ตอนที่ 213 เอาชนะ

รักเล่ห์เร้นใจ

ภายในห้องใต้ดินที่มืดมิด อินเสี่ยวเสี่ยวฟื้นคืนสติจากการสะกดจิต แต่กลับพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่เธอไม่รู้จัก พอเธอคุ้นเคยกับความมืดก็มองสำรวจไปโดยรอบ ที่นี่เป็นห้องที่ไม่กว้างนักแต่ก็ไม่แคบเล็กเช่นกัน รอบข้างเป็นประตูปิดสนิทและผนังล้อมรอบ ผนังด้านหลังมีเพียงหน้าต่างเล็กๆ บานหนึ่ง แต่ก็เล็กมาก ทั้งไม่มีแสงลอดเข้ามาเลยด้วย

 

 

ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้? เนื่องจากอินเสี่ยวเสี่ยวถูกสะกดจิต จึงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมด ตอนนี้ เธอสงสัยมาก ทั้งรู้สึกเคว้งคว้างและอับจนหนทาง

 

 

แต่ในตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน อินเสี่ยวเสี่ยวลุกขึ้นเดินไปที่ประตู หมุนลูกบิดประตู แต่ก็เหมือนที่เธอคิดไว้ ประตูล็อคอยู่เปิดไม่ออก

 

 

ดูท่าว่ามีคนจับตัวเธอมา แล้วขังเธอไว้ที่นี่

 

 

อินเสี่ยวเสี่ยวไม่รู้ว่าใครจับเธอมาขังไว้ที่นี่ จึงได้แต่ทุบประตูอย่างแรง เสียงดัง “ปังๆ ” พร้อมกับร้องตะโกนว่า “มีคนอยู่ไหม? ปล่อยฉันออกไปนะ! มีคนอยู่ไหม! ปล่อยฉันออกไปนะ…”

 

 

อินเสี่ยวเสี่ยวร้องเรียกอยู่ครู่หนึ่ง พลันด้านนอกประตูมีเสียงฝีเท้าดังมา จากนั้นก็มีคนใช้กุญแจเปิดประตูจากด้านนอก

 

 

ประตูถูกผลักเปิดออก คนที่เข้ามาเปิดไฟในห้อง เพียงชั่วครู่ทั้งห้องก็สว่างไสว อินเสี่ยวเสี่ยวเห็นว่ามีชายชาวต่างชาติตัวอ้วนๆ ยืนอยู่ที่หน้าประตู

 

 

“คุณเป็นใคร? คุณเป็นคนจับฉันมาที่นี่งั้นเหรอ?” อินเสี่ยวเสี่ยวนิ่งอึ้งไปวูบ แล้วถามอย่างระวังตัว

 

 

“จะเป็นผมได้อย่างไร ผมจะทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้กับเด็กผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณได้อย่างไรกัน” มาร์ตินปฏิเสธ พลางมองสำรวจอินเสี่ยวเสี่ยวตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

 

คนรถของอี้อวิ๋นฉังมีธุระออกไปข้างนอก ตอนนี้ยังไม่กลับเข้ามา เขาได้ยินเสียงร้องเรียกของผู้หญิงที่ถูกขังในห้องใต้ดินนี้ จึงเกิดความสนใจหยิบเอากุญแจเปิดประตูเข้ามา

 

 

อินเสี่ยวเสี่ยวถอยไปก้าวหนึ่ง เธอไม่เชื่อคำพูดผู้ชายคนนี้เลยสักนิด ถามอีกว่า “งั้นคุณเป็นใคร คุณอยู่ที่นี่ ถ้าไม่ใช่คุณแล้วยังจะเป็นใครได้อีก? ทำไมคุณต้องจับฉันมาที่นี่ด้วย แล้ว…ที่นี่มันที่ไหนกัน?”

