บทที่ 1337 กลายเป็นแพะรับบาปจริงๆ / บทที่ 1338 บอกเธอไป ว่าฉันเป็นใคร!

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1337 กลายเป็นแพะรับบาปจริงๆ

เยี่ยหวันหวั่นเคยได้ยินเป่ยโต่วบอกว่าสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์จะมาเอาเรื่องเธอ…

แต่ตั้งแต่ที่เธอมาถึงรัฐอิสระจนเข้ามาอยู่ในพันธมิตรอู๋เว่ย ก็ถือว่าทำตามกฎทุกอย่าง ไม่เคยทำเรื่องไม่สมควรอะไรเลย สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ในฐานะกลุ่มอำนาจรัฐของรัฐอิสระทำไมต้องมาเอาเรื่องเธอด้วย?

‘หรือแบดเจอร์เคยก่อเรื่องอะไรไว้ ทำให้สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ไม่พอใจ…ตอนนี้สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์เลยจะมาคิดบัญชีกับเธอแทน?’เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิดในใจ ถ้าหากเป็นอย่างงั้นจริง เธอคงต้องกลายเป็นแพะรับบาปจริงๆ แล้ว!

“เข้าใจแล้ว นายมาช่วยฉันเฝ้าพวกมันสองตัวไว้” เยี่ยหวันหวั่นค่อยๆ ลุกขึ้น แต่ก็ยังไม่ยอมละสายตาออกจากเจ้าบีรุสกับต้าไป๋ กลัวว่าพ่อทูนหัวสองตัวนี้จะฉวยโอกาสตอนที่เธอเผลอแล้วฟัดกันอีก

เจ้าบีรุสเป็นพวกสู้ไม่กลัวตาย ส่วนต้าไป๋ถึงไม่ชอบหาเรื่อง แต่ก็ไม่เกี่ยงที่จะมีเรื่อง…หากเจ้าบีรุสจะเอาชีวิตเข้าสู้กับมัน เกรงว่าต้าไป๋ก็คงไม่คิดชีวิตเหมือนกัน…

“หา…เจ้าบีรุส…ท่านหัว นี่มัน…” ได้ยินเยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างงั้น ชายใส่สูทก็หน้าเปลี่ยนสี เหงื่อซึมหน้าผากทันที “ท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้ารู้จักนิสัยของเจ้าบีรุสดีที่สุด มันเป็นสัตว์ดุร้ายมาก…ในพันธมิตรอู๋เว่ยมีท่านหัวหน้าคนเดียวที่มันยอม ผมจะเฝ้ามันไหวได้ไงล่ะครับ…”

เรื่องที่ทำให้ชายใส่สูทพูดไม่ออกมากที่สุดก็คือ ท่านหัวหน้าของเขาไม่เพียงเลี้ยงเจ้าบีรุส แต่ยังเลี้ยงเสือขาวอีกตัวด้วย ถ้าพวกมันสองตัวสู้กันขึ้นมา ใครจะไปห้ามไหวกันล่ะ?

หรือถ้าถอยออกมาหนึ่งหมื่นก้าวแล้วพูด ถ้าหากสัตว์ร้ายสองตัวไม่สู้กันเอง แต่หันมาฉีกเนื้อเขาแทนจะทำยังไง?

“บอกให้เฝ้านายก็เฝ้าไปสิ จะพูดมากอะไรนักหนา” เยี่ยหวันหวั่นกล่าวเสียเย็น

“ก็ได้ครับ…” ท่ามกลางความจนใจ ชายใส่สูททำได้แค่พยักหน้ารับคำสั่ง แล้วเดินไปยืนห่างๆ ด้านหนึ่ง

“อย่าให้พวกมันสู้กัน ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น นายต้องรับผิดชอบ” เยี่ยหวันหวั่นพูดเสริม

“งั้น…ท่านหัวหน้า ถ้าพวกมันสู้กันขึ้นมาจริงๆ แล้วผมห้ามไม่ไหวจะทำยังไงดีครับ?” เยี่ยหวันหวั่นทำท่าจะออกไป ชายใส่สูทจึงรีบถามขึ้น

“ถ้างั้นก็มาตามฉัน”

เยี่ยหวันหวั่นทิ้งท้ายไว้ด้วยประโยคนี้ จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานไป

