต่เงินจำนวนนี้เป็นเพียงแค่เงินมัดจำสี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่หลิงห่าวไม่มีเงินมากพอ เขาจึงได้ไปยืมเย่เทียนสุ่ย และรับปากว่าจะให้เย่เทียนสุ่ยแต่งงานกับคุณหนูใหญ่..”
“เจ้าหลานชั่วช้าเจ้าหลานอกตัญญู นี่มันจะทำให้ชายชราอย่างข้าโมโหจนตายหรือยังไงกัน”
หลิงลี่ได้ฟังคำบอกเล่าของเหล่ากุ่ยก็ถึงกับลุกพรวดขึ้นจากโซฟา และร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขานั้นแดงก่ำ และริมฝีปากก็สั่นระริก..
สีหน้าของหลิงเสี่ยวกับหลิงเย่วเองก็เปลี่ยนไปทันทีทีเช่นกัน..
ตระกูลหลิงกำลังตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายเช่นนั้นพวกเขาทั้งคู่จะยังสามารถนิ่งสงบต่อไปได้อย่างไรกันเล่า
แต่หลิงหยุนกลับยังคงนั่งนิ่งและสีหน้ายังคงเรียบเฉย อย่างน้อยวันนี้เขาก็ได้รู้จักคนตระกูลเย่มาหนึ่งคนแล้ว.. ซึ่งก็คือเย่เทียนสุ่ย!
หลิงหยุนหันไปสั่งเหล่ากุ่ยทันที“เหล่ากุ่ย.. ไปจัดการสังหารจ้าวผิงทิ้งซะ! อย่าปล่อยให้มันเอาเรื่องนี้ไปแพร่งพรายข้างนอกได้..”
เหล่ากุ่ยน้อมรับคำสั่งทันที“ขอรับนายน้อย!”
การสังหารจ้าวผิงนั้นไม่จำเป็นต้องถึงมือหลิงหยุนและเพียงแค่เหล่ากุ่ยลงมือเองก็นับว่ามากพอแล้ว..
“พวกเจ้าดูสิ!เหตุใดตระกูลหลิงจึงมีปีศาจเช่นนี้อยู่ในตระกูลได้”
ร่างของหลิงลี่สั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธและเวลานี้ความรักที่เคยมีให้หลิงห่าวนั้น กลับมลายหายไปในทันที!
ส่วนหลิงเสี่ยวกับหลิงเย่วนั้นได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา..
หลิงหยุนจึงรีบเตือนหลิงลี่ว่า“ท่านปู่.. หลิงห่าวก็ตายไปแล้ว ท่านปู่อย่าได้โมโหโทโสไปเลย..”
หลังจากนั้น..หลิงหยุนก็ได้ร่ำลาทุกคน และเตรียมตัวที่จะออกจากบ้านของหลิงลี่ แต่หลิงลี่ก็ได้สั่งว่า
“หลิงหยุน..อย่าเพิ่งฆ่าจ้าวผิง! เจ้าไปสอบถามมันให้ละเอียดก่อนว่า ยังมีเรื่องชั่วช้าอะไรที่หลิงห่าวทำลงไปอีกบ้าง”
…….
เวลานี้หลิงหย่งนั่งอยู่ที่สวนหน้าบ้านเขาไม่ได้หลับได้นอนตลอดทั้งคืน และดวงตาทั้งสองข้างก็ยังคงแดงก่ำ และกำลังฝึกฝนเพลงดาบอย่างเอาเป็นเอาตาย..
หลังจากที่ออกมาจากบ้านของหลิงลี่แล้วหลิงหยุนก็ใช้วิชาเงาลวงตา และเพียงแค่พริบตาเดียวก็ไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหลิงหย่งที่กำลังฟันคมดาบลงมา!
เมื่อเห็นร่างที่พุ่งเข้ามาอยู่หน้าปลายดาบของตนเองเช่นนั้นหลิงหย่งก็ถึงกับตกใจ และรีบชะงักมือไว้ทันที และเวลานี้คมดาบก็อยู่ห่างจากจมูกของหลิงหยุนไปเพียงแค่ครึ่งนิ้วเท่านั้น
หลิงหยุนที่อยู่ใต้คมดาบของหลิงหย่งจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง“พี่หลิงหย่ง.. หากเจ้าต้องการแก้แค้นให้หลิงห่าว ก็ฟันข้าได้เลย ข้าจะไม่หลบดาบของเจ้า..”
เคร้ง..
