ตอนที่ 632 ตัดสินโทษ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 632

ตัดสินโทษ

“ข้อหาแรก ซ่งหลุน อาวุโสแห่งสำนักหมู่ดาว เจ้าติดสินบนผู้พิพากษามีโทษจำคุก 5 ปี”ทันทีที่บอกข้อหาแรก ซ่งหลุนก็เบิกตากว้างทันที ข้อหาติดสินบนอะไรกัน สมัยก่อนตอนที่สำนักเหยี่ยวทะเลทรายให้มันมารับงานในวังหลวงก็ให้สินบนกันตลอดเป็นเรื่องปกติ แล้วทำไมการติดสินบนรอบนี้ถึงมีโทษได้

“ข้อที่ 2 เจ้าให้การเท็จ พยายามปรักปรำหลินเฟยเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเพื่อหวังให้อีกฝ่ายได้รับโทษต้องจำคุกอีก 3 ปี”ยิ่งได้ยินโทษของตัวเองอีกข้อ ซ่งหลุนก็ยิ่งกัดฟันกรอดด้วยท่าทีเจ็บใจ เนื้อหาคำให้การของพวกตนนั้นผู้พิพากษาเองก็ทราบก่อนให้การแล้วด้วยซ้ำ แล้วพึ่งมาบอกว่าให้การเท็จเนี่ยนะ

“ข้อที่ 3 เจ้าพยายามหลอกลวงเบื้องสูง พยายามให้องค์จักรพรรดิเข้าข้างคนผิด โทษจำคุก 30 ปี”ยิ่งพูดโทษของซ่งหลุนก็ยิ่งมาก แม้จะเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเวลาหลายสิบปีไม่ใช่จะทนไม่ได้ แต่หากต้องอยู่ในคุกไร้อิสระไปตั้ง 37 ปีมีหวังสิ่งที่เคยทำมาได้เสียเปล่าหมดแน่ เพียงแต่โทษของซ่งหลุนไม่ได้จบเพียงเท่านี้ ซ่งหลุนยังโดนโทษหนักไปอีกหลายกระทงจนซ่งหลุนต้องถูกตำคุกร่วมเกือบ 100 ปี แม้จะเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณแต่เวลาขนาดนี้ทำอะไรได้มากมายมากกว่าติดคุกแน่ๆ

.

.

“นี่มันอะไรกัน”รองเจ้าสำนักหมู่ดาวเองก็มีท่าทีไม่เข้าใจเช่นกัน นอกจากซ่งหลุนแล้วคนที่โดนโทษหนักที่สุดก็คือรองเจ้าสำนักหมู่ดาวคนนี้นี่เอง นอกจากข้อหาบางข้อตัวรองเจ้าสำนักหมู่ดาวเองก็โดนแทบไม่ต่างจากซ่งหลุนทำให้โดนโทษจำคุกไปกว่า 80 ปี รวมถึงเหล่าผู้ให้การทั้งหมดนั่นหมายถึงอาวุโสและศิษย์เอกในห้องประชุมวันนั้นหลายสิบคน ทุกคนต่างโดนโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 20 ปีเลย

“ไม่จริง การตัดสินครั้งนี้ไม่เป็นธรรม”ซ่งหลุนกำหมัดแน่นพลางมองไปทางหลินเฟยด้วยท่าทีโกรธจัด หรือว่าเจ้าหลินเฟยมันจะติดสินบนผู้พิพากษาเหมือนกัน มิน่าล่ะมันถึงให้การโดยไม่สนว่าจะได้เปรียบหรือเปล่าเลย

