ตอนที่ 631 ทางอ้อม

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 631

ทางอ้อม

“นี่มัน เรื่องอะไรกัน”องค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรซานเดินออกมาที่หน้าวังหลวงด้วยท่าทีประหลาดใจหลังจากได้รับข่าวจากทหารของตนเองว่ามีคนจำนวนมากมาคุกเข่าที่หน้าวัง ปกติแล้วหากมีคนมานั่งคุกเข่าหน้าวังจำนวนมากขนาดนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องได้รับความสนใจต่อให้เป็นคนธรรมดาก็ตาม แต่… คนที่มาคุกเข่าอยู่หน้าวังในครั้งนี้คือคนจากสำนักหมู่ดาวซึ่งเป็นสำนักอันดับ 5 ของอาณาจักร รวมทั้งยังเป็นสำนักที่รับงานของราชสำนักโดยตรงอีกด้วย

“เมื่อวานเกิดเรื่องขึ้นขอรับ ดูเหมือนเจ้าสำนักของสำนักหมู่ดาวจะถูกลอบสังหาร”องครักษ์ของจักรพรรดิตอบด้วยท่าทีกังวล แม้การฆ่ากันจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แต่ตำแหน่งเจ้าสำนักถูกสังหารนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะนอกจากตำแหน่งเจ้าสำนักแล้วคนเหล่านี้ยังมีอีกตำแหน่งหนึ่งพ่วงมาด้วยนั่นคือกำลังรบของอาณาจักร การเสียเจ้าสำนักที่เป็นระดับยอดฝีมือไปเท่ากับว่าเสียกองทัพไปกองทัพหนึ่งเลยก็ว่าได้

“ไม่ใช่แค่นั้นนะขอรับ ดูเหมือนเมื่อหลายเดือนก่อนเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายก็พึ่งโดนสังหารไป คนเหล่านี้ก็เลยมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับสำนักตนเองขอรับ”องครักษ์อีกคนหนึ่งตอบพลางมองไปทางคนของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเก่าที่โดนขับไล่ออกมา สำนักเหยี่ยวทะเลทรายเองก็รับงานของราชสำนักด้วยเช่นกัน ทำให้คนในวังคุ้นตาคนของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายที่โดนไล่ออกมาแล้วพวกนี้อยู่บ้าง และเรื่องที่เจ้าสำนักของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายพึ่งเปลี่ยนตัวไปก็เป็นที่รู้กันทั่วเพราะการรับศิษย์หญิงของหลินเฟย ทำให้ข่าวลือแปลกๆสามารถก่อตัวได้ไวมาก

“ฝ่าบาท พวกเรารอท่านอยู่”ทันทีที่เห็นว่าองค์จักรพรรดิทรงเสด็จออกมาจากวังแล้ว ซ่งหลุนก็รีบคลานเข่าเข้าไปหาจักรพรรดิทันที

“เจ้า….ซ่งหลุนสินะ”องค์จักรพรรดิพูดด้วยท่าทีประหลาดใจ ซ่งหลุนแต่เดิมเป็นรองเจ้าสำนักของสำนักเหยี่ยวทะเลทราย คอยประสานงานให้สำนักกับราชสำนักทำให้พอคุ้นตาบ้าง แต่ยามนี้มันกลับอยู่ในเครื่องแบบของสำนักหมู่ดาวเลยรู้สึกแปลกตาไม่น้อย

“ขอรับองค์จักรพรรดิ ความไม่เป็นธรรมครั้งนี้ท่านต้องจัดการให้พวกเรานะขอรับ”ซ่งหลุนอ้อนวอนองค์จักรพรรดิด้วยใบหน้าเศร้าหมอง แต่เดิมมันวางแผนจะใช้เจ้าสำนักหมู่ดาวเพื่อจัดการหลินเฟยชิงสำนักคืนมา ไม่นึกเลยว่าหลินเฟยจะใช้เพียงฝ่ามือเดียวจัดการเจ้าสำนักหมู่ดาวได้ ยามนี้มันไม่ทราบจะกำราบหลินเฟยด้วยกำลังได้อย่างไรแล้ว สุดท้ายเลยมาขอร้ององค์จักรพรรดิให้ช่วยเหลือ