แต่หลิงหย่งกลับขว้างดาบทองคำดำลงกับพื้นและยืนตกใจอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะรีบถอยหลังไปสามก้าวทำการโค้งคำนับให้หลิงหยุน พร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“หลิงหย่งคาราะวะผู้นำตระกูล!”
หลิงหยุนรีบพุ่งเข้าไปห้ามหลิงหย่งและพูดยิ้มๆ “พี่หลิงหย่ง.. เจ้าเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกับข้า เหตุใดยังต้องเรียกข้าว่าผู้นำตระกูลด้วยเล่า ต่อไปห้ามเจ้าเรียกข้าเช่นนี้อีก พวกเราจะใช้คำเรียกพี่ชายน้องชายเช่นเดิม..”
หลิงหย่งยังคงตกตะลึง“แต่.. แต่..”
หลิงหยุนจึงยิ้มพร้อมกับย้ำหนักแน่นว่า“ไม่มีแต่.. ทำตามที่ข้าบอก..”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็พาหลิงหย่งไปหาที่นั่งคุยกัน“พี่หลิงหย่ง.. เมื่อครู่เหตุใดท่านจึงไม่ฟันข้าล่ะ”
หลิงหย่งนั้นตอบหลิงหยุนกลับไปโดยไม่ต้องคิด“เหตุใดข้าต้องฟันเจ้าด้วยเล่า หลิงห่าวเป็นบ้า แต่ข้าไม่ได้บ้านี่นา!”
“น้องสี่..เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงความรู้สึกของข้าหรอก ขอบอกตามตรงหากข้าเป็นเจ้า และหลิงห่าวทำกับข้าเช่นนั้น ต่อให้เขาเป็นพี่ชายของข้า ข้าก็จะฆ่าเขาก่อนเช่นกัน!”
“ที่ข้าเสียใจก็เพราะพวกเราสองคนมีแม่คนเดียวกันหนำซ้ำแม่ของเราทั้งคู่ก็ยังตายตั้งแต่พวกเราสองคนอายุยังน้อย ที่ข้าร้องไห้เสียใจก็ด้วยความรักอย่างพี่น้องเท่านั้น..”
หลิงหยุนได้ฟังก็รู้ได้ทันทีว่าหลิงหย่งนั้นเป็นคนมีนิสัยตรงไปตรงมาอย่างมาก หนึ่งก็คือหนึ่ง สองก็คือสอง ความถูกต้องกับความรู้สึกจึงแยกจากกันได้อย่างชัดเจน!
ถูกก็คือถูกและผิดก็คือผิด.. คนเช่นหลิงหย่งนั้นไม่มีทางที่จะสร้างปัญหาให้กับหลิงหยุนในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน!
“พี่หลิงหย่ง..ในเมื่อเจ้าไม่ฟันข้าตอนนี้ วันข้างหน้าจะมาฟันข้าไม่ได้แล้วนะ! แล้วก็ห้ามโกรธแค้นข้าอยู่ในใจด้วยเช่นกัน!”
หลิงหย่งตอบกลับไปยิ้มๆ“ต่อให้ข้าแค้นเคืองเจ้าแล้วยังไง เจ้าคิดว่าข้าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้งั้นรึ?”
สองพี่น้องหันไปมองหน้ากันพร้อมกับยิ้มให้กันแต่แล้วจู่ๆ หลิงหยุนก็กระโดดไปกลางสนาม และหยิบดาบทองดำขึ้นมาแล้วร้องตะโกนว่า
“พี่หลิงหย่ง..ระวัง!”
แล้วทั้งคู่ก็ประมือกันตามประสาพี่น้อง..
…..
หลังจากประมือกันพอหอมปากหอมคอแล้วหลิงหยุนจึงบอกกับหลิงหย่งว่า “ข้าจะไปสอบถามจ้าวผิงเกี่ยวกับเรื่องของหลิงห่าวเพิ่ม! หลังจากนั้นจึงค่อยสังหารมันทิ้ง..”
เมื่อได้ยินว่าจะสังหารจ้าวผิงสีหน้าของหลิงหย่งก็เปลี่ยนเป็นโกรธขึ้นมาทันที เขาร้องถามออกไปว่า “จับตัวมันได้แล้วงั้นรึ”
หลิงหยุนพยักหน้า“ใช่แล้ว.. เหล่ากุ่ยได้ส่งคนไปจับตัวมันมาเมื่อคืนนี้!”
“ข้าจะสังหารมันด้วยตัวข้าเอง!”