“ผิดแล้ว ข้าเฝ้าดูการตัดสินครั้งนี้มาตลอด ข้าเห็นว่าการตัดสินครั้งนี้ถูกต้องแล้ว”ผู้ที่เอ่ยปากขัดซ่งหลุนคือองค์จักรพรรดิซานนั่นเอง เมื่อทราบว่าแท้จริงแล้วเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายที่พวกซ่งหลุนพยายามเอาผิดคือหมอที่รักษาชีวิตตนเองเอาไว้ องค์จักรพรรดิก็ส่งคนไปพาตัวผู้รู้เห็นเหตุการณ์มาทันที แม้จะมีเวลาแค่คืนเดียวแต่เพราะผู้ถามคือองค์จักรพรรดิ ศิษย์ที่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้นเข้าก็ตอบออกมาตามตรง ทำให้องค์จักรพรรดิได้ทราบว่าซ่งหลุนพยายามหลอกใช้งานตนเอง และนั่นก็ทำให้องค์จักรพรรดิมีโทสะเป็นอย่างมาก ทำให้โทษส่วนใหญ่เป็นโทษสำหรับคนหมิ่นจักรพรรดินั่นเอง

“ทหาร จับตัวผู้กระทำผิดไปลงโทษ”เมื่อเห็นซ่งหลุนเถียงไม่ออกผู้พิพากษาก็เรียกให้ทหารมาจับตัวคนของสำนักหมู่ดาวไปทันที นอกจากโทษจำคุกยังยังมีบทลงโทษอย่างการโบยและใช้เครื่องทรมานอยู่ด้วย เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้แล้วถึงจะจับพวกมันเข้าห้องขัง แน่นอนว่าภายในห้องขังสำหรับผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณนั้นเป็นพื้นที่พิเศษที่มีชีพจรวิญญาณไหลเวียนน้อยมาก หรือก็คือเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะกับการฝึกฝนเลย เรียกได้ว่าต่อให้มีเวลาว่างเป็นสิบๆปีก็ไม่อาจใช้เวลานั้นฝึกฝนพลังวิญญาณได้ เชื่อได้เลยว่าพอออกมาจากคุกแล้วเด็กรุ่นใหม่จะต้องล้ำหน้ากว่าตนเองไปมาก

“ไม่…ข้าไม่ยอม”ซ่งหลุนปล่อยพลังวิญญาณออกมาพลางจ้องมองไปทางหลินเฟยด้วยท่าทางโกรธสุดขีด มันลงแรงกับสำนักเหยี่ยวทะเลทรายไปตั้งมาก รวมถึงแผนชิงสำนักเหยี่ยวทะเลทรายกลับมาด้วย มันไม่ยอมให้เรื่องจบเท่านี้แน่ๆ

“ตายซะไอ้ชาติชั่ว”ซ่งหลุนใช้กำลังทั้งหมดสะบัดทหารที่เข้ามาจับตัวเอาไว้ก่อนจะพุ่งตรงมาทางหลินเฟยทันที เพียงแต่ผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆหลินเฟยคือองค์รัชทายาททำให้เหล่าองครักษ์รีบตรงเข้ามาขวางทันที

“อัก…..”ยังไม่ทันเข้าไปหาหลินเฟย อยู่ๆร่างของซ่งหลุนก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างกระแทกทำเอาร่างของมันล้มลงนอนกับพื้นสลบเหมือนในพริบตา

“เมื่อครู่ข้าปกป้ององค์รัชทายาทเอาไว้ โทษช่วยเหลือ 3 ครั้งของข้าเหลือ 2 ครั้งแล้วสินะ”หลินเฟยว่าพลางมองไปทางองค์รัชทายาท เมื่อครู่มันใช้ฝ่ามือบังคับหกปักษาเล่นงานซ่งหลุนนั่นเอง

“ไม่ได้ๆ ซ่งหลุนตั้งใจโจมตีเจ้าชัดๆเมื่อครู่ถือว่าเจ้าปกป้องตนเองเท่านั้นไม่เกี่ยวกับข้า”องค์รัชทายาทส่ายหน้าพลางมองสภาพของซ่งหลุนด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อ คนที่สามารถล้มยอดฝีมือได้อย่างง่ายดายและสามารถจัดการคนที่เคยเป็นรองเจ้าสำนักได้โดยไม่ต้องเข้าใกล้เสียด้วยซ้ำ รางวัลช่วยเหลือ 3 ครั้งที่ราชสำนักได้มาจากการช่วยเหลือหลินเฟยครั้งนี้ไม่มีทางปล่อยให้หายไปเพราะเรื่องนี้แน่ๆ

“หลินเฟย องค์จักรพรรดิอยากจะพูดคุยกับเจ้าหน่อย มาทางนี้สิ”จิ๋นจี้หลงเดินเข้ามาหาหลินเฟยก่อนจะชวนหลินเฟยไปหาองค์จักรพรรดิด้วยกัน

“ขอรับ ข้าทราบแล้ว”หลินเฟยตอบพลางหันไปบอกพวกฟงเป่าว่าให้กลับไปรอที่สำนักเสีย ตอนนี้หลินเฟยต้องไปขอบคุณองค์จักรพรรดิที่ช่วยเหลือตามมารยาทเสียหน่อย

.