 

 

อินเสี่ยวเสี่ยวถามข้อสงสัยในใจทั้งหมดในอึดใจเดียว มาร์ตินได้ฟังก็ก้าวเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง หัวเราะเบาๆ พลางแก้ข้อสงสัยของเธอทีละข้อ “ผมชื่อมาร์ติน เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านสมอง คนที่จับคุณมาที่นี่ไม่ใช่ผมจริงๆ แต่ว่าผมก็บอกคุณไม่ได้ว่าเป็นใคร ที่นี่เป็นศูนย์วิจัยด้านสมอง คุณก็ทำตัวดีๆ อยู่ที่นี่ซะเถอะ”

 

 

“ศูนย์วิจัยด้านสมอง? พวกคุณจับฉันมานี่ทำไมกัน?” อินเสี่ยวเสี่ยวจับจุดสำคัญได้ทันควัน ถามกลับ

 

 

“หึ เพราะว่ามีคนสนใจความทรงจำในอดีตในสมองคุณนะสิ” มาร์ตินตอบเหมือนไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ

 

 

อินเสี่ยวเสี่ยวยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก พูดอย่างสงสัยว่า “ความทรงจำของฉัน? แต่ก่อนหน้านี้ฉันสูญเสียความทรงจำนี่?”

 

 

ทันใดนั้น อินเสี่ยวเสี่ยวก็ฉุกคิดถึงคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ ถามอีกว่า “ไม่ใช่สิ คุณบอกว่าคุณเป็นหมอด้านสมองนี่! พวกคุณจับฉันมานี่ ต้องการอะไรกันแน่?”

 

 

“ไม่มีอะไรหรอก เมื่อกี้ผมแค่พูดมั่วไปงั้นเอง” มาร์ตินกลัวว่าตัวเองจะหลุดปากอีก จึงพูดตัดบทขึ้น และเพื่อหลอกล่ออินเสี่ยวเสี่ยว เขาพูดอีกว่า “คุณอิน คุณอยากฟื้นฟูความทรงจำในอดีตไหมล่ะ”

 

 

“คุณช่วยฉันให้ฟื้นความทรงจำได้เหรอ” อินเสี่ยวเสี่ยวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

 

 

“ได้แน่นอน ผมมีดีกรีเป็นถึงแพทย์เฉพาะทางด้านสมองที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก มีผลงานวิจัยระดับแนวหน้าของโลกเชียวนะ” มาร์ตินพูดอย่างภูมิใจ

 

 

“จริงเหรอคะ”

 

 

“จริงแท้แน่นอนอยู่แล้ว”

 

 

“งั้น คุณจะช่วยฉันฟื้นฟูความทรงจำได้อย่างไร? โอ๊ะ! ค…คุณ…คุณเป็นอะไรไปน่ะ?” อินเสี่ยวเสี่ยวถามมาร์ตินอย่างประหลาดใจ แต่ทันใดนั้นผู้ชายตรงหน้ากลับล้มลงกับพื้น สั่นกระตุกไปทั้งตัว กล้ามเนื้อเกร็งกระตุกไม่หยุด ทำเอาเธอตกใจจนสะดุ้งเฮือก

 

 

“มาร์ติน? มาร์ติน? คุณเป็นอะไรไป?” อินเสี่ยวเสี่ยวเข้าไปถามเขาที่ข้างตัวอย่างแปลกใจ แต่ก็ยังระวังตัว ไม่กล้าเข้าใกล้จนเกินไป

 

 

“ม…มอร์ฟีน…” มาร์ตินนอนชักกระตุกอยู่บนพื้น ม่านตาขยาย น้ำมูกน้ำตาไหลพราก พึมพำคำนี้ออกมาไม่หยุด ท่าทางทุกข์ทรมาน

 

 

อินเสี่ยวเสี่ยวได้ฟังก็รู้ว่านั่นเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง อย่างนี้เขาคงไม่ได้กำลังอยากยาล่ะมั้ง พอนึกถึงตรงนี้ เธอก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

 

 

แต่นี่กลับเป็นโอกาสดีที่จะหนี อินเสี่ยวเสี่ยวฉุกคิดขึ้นได้ จากนั้นเธอก็อ้อมผ่านร่างของมาร์ตินไปอย่างระวังตัว เดินออกไปจากห้องใต้ดินนี้

 

 

พอออกจากห้องใต้ดินแล้ว อินเสี่ยวเสี่ยวก็มีหวังที่จะหนีเต็มที่ เธอไม่รู้ว่าด้านนอกเป็นที่ไหน และไม่รู้ว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร แต่เธอก็ได้แต่ตรงไปข้างหน้าไม่หยุด เธอต้องหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้!