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะทวงความเป็นธรรมคืนแก่เจ้าเอง ข้าจะเรียกตัวเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายมาสอบสวน หากผิดจริงข้าจะตัดสินโทษมันอย่างถูกต้อง”องค์จักรพรรดิเห็นใบหน้าเศร้าหมองของเหล่าศิษย์สำนักหมู่ดาวและอดีตศิษย์ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายแล้วก็อดปวดใจไม่ได้ เพียงแต่ตนเองไม่ทราบความจริงจะให้ตัดสินโทษเลยก็ไม่ได้ สุดท้ายองค์จักรพรรดิก็ตัดสินใจเรียกหลินเฟยมาขึ้นศาลเพื่อตัดสินความผิด

“ขอบพระคุณฝ่าบาท”ซ่งหลุนยิ้มกว้างด้วยท่าทียินดี หลินเฟยแม้จะเป็นยอดฝีมือแต่อย่างไรก็ต้องเคารพกฎหมายบ้านเมืองไม่อย่างนั้นก็ต้องโดนบีบออกจากสังคมอยู่ดี ขอเพียงซ่งหลุนใช้เส้นสายภายในวังเสียหน่อยทำให้หลินเฟยเป็นผู้กระทำผิดจนต้องติดคุกหรือโดนประหารยามนั้นสำนักเหยี่ยวทะเลทรายก็จะไร้ผู้นำเช่นกัน หากเรื่องราวเป็นไปได้สวยซ่งหลุนผู้นี้ก็จะยึดตำแหน่งเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายคืนแล้วสานสัมพันธ์กับสำนักหมู่ดาวเสีย

.

.

“อาจารย์ แย่แล้วขอรับ”เมื่อเป็นคำสั่งโดยตรงจากองค์จักรพรรดิ จดหมายเรียกตัวหลินเฟยก็ไปถึงสำนักเหยี่ยวทะเลทรายแทบจะในวันเดียวกัน ทำเอาฟงเป่าที่ได้รับข่าวรีบเข้าไปหาหลินเฟยเป็นคนแรกเลยทีเดียว

“ศิษย์พี่ ท่านมีเรื่องอะไรรีบร้อนงั้นหรือ”อาทู้ที่กำลังฝึกฝนพลังวิญญาณของตนขึ้นมาใหม่ร่วมกับพวกหนี่หลิงหนานและเซี่ยจินเย่ถามด้วยท่าทีประหลาดใจ อยู่ๆฟงเป่าก็วิ่งเข้ามาทำเอาพวกนางชะงักการฝึกไปจนหมดเลย

“มีจดหมายมาจากราชสำนักขอรับ มันบอกว่าให้อาจารย์ขึ้นศาล”ฟงเป่าตอบด้วยท่าทีกังวล สำหรับบุตรชายของพ่อค้าธรรมดาแล้วการถูกเรียกตัวไปขึ้นศาลนั้นเป็นเรื่องน่าตระหนกมากจริงๆ

“อะไรนะ”เหล่าสาวๆเองก็มีท่าทีตกใจเช่นเดียวกัน เพียงแต่หลินเฟยนั้นกลับไม่ได้มีท่าทีตกใจเลยแม้แต่น้อย มันยังคงนั่งนิ่งพลางยกแก้วชาขึ้นมาดื่มช้าๆด้วยท่าทีสบายใจ

“เร็วกว่าที่คิดนิดหน่อย แต่พวกมันก็มาแบบนี้จริงๆสินะ”หลินเฟยวางแก้วชาลงก่อนจะลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ไม่แปลกเลยในสำนักหมู่ดาวไม่มีใครระดับฝีมือสูงไปกว่าเจ้าสำนักแล้ว คนที่กล้าปะทะกับหลินเฟยคงไม่มีอีกแล้ว พวกมันจึงต้องหันไปพึ่งทางอื่นแทน เพียงแต่ไม่คิดว่าจะใช้เวลาแค่วันเดียว แสดงว่าคนของสำนักหมู่ดาวเองก็มีเส้นสายไม่น้อยเลยสินะ