.

“ไม่อยากจะเชื่อเลย พวกสำนักหมู่ดาวโดนโทษหนักกันแบบนี้มีหวังสำนักได้ล่มแน่ๆ”หนี่หลิงหนานพูดด้วยท่าทีสบายๆขณะกำลังเดินออกมาจากศาลของเมืองหลวงอาณาจักรซาน เพราะต้องร่ายยาวโทษของคนที่สำนักหมู่ดาวนำมาให้การเท็จทำให้กว่าพวกฟงเป่าจะออกมาจากศาลก็เป็นเวลาเช้าแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการตัดสินยาวหนึ่งวันเต็มเลยก็ว่าได้

“นั่นสิ อาวุโสส่วนใหญ่ก็โดนขังคุกหมด สำนักที่ไม่มีเจ้าสำนัก ไม่มีรองเจ้าสำนัก ไม่มีอาวุโสแบบนี้คงได้แต่ยุบตัวลงละนะ”อาทู้ตอบพลางมองกลับไปที่ศาล ตนเองเป็นศิษย์สำนักหมู่ดาวมาก่อนย่อมรู้จักอาวุโสต่างๆดีว่ามีใครบ้าง คราวนี้ที่สำนักคงเหลืออาวุโสแค่ 2 คน ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพยุงสำนักไปได้อีกนานเท่าไหร่

แน่นอนว่าสิ่งที่อาทู้พูดออกมานั้นก็เป็นสิ่งที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ในใจ หากสำนักหมู่ดาวล้มลง งานในเมืองหลวงส่วนใหญ่ก็คงตกมาที่สำนักเหยี่ยวทะเลทรายเป็นแน่ แบบนั้นเรื่องโดนลงโทษไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากราชสำนักก็หมดห่วง ขอเพียงขยันทำงานหาเงินเข้าสำนักเรื่องยาช่วยฝึกฝนและการบำรุงรักษาสำนักก็คงไม่มีปัญหาอะไร

“พวกเจ้า ท่านเจ้าสำนักจะกลับมาหรือยัง”พวกฟงเป่าเดินมาถึงสำนักยังไม่ทันเข้าไปในเขตฝึกฝนของตนเองผานซูรองเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายก็เดินเข้ามาหาพร้อมถามถึงหลินเฟยทันที

“อาจารย์ยังอยู่คุยกับฝ่าบาทอยู่ขอรับ อีกสักพักก็คงกลับมาแล้ว”ฟงเป่าตอบด้วยตามตรง ดูเหมือนผานซูจะไม่มีท่าทีสนใจเรื่องผลตัดสินเลย คงเพราะทรายอยู่แล้วว่าหลินเฟยมีแผนรับมือเอาไว้แล้ว

“งั้นหรือ พอดีมีแขกท่านหนึ่งมาพบท่านเจ้าสำนัก ถ้าพวกเจ้าพบท่านเจ้าสำนักแล้วก็บอกให้ท่านไปที่ห้องประชุมเลยนะ”ผานซูฝากฟงเป่าและพวกสาวๆก่อนจะรีบเดินกลับไปที่ห้องประชุมทันทีเล่นเอาพวกฟงเป่าได้แต่มองหน้ากันงงๆ แขกท่านนี้เป็นใครงั้นหรือผานซูถึงได้รีบร้อนขนาดนี้

“เดี๋ยวอาจารย์ก็กลับมาแล้ว พวกเราไปฝึกฝนกันต่อดีหรือไม่ขอรับ”ฟงเป่าเห็นผานซูเดินลับตาไปแล้วก็หันไปถามสามสาวที่ตามตนเองมา ตอนนี้อาทู้ยังต้องเพิ่มพลังวิญญาณของตนอีกทำให้ทั้งสามสาวตกลงกันว่าเข้าไปฝึกฝนพลังวิญญาณต่อถือเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุด แม้สำนักของตนจะไม่ได้เข้าร่วมงานวิจารณ์กระบี่ในปีนี้ แต่ปีถัดไปพวกฟงเป่าจะต้องเข้าร่วมการประลองในฐานะศิษย์เอกของเจ้าสำนักแน่ๆ

ตุบ….

