บทที่ 1339 พูดจาส่งเดชไม่ได้ / บทที่ 1340 มีแต่เพื่อนร่วมทีมสมองหมู

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1339 พูดจาส่งเดชไม่ได้

ตอนนี้ ภาพความจำหลายเหตุการณ์แวบเข้ามาในสมองเยี่ยหวันหวั่น แต่มันกลับดูเลือนรางมาก

ในภาพ นอกจากผู้อาวุโสจินแห่งสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์คนนี้แล้ว เหมือนจะยังมีใบหน้าของคนที่ทำให้เธอกลัวปรากฏขึ้นมาด้วย

สมองของเธอปฏิเสธความจำเหล่านี้อย่างรุนแรงโดยสัญชาตญาณ ความเจ็บปวดที่ราวกับสมองจะระเบิดยิ่งรุนแรงกว่าเดิม

“พี่เฟิ่ง” พอเห็นสีหน้าเยี่ยหวันหวั่นผิดปกติ ชีซิงจึงเรียกเธอ

เยี่ยหวันหวั่นสูดหายใจลึกๆ รีบควบคุมสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว

ภาพความจำเมื่อกี้เลือนรางเกินไป เพียงแต่เธอรู้สึกถึงความกลัวได้โดยสัญชาตญาณ อะไรกันที่ทำให้เธอกลัวขนาดนี้ กลัวถึงขั้นที่ไม่อาจนึกถึงมัน เรื่องนี้เยี่ยหวันหวั่นเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

เยี่ยหวันหวั่นมองหน้าผู้อาวุโสจินแห่งสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์แล้วแสยะยิ้ม กล่าวว่า “ผู้อาวุโสจิน วันนี้คุณมาที่พันธมิตรอู๋เว่ย ตามหลักแล้วฉันควรต้อนรับขับสู้คุณอย่างเต็มที่ เพียงแต่พักนี้พันธมิตรอู๋เว่ยของเรามีเรื่องให้สะสางมากมาย ในเมื่อคุณมาถึงที่นี่แล้ว มีอะไรก็พูดกันตรงๆ เถอะ อย่ามัวเสียเวลาอันมีค่าทั้งของคุณกับของฉันเลยดีกว่า”

“ก็ดี”

สายตาของผู้อาวุโสจินจับจ้องมาที่เยี่ยหวันหวั่น หลังพิจารณาอยู่ไม่นาน นัยน์ตากลับฉายแววสงสัยขึ้นมา

ถึงเขาจะเคยได้ยินชื่อเสียงของไป๋เฟิ่งหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยมา แต่วันนี้กลับเป็นการพบหน้ากันครั้งแรก แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้ เหมือนเคยรู้จักกัน เคยเจอกันที่ไหนมาก่อน

เพียงแต่ผู้อาวุโสจินกลับไม่คิดอะไรมาก ถึงยังไงผู้หญิงคนนี้ก็คือไป๋เฟิ่งหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ย บางทีเขาอาจเคยเห็นไป๋เฟิ่งที่ไหนก่อนที่เธอจะไปจากรัฐอิสระก็ได้

“หัวหน้าไป๋ ในเมื่อคุณพูดอย่างนี้ ผมก็จะพูดตรงๆ ก็แล้วกัน” ผู้อาวุโสจินมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยแววตาเรียบนิ่ง “ตระกูลโจว ไม่ทราบว่าหัวหน้าไป๋รู้จักรึไม่?”

“จะว่ารู้จักก็ได้” เยี่ยหวันหวั่นบอก

ตอนแรกที่มารัฐอิสระ ถ้าไม่ได้ตระกูลโจว เกรงว่าเธอคงต้องเร่ร่อนอยู่ข้างถนนแล้ว ตระกูลโจวมีบุญคุณกับเธอมากจริงๆ

“ดี” ผู้อาวุโสจินเงยหน้ามองเยี่ยหวันหวั่นเล็กน้อย “ผมได้ยินมาว่าหัวหน้าไป๋ใช้อาวุธปืนที่ตระกูลโจว”

ผู้อาวุโสเอ่ยจบ เป่ยโต่วกับสมาชิกระดับสูงของพันธมิตรอู๋เว่ยต่างพากันตกตะลึง

ในรัฐอิสระ ทุกคนรู้ดีว่าอาวุธปืนเป็นของต้องห้าม แล้วกฎข้อนี้สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ไม่ได้เป็นคนตั้ง แต่เป็นกฏที่สี่ตระกูลใหญ่ รวมถึงทุกคนในรัฐอิสระร่วมกันตั้งขึ้นมา จนถึงตอนนี้ยังไม่ใครกล้าทำผิดกฏซักคน

สาเหตุที่รัฐอิสระพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ได้ ไม่มีประเทศใดกล้ามาแทรกแซงหรือรบกวน ก็เป็นเพราะกลุ่มอำนาจในรัฐอิสระรังเกียจและไม่คิดจะใช้อาวุธปืน

หากมีกลุ่มอำนาจใดใช้อาวุธปืน ก็จะกลายเป็นศัตรูของรัฐอิสระทันทีโดยไม่ต้องสงสัย!