“พวกเจ้าแต่งตัวให้เรียบร้อย ต่อหน้าขุนนางห้ามทำตัวเสียมารยาทเข้าใจหรือไม่”หลินเฟยตักเตือนพลางมองเอผ้าของศิษย์ตนเอง โชคดีที่วันนี้พวกหนี่หลิงหนาน เซี่ยจินเย่ และอาทู้ เพียงฝึกฝนพลังวิญญาณกันเท่านั้นเพราะอาทู้พึ่งโดนทำลายวรยุทธไป การฟื้นฟูพลังวิญญาณจึงสำคัญกับนางมาก นอกจากนี้พลังของนางยังเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ยิ่งฟื้นฟูพลังได้ไวเท่าไหร่นางก็ยิ่งรักษาอาการบาดเจ็บจากการโดนทำลายวรยุทธได้เร็วเท่านั้น

“ขะ ขอรับ……”ทันทีที่พูดเรื่องการแต่งตัว สามสาวก็หันไปมองฟงเป่าเป็นตาเดียว ตอนนี้ฟงเป่าอยู่ในชุดฝึกเก่าเพราะพึ่งออกไปช่วยอาวุโสฝึกฝนเหล่าศิษย์น้องที่เข้ามาในหน่วยล่าอสูรทำให้ตอนนี้ฟงเป่าสภาพดูไม่ได้เอาเสียเลย แต่พวกสาวๆเองก็คิดว่าชุดฝึกเช่นนี้คงไม่เหมาะพวกนางเลยไปเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบของสำนักเช่นเดียวกัน

“หลินเฟย เจ้ามาแล้วงั้นหรือ”เมื่อเดินทางมายังศาลของอาณาจักรซานที่ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองหลวง ผู้ที่ยืนรอหลินเฟยอยู่นั้นกลับเป็นชายหนุ่มที่พวกหนี่หลิงหนานไม่คุ้นหน้าเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ด้านหลังของชายคนนั้นกลับมีผู้คุ้มกันหลายคน เกรงว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตไม่น้อย

“องค์รัชทายาท ท่านเสด็จมาเองเช่นนี้เลยหรือขอรับ”หลินเฟยถามด้วยท่าทีประหลาดใจ เพราะคาดเดาไว้แล้วว่าอาจจะเป็นเช่นนี้หลินเฟยเลยส่งจดหมายไปหาจิ๋นจี้หลงเอาไว้ก่อน เพราะถึงอย่างไรท่านก็เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ท่านย่อมช่วยหลินเฟยได้แน่ แต่ไม่คิดเลยว่าคนที่มารอหลินเฟยจะเป็นองค์รัชทายาท

“ข้ายังไม่ได้ใช้หนี้เจ้านี่นา แล้วก็……ข้าอยากขอโทษเรื่องเสียมารยาทเมื่อตอนนั้นด้วย”องค์รัชทายาทตอบพลางกระแอมกระไอออกมาด้วยท่าทีขัดๆ เรื่องน่าอายที่ท่านว่าคงเป็นเรื่องชวนหลินเฟยมาเป็นมเหสีอย่างแน่นอน

“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องคิดมาหรอกขอรับ”หลินเฟยยิ้มเจื่อนๆออกมาพอคิดถึงเรื่องนั้นแล้วก็อดปวดหัวไม่ได้ทุกที หรือหลินเฟยควรเขียนป้ายห้อยคอเอาไว้ดีว่าตนเป็นชายไม่ใช่สตรี