พวกฟงเป่าเมื่อเริ่มฝึกฝนพลังวิญญาณทั้งสี่ก็หลับตาเข้าสมาธิกันอย่างสงบปล่อยให้พลังวิญญาณในร่างโคจรไปเรื่อยๆทำให้ทั้ง 4 กับอีก 1 ตนไม่ได้สังเกตเลยว่าที่ด้านหลังปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาพวกตน

“………”ร่างของหญิงสาวนางหนึ่งเดินเข้าไปใกล้พวกฟงเป่าด้วยท่าทีสนอกสนใจ แม้นางจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้แล้วพวกฟงเป่าก็ยังไม่รู้ตัวเลยราวกับนางเป็นอากาศธาตุ แม้แต่หมิงมิ่งที่ไม่ได้ร่วมฝึกฝนพลังวิญญาณไปด้วยก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีหญิงสาวคนนี้ยืนอยู่ด้านหลังฟงเป่า

“ธาตุศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ”อยู่ๆเสียงของหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังฟงเป่าก็ดังขึ้นทำเอาทั้ง 4 คนสะดุ้งโหยงเพราะเสียงที่ดังออกมานั้นใกล้มากๆ แม้พวกตนจะเพ่งสมาธิฝึกฝนแต่การปล่อยคนอื่นเข้ามาใกล้ขนาดนี้มันเป็นเรื่องไม่ควรเกิดขึ้นไม่ใช่หรือไง

“จะ….เจ้าเป็นใคร” ทั้ง 4 คนถอยออกห่างหญิงสาวคนนั้นในทันที ทำเอาหญิงสาวที่ยืนอยู่มีท่าทีงุนงงเล็กน้อย

“ข้า….ข้าชื่อไป๋ชิวซุยเจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยใบหน้าน่ารักน่าชัง พอมองใบหน้าของชิวซุยดีๆทั้ง 4 ก็แทบไม่ต้องถามอะไรอีกแล้ว ชิวซุยผู้นี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับอาจารย์แน่ๆไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

“ท่านไป๋ชิวซุย ท่านคือแขกที่ท่านรองผานซูพูดถึงหรือขอรับ”ฟงเป่าถามพลางมองไปทางชิวซุยนิ่ง ใบหน้าของนางเหมือนอาจารย์ราวกับแกะ จะต่างกันก็เพียงอารมณ์ที่สื่อออกมาเท่านั้น

“แฮะๆ…ข้ามาเยี่ยมพี่ชายนะสิ พวกพี่เป็นศิษย์ของพี่ชายข้างั้นหรือ”ชิวซุยถามพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็น คราวก่อนหลินเฟยยังไม่ได้รับศิษย์เลย แต่พอมาครั้งนี้พี่ชายของนางกลับมีศิษย์ถึง 4 คนแล้วนับว่าเหนือความคาดหมายของชิวซุยมาก นึกว่าพี่ชายของนางจะรับศิษย์แค่คนหรือสองคนเสียอีก

“ใช่…ขอรับ”ฟงเป่าตอบพลางมองไปทางชิวซุยนิ่ง นางเรียกพวกตนว่าพี่ แต่ก็น่าจะถูกแล้วนางดูอายุพอๆกับเซี่ยจินเย่เท่านั้นซึ่งหมายความว่านางอายุน้อยกว่าหนี่หลิงหนานและอาทู้อย่างแน่นอน