ครู่ต่อมา ในห้องประชุมชั้นห้า

ชายชราคนหนึ่งกับชายหญิงอายุน้อยอีกหลายคนรออยู่ในห้องประชุมนานแล้ว

ผู้เป็นแกนนำอายุประมาณหกสิบปี แม้อายุไม่น้อยแล้วแต่กลับดูกระฉับกระเฉง ดูไม่เหมือนคนสูงวัยเลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มหญิงสาวหลายคนที่ยืนอยู่ข้างชายชราต่างยืนเอามือไพล่หลัง ใบหน้าเย็นชา บุคลิกไม่ธรรมดา

ไม่นาน เยี่ยหวันหวั่นก็เดินเข้ามาในห้องประชุม โดยมีเป่ยโต่วกับชีซิงมาด้วย

เยี่ยหวันหวั่นเดินนำด้านหน้าสุด ส่วนเป่ยโต่วกับชีซิงเดินประกบซ้ายขวา

“ผู้อาวุโสจิน ท่านหัวหน้าของพวกเรามาแล้วครับ”

เป่ยโต่วหันไปกล่าวกับชายชรา

ชายชราที่เป่ยโต่วเรียกว่าผู้อาวุโสจินเงยหน้าเล็กน้อย เขาแค่มองหน้าเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง แต่กลับไม่มีท่าทีจะพูดอะไร

ภายใต้การส่งซิกของผู้อาวุโสจิน ชายหนุ่มชุดดำที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาคนหนึ่งแค่นยิ้มแล้วกล่าวว่า “ได้ยินชื่อเสียงของท่านหัวหน้าแห่งพันธมิตรอู๋เว่ยมานาน วันนี้มีโอกาสได้พบกันถือเป็นเกรียรติ แต่น่าเสียดาย ตัวจริงท่านหัวหน้าไม่สมอย่างที่ร่ำลือ”

เป่ยโต่วขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เยี่ยหวันหวั่นอยู่ตรงนี้แล้ว เขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไร

เยี่ยหวันหวั่นกระตุกมุมปากเล็กน้อย แสยะยิ้มแฝงแววชั่วร้าย สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์เปิดตัวได้ยิ่งใหญ่จริงๆ เพิ่งเจอกันก็วางท่าข่มกันซะแล้ว

แน่นอนว่าเยี่ยหวันหวั่นไม่ได้รู้สึกกลัวสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์อยู่แล้ว ถึงยังไงเธอก็ไม่ใช่หัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยตัวจริงๆ ซักหน่อย…

————————————————————————————-

บทที่ 1338 บอกเธอไป ว่าฉันเป็นใคร!

เยี่ยหวันหวั่นมองชายชุดดำอย่างเย็นชา “นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาพูดจาอย่างนี้ที่นี่?!”

“เธอ…” ชายชุดดำหน้าเปลี่ยนสีไปทันที

“หึ…สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์อะไร ไม่รู้จักกลัวซะบ้าง” เยี่ยหวันหวั่นจ้องหน้าผู้อาวุโสจินแล้วกล่าวว่า “สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ของพวกคุณยังไงก็เป็นถึงกลุ่มอำนาจรัฐของรัฐอิสระ อย่ามัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องข้างนอก จนลืมยกระดับการอบรมคนในสิ พวกหมาแมวตัวเล็กๆ ในสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ของพวกคุณไร้มารยาทเกินไปแล้ว”

ถึงปากจะร้ายขนาดไหน แต่ความจริงเยี่ยหวันหวั่นกลับรู้สึกจนใจ เธอเองก็ไม่อยากทำอย่างงี้กับสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์หรอก

เป่ยโต่วไม่เท่าไหร่ แต่ชีซิงอยู่ข้างๆ เขาจับจ้องทุกการกระทำของเธออยู่ ไม่ร้ายไม่ได้นี่นา…

ถ้าสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์จะโทษใคร ก็ต้องไปโทษหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยตัวจริงรึเปล่า…

“ไป๋เฟิ่ง เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร? กล้าพูดจาล่วงเกินสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ของพวกเรา? อย่าว่าแต่เธอเลย แม้แต่อาชูร่าแล้วยังไง? ไป๋เฟิ่ง ฉันขอเตือนให้เธอหยุดวางท่าเหมือนตอนอยู่ข้างนอก ความอวดดีและไม่รู้จักกลัวสำหรับพวกเราแล้ว ก็เป็นแค่เรื่องน่าขำทั้งเพ!” หญิงสาวหน้าหวานคนหนึ่งมองเยี่ยหวันหวั่น แล้วเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด

“ฉันเป็นใคร?” เยี่ยหวันหวั่นแสยะยิ้ม แล้วกล่าวเสียงเรียบ “ชีซิง นายบอกเธอไปซิ ว่าฉันเป็นใคร”

“หัวหน้าพันธมิตรอู๋เว๋ย” ชีซิงกล่าว

ชีซิงพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็พยักหน้า แล้วก้าวเดินไปหยุดข้างหญิงสาวหน้าหวาน ในขณะที่ทุกคนไม่คาดคิด เธอตวัดฝ่ามือใส่แก้มหญิงสาวคนนั้นอย่างแรง

“เพียะ!”