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้อีกฝ่ายกล่าวหาว่าเจ้าเป็นผู้ร้ายสังหารเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายคนก่อน และยังสังหารเจ้าสำนักหมู่ดาวอีกด้วย เจ้าทำจริงๆงั้นหรือ”องค์รัชทายาทถามด้วยท่าทีสงสัย มันไม่ได้ทราบฝีมือของหลินเฟย เพียงได้ยินมาว่าหลินเฟยเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเท่านั้น เรื่องมันสังหารเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายคนก่อนตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งก็พึ่งจะเคยได้ฟังนี่เอง

“จริงขอรับ”หลินเฟยตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก็ตนลงมือทำไปจริงๆนี่นา

“จริงงั้นหรือ แล้วทำไมถึงทำแบบนั้นกัน”องค์รัชทายาทถามด้วยท่าทีตกใจอย่างหมาก ไม่นึกเลยว่าหลินเฟยผู้นี้จะสังหารเจ้าสำนักไปถึงสองคน แต่ที่ตกใจไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นแต่เป็นเรื่องที่ว่าหลินเฟยมีพลังฝีมือมากพอจะสังหารเจ้าสำนักที่เป็นถึงระดับยอดฝีมือได้ต่างหาก เรื่องนั้นแม้แต่เจี่ยหุนแม่ทัพที่ได้ชื่อว่าเก่งกาจที่สุดในอาณาจักรยังทำไม่ได้เลยนะ

“เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายคนก่อนพยายามสังหารข้า เจ้าสำนักหมู่ดาวพยายามสังหารศิษย์ของข้า เท่านั้นไม่เพียงพอหรอกหรือ”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีนิ่งเฉย กฎหมายของอาณาจักรซานนั้นยังไม่มีโทษเกี่ยวกับการสังหารคนที่ชัดเจน หากสังหารด้วยเหตุผลที่มากพออย่างการป้องกันตัวหรือปกป้องผู้อื่นอีกฝ่ายก็จะได้รับโทษที่เบามากหรืออาจจะไม่ได้รับโทษอะไรเลย

.

.

“ซ่งหลุน เจ้าแน่ใจนะว่าแบบนี้จะได้ผล”รองเจ้าสำนักของสำนักหมู่ดาวถามด้วยท่าทีกังวล ซ่งหลุนร้องเรียนองค์จักรพรรดิเรียกร้องให้มีการตัดสินคดีความของหลินเฟย และทำการซื้อตัวขุนนางผู้ตัดสินด้วยจำนวนเงินมหาศาล เรียกได้ว่าใช้เงินจำนวนมากจนการซ่อมแซมกำแพงที่หลินเฟยทำลายไปเป็นเรื่องเกินงบเลยทีเดียว แต่หากขับไล่หลินเฟยออกไปได้งานเกือบทั้งหมดของเมืองหลวงก็จะอยู่กับสำนักหมู่ดาว เพราะสำนักอันดับ 2 อย่างสำนักวิญญาณกระบี่กับสำนักอันดับ 1 อย่างสำนักวิถีเซียนนั้นไม่ได้รับงานนอกทำแต่อย่างไร

“แน่นอน เจ้าหลินเฟยนั่นถึงจะมีฝีมือ แต่ก็เป็นเพียงคนบ้านนอกมาจากไหนก็ไม่รู้ พวกเรามีเส้นสายขนาดนี้มันไม่มีทางทำอะไรได้หรอก”ซ่งหลุนตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ ผู้ตัดสินคดีคราวนี้เป็นคนที่มันค้าขายมาเนิ่นนาน เรียกได้ว่าเป็นขุนนางที่ช่วยให้สำนักเหยี่ยวทะเลทรายเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เจ้าสำนักหลายรุ่นก่อนเลยทีเดียว แถมเรื่องทั้งหมดยังเกิดในสำนัก ซ่งหลุนเลยเตรียมคนของสำนักเล่าเรื่องราวให้ตรงกันเอาไว้หมดแล้ว คราวนี้ต่อให้หลินเฟยและศิษย์ของมันยืนยันจนคอเหือดแห้งก็ไม่มีทางพลิกคดีได้