หลิงหย่งคว้าดาบทองคำดำจากมือของหลิงหยุนไปร่างของหลิงหย่งก็ปรากฏรังสีสังหารที่รุนแรงขึ้น และปรี่ตรงไปที่สวนด้านหลังทันที
จ้าวผิงนั้นเป็นชายร่างสูงที่ดูธรรมดามากและไม่โดดเด่น ไม่ว่าไปแห่งหนใดก็ไม่เป็นที่สังเกตหรือจับตาของผู้คน
เวลานี้..จ้าวผิงถูกจับมัดมือมัดเท้าไว้ และกำลังนั่งขดตัวอยู่มุมหนึ่งในสวนชั้นที่แปด สภาพของมันไม่ต่างจากคนที่ตายแล้วเลยแม้แต่น้อย
จ้าวผิงนั้นรู้มานานแล้วว่าแผนการของหลิงห่าวล้มเหลวเขาจึงหาข้ออ้างลาออก และหลบไปหาที่ซ่อนตัว และรีบหนีไปจากหลิงห่าว..
แต่ในคืนที่หลิงห่าวถูกสังหารตายนั้นเหล่ากุ่ยก็ได้นำคนออกตามหา และจับเขากลับมาตระกูลหลิงได้ภายในคืนเดียวกันนั้นเลย
จ้าวผิงเองก็รู้ตัวดีว่าตนเองนั้นล่วงรู้ความลับของหลิงห่าวมากมายและเมื่อเกิดเรื่องกับหลิงห่าวเช่นนี้ จ้าวผิงจึงรู้ตัวว่าตนเองก็ยากที่จะมีชีวิตรอดต่อไปได้
ในยุทธภพก็เป็นเช่นนี้..บ่าวที่ติดตามนาย หากเกิดเรื่องขึ้นกับนายตัวเอง แน่นอนว่าบ่าวที่ติดตามก็ยากที่จะมีจุดจบที่ดีไปได้!
ทั้งหลิงหยุนและหลิงหย่งต่างก็นั่งฟังจ้าวผิงเล่าถึงแผนการของหลิงห่าวที่ต้องการลอบสังหารหลิงหยุนทั้งหมด หลังจากฟังจนจบใบหน้าของหลิงหย่งก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธ
และที่หลิงหย่งโกรธมากที่สุดก็คือ..การที่หลิงห่าวไปรับปากกับเย่เทียนสุ่ยว่าจะให้หลิงซิ่วแต่งงานด้วย!
“หลิงห่าว..เจ้าคนชั่วช้า! คนอย่างเจ้าสมควรตายแล้วจริงๆ!”
แม่ของหลิงห่าวกับหลิงหย่งนั้นเสียไปตั้งแต่ที่พวกเขาอายุยังน้อยแม้ว่าหลิงซิ่วจะเป็นลูกพี่ลูกน้อง แต่ทั้งหมดก็ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน ทั้งคู่จึงค่อนข้างสนิทสนมกันมากกว่าพี่น้องคนอื่น เรียกได้ว่าหรับหลิงหย่งนั้น นอกจากพ่อของเขาแล้ว คนที่เขาสนิทสนมด้วยมากที่สุดก็คือหลิงซิ่ว..
การที่หลิงห่าวทำเช่นนี้มีหรือที่หลิงหย่งจะไม่โกรธ!
“จะว่าไปแล้ว..ส่วนหนึ่งก็มาจากข้าด้วย หากทุกวันข้าไม่เรียกหลิงห่าวว่า ‘ว่าที่ผู้นำตระกูล’ มาตลอดแล้วล่ะก็ หลิงห่าวก็อาจจะไม่หลงผิดมากมายถึงขนาดนี้!”
หลิงหย่งยกดาบทองคำดำในมือขึ้นพร้อมกับร้องตะโกนว่า“เจ้าตายไปพร้อมกับหลิงห่าวก็แล้วกัน!”
ดาบทองคำดำในมือของหลิงหย่งฟันเข้าที่ลำคอของจ้าวผิงจนขาดกระเด็นร่วงหล่นลงพื้นทันทีและเลือดก็ไหลพุ่งกระฉูดออกมาอย่างมากมาย
และตั้งแต่มาถึงหลิงหยุนก็ยังไม่ได้พูดอะไรกับจ้าวผิงแม้แต่คำเดียวเพราะไม่จำเป็น!
หลิงหย่งสังหารจ้าวผิงแล้วก็ปล่อยให้เลือดที่ดาบหยดจนสะอาด แล้วจึงสั่งบ่าวตระกูลหลิงว่า “จัดการนำร่างของมันออกไปทิ้ง!”