เสียงแหลมดังชัดเจนท่ามกลางความไม่คาดคิดของทุกคน

ในห้องประชุม มีสมาชิกระดับกลางและระดับสูงของพันธมิตรอู๋เว่ยอยู่หลายคน พอเห็นหัวหน้าของพวกเขาเดินไปตบหน้าคนของสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ตกตะลึงตาค้าง

เพียงแต่นี่กลับเป็นเรื่องที่พวกเขาคาดไว้อยู่แล้ว อย่าว่าแต่ตบหน้าเลย ถึงจู่ๆ ท่านหัวหน้าจะชักมีดออกมาฟันผู้หญิงคนนั้นตาย ก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เพราะมันเป็นสไตล์การทำงานของท่านหัวหน้าแห่งพันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเขาจริงๆ…

“เธอ…เธอ…” หญิงสาวหน้าหวานกุมแก้มซ้ายของตัวเอง นัยน์ตาปรากฏแววเคียดแค้น

“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร? กล้าเอาอาชูร่ากับนายแห่งอาชูร่าในอดีตมาขู่ฉัน? ตอนที่ฉันไปโจมตีอาชูร่ากับนายแห่งอาชูร่า เธอคงกำลังเล่นโคลนอยู่ที่ไหนยังไม่รู้ ไสหัวไป!” เยี่ยหวันหวั่นตวาดเสียงเย็น

ไม่รอให้หญิงสาวพูดอะไร เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองชีซิง “โยนออกไป!”

ชีซิงเองก็ไม่รอช้า เขาไม่พูดอะไรซักคำ พุ่งตัวไปหาหญิงสาวคนนั้น จากนั้นกระชากคอเสื้อเธอแล้วเหวี่ยงออกนอกห้องประชุมไปทันที

เสียง “โครม” ดังสนั่น ร่างของหญิงสาวคนนั้นกระแทกเข้ากับผนังอย่างจัง

“หัวหน้าไป๋ สามหาวเกินไปแล้ว!”

คนของสมคมสหพันธ์วิทยายุทธ์พากันตะโกนอย่างเดือดดาล

“เกินไป?” เยี่ยหวันหวั่นแสยะยิ้ม “ที่นี่คือสาขาใหญ่ของพันธมิตรอู๋เว่ย…อย่าว่าแต่ตัวตลกไต่เชือกอย่างพวกนายเลย แม้แต่ผู้นำตระกูลของสี่ตระกูลใหญ่มาเอง ก็ยังต้องพูดจาดีๆ กับฉัน”

“จำไว้ให้ดี ฉันไม่สนว่าพวกนายจะเรียกลมเรียกฝนหรือใหญ่คับฟ้าแค่ไหนในรัฐอิสระ…แต่ถ้าอยู่ในพันธมิตรอู๋เว่ยของฉัน แม้เป็นมังกรก็ต้องขดเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน แม้เป็นพยัคฆ์ก็ต้องหมอบให้ฉัน!”

เอ่ยจบ เยี่ยหวันหวั่นไม่สนใจเจ้าที่พวกนั้นอีก เธอหันมองผู้อาวุโสจินแล้วเอ่ยเสียงไม่ยี่หระว่า “ผู้อาวุโสจิน วันนี้คุณมาหาฉันไม่ทราบมีธุระอะไร ไม่สู้มาคุยกันตรงๆ ดีกว่า”

ผู้อาวุโสจินค่อยๆ เงยหน้า ใบหน้าประดับรอยยิ้มรางๆ “ข่าวลือบอกว่าหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยไม่เกรงกลัวฟ้าดิน แม้แต่ผู้นำตระกูลทั้งสี่ยังไม่อยากมีเรื่องด้วย ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง”

พอเห็นหน้าของผู้อาวุโสจินคนนี้ชัดๆ เยี่ยหวันหวั่นกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ชั่วขณะหนึ่ง เธอปวดหัวจนเหมือนสมองจะระเบิด ภาพความจำเลือนรางบางส่วนผุดขึ้นมา…ไม่รู้ทำไม เหมือนเธอเคยเจอคนคนนี้ที่ไหนมาก่อน…