“เปิดศาล” ทันทีที่หลินเฟยเข้ามาในศาล เหล่าขุนนางผู้รับหน้าที่ตัดสินคดีก็เดินเข้ามาในบัลลังก์ผู้พิพากษา คดีคราวนี้องค์จักรพรรดิเรียกสอบด้วยตนเองทำให้ขุนนางที่เข้าร่วมมีจำนวนมาก แถมยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับกำลังคนของอาณาจักรจึงไม่แปลกเลยที่จิ๋นจี้หลง และ เจี่ยหุนจะมาเข้าร่วมฟังการตัดสิน แต่ถึงอย่างนั้นรองเจ้าสำนักหมู่ดาวก็รู้สึกคุ้นตากับชายที่เดินเข้ามาในศาลพร้อมกับหลินเฟยอยู่ไม่น้อย

เมื่อเริ่มดำเนินการสืบสวน ฝั่งสำนักหมู่ดาวส่งทั้งอาวุโส และศิษย์ในสำนักกว่า 30 ปากขึ้นให้การ พวกมันเตรียมตัวมาก่อนแล้วทุกคนเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนกันหมดแถมยังสอดคล้องกันเป็นอย่างดีจนเรื่องราวแทบจะเป็นการที่หลินเฟยเข้าอาละวาดในสำนักเสียด้วยซ้ำ แถมยังทำให้หลินเฟยเหมือนโจรที่เข้ามาชิงตำแหน่งเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเอาไว้ในครอบครองอีกต่างหาก ไม่ว่าใครมาฟังก็ต้องเชื่อแน่ๆว่าหลินเฟยเป็นผู้ร้าย แต่ในทางตรงกันข้ามหลินเฟยเพียงอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามตรงโดยไม่สนใจว่าใครจะเชื่อหรือไม่ ไม่แต่งเติมไม่โน้มน้าวใจเลยแม้แต่น้อย เพราะแบบนั้นซ่งหลุนเลยยิ้มแก้มแทบปริเพราะหลินเฟยดูเสียเปรียบอย่างมาก บางทีโทษอาจจะถึงขั้นประหารเลยก็ว่าได้

“คำตัดสินออกมาแล้ว”หลังจากฟังความทั้งสองฝ่ายมาตลอดทั้งวันและประชุมหารือกันจนมืดค่ำ ในที่สุดผู้พิพากษาก็ได้รับคำตัดสินสำหรับเรื่องที่หลินเฟยกระทำลงไปเสียที

“หลินเฟย เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายคนปัจจุบันมีความผิด มีโทษหนักศาลขอตัดสินให้สำนักเหยี่ยวทะเลทรายถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมงานวิจารณ์กระบี่ในปีนี้ และจะไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากราชสำนักตลอดทั้งปีเช่นกัน”คำตัดสินแรกของศาลทำให้ซ่งหลุนเหงื่อตกไม่น้อย มันกะจะไปยึดสำนักเหยี่ยวทะเลทรายคืน โดนลงโทษเช่นนี้การงานคงสะดุดไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีงานนอกให้รับอยู่คงไม่เป็นอะไร

“โทษต่อไป เนื่องจากเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายสังหารกำลังสำคัญของอาณาจักรไปถึง 2 คน เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายจะต้องตอบรับคำขอความช่วยเหลือของอาณาจักรโดยไร้ข้อกังขาเป็นจำนวน 3 ครั้ง จบการพิจารณา”ได้ยินคำตัดสิน ทั้งซ่งหลุนทั้งรองเจ้าสำนักหมู่ดาวต่างก็มองหน้ากันด้วยท่าทีงุนงง หมดแล้วงั้นหรือ นอกจากโทษลดเงินสนับสนุนแล้วก็แทบไม่มีอะไรเสียหายเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้น

“ต่อไป…..เป็นการตัดสินโทษของสำนักหมู่ดาว”พอได้ยินผู้พิพากษาพูดเช่นนั้นคนของสำนักหมู่ดาวก็สะดุ้งตัวตั้งทันที โทษอะไรกัน นี่มันการตัดสินโทษของหลินเฟยเท่านั้นไม่ใช่หรือไง