หลังจากที่ศพของจ้าวผิงถูกนำออกไปแล้วหลิงหยุนจึงหันไปตบบ่าหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“น้องชาย..ข้าเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเจ้าจึงพาข้ามาพบจ้าวผิง เจ้าบอกกับท่านปู่และท่านลุงทั้งสองได้เลย.. ขอให้ทุกคนอย่าได้เป็นห่วง ข้าไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นเจ้าเลยแม้แต่น้อย!”
“ส่วนท่านพ่อนั้น..เวลานี้เขาคงจะเจ็บปวดกับเรื่องของหลิงห่าวอยู่มาก ข้าคงยังไม่สามารถพูดอะไรได้กับท่านพ่อได้ในตอนนี้!”. novel-lucky
หลิงหย่งเป็นลูกชายของหลิงเจิ้นเขาย่อมรู้จักนิสัยใจคอ และอารมณ์ของหลิงเจิ้นดีกว่าใครๆ จึงได้พูดออกมาตามตรง..
หลิงหยุนหันไปพูดกับหลิงหย่งว่า“พี่หลิงหย่ง.. พี่คงจะรู้แล้วว่าหลิงห่าวได้ถูกขับออกจากตระกูลหลิงแล้ว และชื่อของเขาก็ได้ถูกลบออกจากบันทึกตระกูลหลิงด้วย แต่ถึงแม้เจ้าจะสูญเสียพี่ชายร่วมสายเลือดไป แต่เจ้าก็ได้น้องชายเช่นข้ามาแทน..”
“ในวันข้างหน้า..เจ้าก็คือพี่ชายคนโตของข้า!”
สองพี่น้องยืนอยู่ในสวนต่างฝ่ายต่างก็ตบบ่ากันและยิ้มให้กันอย่างจริงใจ
หลิงลี่หลิงเสี่ยว และหลิงเย่วที่แอบฟังบทสนทนาของสองพี่น้องอยู่ ก็ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ นั่นเพราะหลิงห่าวนั้นสามารถเข้าใจเหตุและผลได้ดี ตระกูลหลิงจึงไม่ต้องจมอยู่กับความโกลาหลวุ่นวาย และในที่สุดพายุที่ถาโถมมาก็เริ่มสงบนิ่ง..
…….
หลังจากที่จ้าวผิงถูกหลิงหย่งฆ่าตายแล้วความบาดหมางระหว่างหลิงหยุนกับหลิงห่าวก็เป็นอันจบสิ้นจริงๆเสียที..
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้พาหลิงหยุนไปยังคุกใต้ดินตระกูลหลิงซึ่งเป็นที่คุมขังซือกงถูกับลูกชาย – ซือกงวู่จี๋..
ในเมื่อหลิงห่าวตายไปแล้วหลิงเจิ้นก็ไม่ได้เป็นผู้นำตระกูลหลิงอีกต่อไป เรื่องภายในคุุกใต้ดินตระกูลหลิงจึงไม่จำเป็นต้องปิดเป็นความลับอีกต่อไป..
หลิงหยุนจำเป็นต้องให้หลิงหย่งและสมาชิกตระกูลหลิงคนอื่นๆเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ และเวลานี้สมาชิกตระกูลหลิงก็ล้วนแล้วแต่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียนแล้ว หลิงหยุนจำเป็นต้องทำให้คนเหล่านี้เติบโตขึ้นให้เร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เวลานี้เขาคือผู้นำตระกูลหลิงและเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูล และหากสมาชิกตระกูลหลิงรักใคร่กลมเกลียวกันดั่งเชือกฟั่นได้ ตระกูลหลิงก็จะสามารถรุ่งเรือง และกลับมาผงาดได้อย่างรวดเร็ว และยากที่ผู้ใดจะหยุดยั้งได้!
เมื่อหลิงหยุนพาหลิงหย่งมาถึงคุกใต้ดินเขาก็ชี้ให้หลิงหย่งดูการทรมานซือกงถูและลูกชาย หลิงหย่งเห็นสภาพสองพ่อลูกที่ถูกทรมานด้วยความสยดสยอง ประกอบกับเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ทำให้หลิงหยุนนึกดีใจแทนหลิงห่าว เพราะนับว่าเป็นความโชคดีเขาแล้วที่ได้รับโทษทัณฑ์ที่ปราณีมากจากหลิงหยุน..