“ท่านเป็นน้องสาวของอาจารย์หลินเฟยหรือเจ้าคะ”หนี่หลิงหนานถามพลางด้วยท่าทีสงสัย นางบอกว่าชื่อ ไป๋ชิวซุย แต่อาจารย์บอกเสมอว่าตนชื่อหลินเฟยไม่เคยมีคำว่าไป๋นำหน้าทำให้พวกนางเข้าใจไปว่าท่านมาจากตระกูลหลินเป็นแน่

“เจ้าค่ะ ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆของท่านพี่เลย”ชิวซุยตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเดิม เท่านี้พวกฟงเป่าก็รู้แล้วว่าชิวซุยคือน้องสาวของหลินเฟย

“อาจารย์อา ศิษย์ขอคารวะเจ้าค่ะ”แม้จะอายุเยอะกว่า แต่อีกฝ่ายเป็นน้องสาวของอาจารย์พวกหนี่หลิงหนานก็ต้องให้ความเคารพไม่ต่างจากอาจารย์ ทำให้ทั้ง 4 รีบคุกเข่าคารวะชิวซุยทันที

“อาจารย์อา ท่านมาหาอาจารย์มีเรื่องสำคัญหรือเปล่าเจ้าคะ หากเป็นเรื่องสำคัญข้าจะไปแจ้งท่านให้ทันที”หนี่หลิงหนานถามเพราะการมีน้องสาวมาหาถึงที่สำนักนั้นอาจจะมีเรื่องอะไรสำคัญกับหลินเฟยมากก็ได้

“เปล่าหรอก ข้าแค่จะมาอวยพรวันเกิดให้ท่านพี่เท่านั้นเอง”ชิวซุยตอบด้วยรอยยิ้มน่ารักน่าชังเช่นเดิม หลินเฟยแยกมาอยู่คนเดียวมีแต่งานรัดตัวคงลืมไปแล้วว่าอีกไม่กี่วันก็เป็นวันเกิดของตนเองแล้วแท้ๆ

“วันเกิดหรือเจ้าคะ”อาทู้ได้ยินเช่นนั้นก็ถามด้วยท่าทีอยากรู้ทันที พวกตนไม่ค่อยทราบเรื่องที่เกี่ยวกับหลินเฟยเลย แม้แต่เรื่องน้องสาวก็พึ่งจะเคยได้ยินนี่ล่ะ

“ใช่ อีก 3 วันจะเป็นวันเกิดของท่านพี่แล้ว ข้าเลยมาอวยพรแล้วก็เอาของขวัญมาให้”ชิวซุยพยักหน้าช้าๆพร้อมตอบคำถามของพวกนาง อีก 3 วันเองงั้นหรือโชคดีจริงๆที่ชิวซุยมาไม่อย่างนั้นพวกนางคงไม่ทราบว่าอีก 3 วันเป็นวันเกิดของหลินเฟย

“จะว่าไป อาจารย์เนี่ยอายุเท่าไหร่เหรอ”เซี่ยจินเย่เลิกคิ้วพลางหันไปถามฟงเป่า แต่น่าเสียดายฟงเป่าเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน สุดท้ายเป้าหมายของคำถามนี้ก็ตกที่ชิวซุยแทน

“ปีนี้ท่านพี่ก็อายุ 19 แล้วไวจริงๆเลยนะ”ได้ยินคำตอบของชิวซุย ทั้ง 4 รวมทั้งหมิงมิ่งที่อยู่ในเสื้อของฟงเป่าก็พากันสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ พวกมันเข้าใจว่าหลินเฟยอายุมากแล้วเสียอีก เพราะผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งจะแก่ตัวช้ามากเลยไม่แปลกที่จะมีคนที่อายุเป็นร้อยปีแต่ใบหน้ายังเหมือนวัยรุ่นอยู่

“อาจารย์……อ่อนกว่าข้าอีกงั้นเหรอ”อาทู้ได้ฟังเช่นนั้นก็อ้าปากค้างทันที ปีนี้นางอายุ 20 แล้วนั่นหมายความว่าอาทู้แก่กว่าหลินเฟยปีนึง ความจริงในข้อนี้ทำเอานางอดอึ้งไม่ได้จริงๆ คนแบบไหนกันถึงได้มีพลังฝีมือขนาดนั้นด้วยอายุเท่านี้