 

 

แต่พออินเสี่ยวเสี่ยวเพิ่งเดินผ่านระเบียงแห่งหนึ่งไป ก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งเดินมาทางนี้

 

 

ทางระเบียงมืดเกินไป อินเสี่ยวเสี่ยวมองไม่เห็นหน้าคนที่มา เธอรู้สึกหวาดกลัวมาก เกรงว่าจะเป็นคนที่มาจับเธอกลับไป พอเงาร่างนั้นเดินเข้าใกล้ ไฟทางระเบียงสว่างขึ้น เธอจึงเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นก็คือ ‘หลินหว่าน’ !

 

 

ความทรงจำวันนี้ทั้งวันของอินเสี่ยวเสี่ยวถูกสะกดจิตให้ลืมไปแล้ว ตอนนี้เธอจึงลืมไปแล้วว่า ‘หลินหว่าน’ จับตัวเธอมา พอเห็น ‘หลินหว่าน’ ความรู้สึกท้อแท้เมื่อครู่ก็กลับมีความหวังที่จะหลบหนีอีกครั้ง เธอขอความช่วยเหลือจาก ‘หลินหว่าน’ “คุณหลิน! ฉันคืออินเสี่ยวเสี่ยว ช่วยฉันด้วย! พาฉันออกไปจากที่นี่ที…”

 

 

อินเสี่ยวเสี่ยวพูดไปเสียงก็ค่อยๆ เบาลง เพราะเธอเห็นแล้วว่า ‘หลินหว่าน’ ค่อยๆ หยิบมีดพกเล่มหนึ่งออกมา สายตาที่มองเธอเต็มไปด้วยแววตามุ่งร้ายหมายจะฆ่าให้ตาย…

 

 

“คุณหลิน นี่คุณจะทำอะไรน่ะ?” อินเสี่ยวเสี่ยวถามอย่างหวาดกลัวและคาดไม่ถึง

 

 

“อินเสี่ยวเสี่ยว โลกนี้ไม่จำเป็นต้องมีเธออีกแล้ว” อี้อวิ๋นฉังพูดเสียงเย็น ถือมีดพกเดินเข้าหาอินเสี่ยวเสี่ยวทีละก้าว

 

 

ตอนนี้เธอมีความทรงจำในอดีตของหลินหว่าน เข้าแทนที่หลินหว่านได้ทั้งหมดแล้ว ถึงแม้จะยังไม่อาจได้รับความเชื่อถือจากเซียวจิ่งสือได้ทั้งหมด แต่เธอเชื่อว่า นั่นเป็นเรื่องอีกไม่นานนัก แต่เธอจะให้อินเสี่ยวเสี่ยวปรากฏตัวต่อหน้าเซียวจิ่งสือทำลายแผนการของเธอ เปิดโปงตัวตนของเธอไม่ได้เด็ดขาด

 

 

ดังนั้น พอแยกจากเซียวจิ่งสือ ความคิดแรกของเธอก็คือกำจัดหลินหว่านทิ้งซะ จากนั้นไม่ว่าหลินหว่านหรืออินเสี่ยวเสี่ยว ก็จะเหลือแค่เธอเพียงคนเดียว

 

 

ตอนที่อี้อวิ๋นฉังแทงมีดเข้าใส่อินเสี่ยวเสี่ยวนั้น คิดไม่ถึงว่าอินเสี่ยวเสี่ยวจะหลบรอดไปได้

 

 

ทั้งอินเสี่ยวเสี่ยวและอี้อวิ๋นฉังต่างก็ประหลาดใจ เธอไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านี้เคยฝึกซ้อมแสดงบทต่อสู้อยู่พักหนึ่ง ทำให้ท่าทางการเคลื่อนไหวของเธอคล่องแคล่วว่องไวมาก

 

 

อี้อวิ๋นฉังรู้สึกขัดใจ ตวัดแทงอินเสี่ยวเสี่ยวไปอีก อินเสี่ยวเสี่ยวเห็นเช่นนั้นก็จำต้องต่อสู้กับเธอบ้าง

 

 

แต่อี้อวิ๋นฉังที่เป็นคุณหนูมีคนคอยดูแลรับใช้จะสู้กับอินเสี่ยวเสี่ยวที่เคยฝึกการต่อสู้ในการแสดงมาได้อย่างไร สุดท้ายกลายเป็นว่าเธอสู้อินเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้

 

 

อินเสี่ยวเสี่ยวพอเอาชนะอี้อวิ๋นฉังได้ก็ฉวยโอกาสตอนเธอล้มลงกับพื้น รีบหลบหนีไป