หลิงหยุนพูดกับซือกงถูด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก“ซือกงถู.. ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่า เจ้านำความเจ็บปวดมาสู่ครอบครัวของข้า ข้าจะสนองคืนกลับให้เจ้ากับลูกชายมากกว่าที่ครอบครัวของข้าได้รับนับพันเท่า!”
“พวกเจ้าจะต้องได้รับการทรมานไปอย่างช้าๆ!”
จากนั้นหลิงหยุนกับหลิงหย่งก็เดินออกจากคุกใต้ดินโดยไม่สนใจที่หันกลับไปมองอีกเลยและหลิงหยุนก็ไม่คิดที่จะพาหลิงหย่งไปห้องที่ขังเฉินเซินกับไห่ซาน เพราะทั้งคู่นั้นเป็นเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณในสายตาของหลิงหยุนเท่านั้น..
……
เวลาเที่ยงตรง..เหล่าทายาทรุ่นเล็กของตระกูลหลิงก็มารวมตัวกันอยู่ที่สนามเล็กๆ หน้าบ้านของหลิงลี่ และต่างก็รายล้อมหลิงลี่พร้อมกับยื่นของขวัญให้กับชายชรา และคำพูดของหลานๆ ก็ทำให้ชายชราอย่างหลิงลี่รู้สึกซาบซึ่งใจยิ่งนัก
และทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นด้วยการนำของพี่สาวคนโตอย่างหลิงซิ่ว..นางต้องการให้บรรยากาศภายในบ้านตระกูลหลิงนั้นครึกครื้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และต้องการให้ทุกคนต่างก็มีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นโดยเร็ว..
หลิงหยุนเองก็มาร่วมด้วยเช่นกัน..เขามองหลิงซิ่วด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ เขารู้ดีว่าหลิงซิ่วทำเช่นนี้เพื่อน้องชายที่เพิ่งได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลิง ซึ่งก็คือตัวเขาเอง!
เมื่อหลิงซิ่วดูเหมือนจะพอมีเวลาว่างแล้วหลิงหยุนจึงร้องบอกนางผ่านกระแสจิต –พี่หลิงซิ่ว.. ขอบคุณเจ้ามาก!-
หลิงซิ่วฟังแล้วก็ได้แต่หันไปมองหลิงหยุนและตอบกลับไปว่า –เจ้าเด็กดื้อ.. พวกเราเป็นพี่น้องกันยังจะต้องขอบคุณอะไรอีก!”
หลิงหยุนจึงได้แต่ยิ้มให้หลิงซิ่ว..
ทางด้านหลิงเย่วก็พูดขึ้นมาว่า“ท่านพ่อ.. บ่ายนี้ข้าได้ให้คนไปจัดการทำความสะอาดสุสานตระกูลหลิงแล้ว”
และตามธรรมเนียมหลังจากกราบไหว้บรรพบุรุษในวันที่กรกฎาคมแล้ว วันที่ ก็จะไปเก็บกวาดทำความสะอาดสุสานเป็นประจำทุกปี
หลิงลี่ถามถึงหลิงเจิ้นหลิงเย่วจึงตอบกลับไปอย่างกระอักกระอ่วนใจ “พี่ใหญ่บอกว่าเดี๋ยวจะมา!”
หลิงลี่ถอนหายใจเล็กน้อย“เอาล่ะ.. รอให้หลิงเจิ้นมาก่อนแล้วพวกเราค่อยไปกราบไหว้บรรพชนที่สุสาน!”
และไม่นาน..หลิงเจิ้นก็มาถึงบ้านตระกูลหลิง หลังจากนั้นทุกคนต่างก็ขึ้นรถมุ่งหน้าไปยังสุสานตระกูลหลิง ซึ่งเป็นสุสานที่มีชื่อเสียงของประเทศนี้ และอยู่ใกล้กับทิศตะวันตกของถนนวงแหวนที่ห้า
และการปรากฏตัวของหลิงหยุนพร้อมกับสมาชิกตระกูลหลิงทั้งหมดนั้นก็เป็นการประกาศต่อบุคคลภายนอกว่า หลิงหยุนได้กลับเข้าตระกูลหลิงอย่างเป็นทางการแล้ว!
ในที่สุดหลิงหยุนก็มาพร้อมกับคนตระกูลหลิงและมันก็ปรากฏอย่างเปิดเผยและสิ่งแรกที่เขาปรากฏต่อสาธารณะคือการกวาดตระกูลหลิง!
และในที่สุดก็ได้เวลาที่พายุกำลังจะเริ่มขึ้น!