แม้แต่ในอดีตตอนที่พันธมิตรอู๋เว่ยรุ่งโรจน์ที่สุด หัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยก็ยังไม่กล้าใช้อาวุธปืน นั่นไม่ใช่เพราะแบดเจอร์แห่งพันธมิตรอู๋เว่ยเกรงกลัวใครหน้าไหน แต่เป็นเพราะให้เกียรติรัฐอิสระ และไม่อยากเป็นศัตรูกับรัฐอิสระทั้งรัฐ

เยี่ยหวันหวั่นในตอนนี้ย่อมเข้าใจกฎของรัฐอิสระ ว่าการใช้อาวุธปืนเป็นเรื่องแบบใดสำหรับที่นี่ ไม่ต้องให้ใครมาบอกเยี่ยหวันหวั่นก็รู้ อย่าว่าแต่ของก็อปเกรด A อย่างเธอเลย แม้แต่แบเจอร์แห่งพันธมิตรอู๋เว่ยตัวจริงก็คงไม่กล้าใช้อาวุธปืน

และเพราะเหตุผลนี้ โทษหนักอย่างการใช้อาวุธปืน เยี่ยหวันหวั่นมีหรือจะยอมรับง่ายๆ

“หึๆ…” เยี่ยหวันหวั่นจ้องผู้อาวุโสจินที่ใบหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ตรงหน้า แค่นยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโสจิน…จะกินอะไรก็กินได้ แต่จะพูดจาส่งเดชไม่ได้ คุณบอกว่าฉันใช้อาวุธปืน มีหลักฐานอะไรงั้นเหรอ”

————————————————————————————-

บทที่ 1340 มีแต่เพื่อนร่วมทีมสมองหมู

ชีซิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลหันมามองเยี่ยหวันหวั่นเล็กน้อย

ตอนนั้นที่เยี่ยหวันหวั่นใช้ปืนหน้าบ้านตระกูลโจว มีคนมุงดูหลายคนเห็นกับตาตัวเอง

ถึงคนส่วนใหญ่จะไม่กล้าว่าอะไรพันธมิตรอู๋เว่ย แต่เรื่องอย่างนี้ถึงยังไงก็หนีไม่พ้น สุดท้ายก็ต้องมีคนไปบอกสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์แน่นอน

“หัวหน้าไป๋” ผู้อาวุโสจินมองเยี่ยหวันหวั่น “วันนั้นคุณใช้อาวุธปืนหน้าบ้านตระกูลโจว มีสายตานับร้อยคู่เห็นอย่างชัดเจน ในรัฐอิสระ ไม่มีความลับใดถูกปิดไว้ได้ คุณทำอะไรไว้ สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ย่อมรู้ดี…ตอนที่คุณใช้ปืนหน้าบ้านตระกูลโจว มีเจ้าหน้าที่ทีมค้นหาของสมาคมเราผ่านไปเห็นพอดี เรื่องอย่างนี้มีหรือที่สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ของพวกเราจะมาใส่ร้ายคุณ”

“คนที่ผู้อาวุโสจินพูดถึงก็คือพวกผม วันนั้นหัวหน้าไป๋ใช้อาวุธปืน พวกผมเห็นกับตาไม่ผิดแน่ พวกผมมีวิดิโอที่ถ่ายเหตุการณ์วันนั้นไว้ด้วยซ้ำ” ด้านหลังผู้อาวุโสจิน ชายคนหนึ่งเอ่ยเสียงเรียบ

เอ่ยจบ ชายที่พูดก็เปิดวิดิโอในมือถือ เนื้อหาในวิดิโอทุกคนเห็นอย่างชัดเจน หน้าบ้านตระกูลโจว เยี่ยหวันหวั่นยืนถือปืนอยู่…

“เหอะ หัวหน้าของเราเอาปืนจ่อฉันแล้วมันทำไม?! ฉันมีความสุขที่โดนปืนจ่อ ฉันชอบที่โดนปืนจ่อ ไม่จำเป็นต้องให้ใครห้าไหนเข้ามายุ่ง”

จู่ๆ ชายชราที่โดนเยี่ยหวันหวั่นเอาปืนจ่อหัววันนั้นที่ตระกูลโจวก็ก้าวเท้าออกมาตะโกนอย่างเดือดดาล

“อ้อเหรอ?” เจ้าหน้าที่สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์คนหนึ่งมองชายชรา แล้วแค่นยิ้มกล่าวว่า “หลี่กานเฉิน ถ้างั้นนายก็คงโรคจิตมากสินะ ถึงได้ชอบโดนคนอื่นเอาปืนจ่อหัว”

ชายชราที่ถูกเรียกชื่อว่าหลี่กานเฉินพูดเสียงขึ้นจมูก “ฉันชอบโดนท่านหัวหน้าเอาปืนจ่อหัวแล้วทำไม นี่เป็นเรื่องภายในพันธมิตรอู๋เว่ยของเรา ไม่เกี่ยวกับพวกนาย”

“ถ้าอย่างงั้น นายยอมรับว่าหัวหน้าไป๋ใช้อาวุธปืน และใช้มันจ่อหัวนายแล้วงั้นสิ” ผู้อาวุโสมองหลี่กานเฉิน แล้วกล่าวเสียงเรียบ

หลี่กานเฉินชะงักไปเล็กน้อย เขาหันไปมองเยี่ยหวันหวั่น แล้วหันกลับมามองผู้อาวุโสจิน

สถานการณ์นี้ทำให้เยี่ยหวันหวั่นได้แต่ลอบถอนหายใจ นี่เธอมีแต่เพื่อนร่วมทีมสมองหมูรึไงเนี่ย…

ตอนแรกตั้งใจว่าถึงสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์จะมีวิดิโอ แต่เยี่ยหวันหวั่นก็จะยืนกรานไม่ยอมรับ แต่พอหลี่กานเฉินพูดอย่างนี้ ก็เท่ากับยืนยันว่าเธอใช้อาวุธปืนจริงๆ น่ะสิ…

“ฉันไม่ได้ยอมรับ!” หลี่กานเฉินส่ายหน้าถี่ๆ ให้กับคำถามของผู้อาวุโสจิน

“ในเมื่อนายไม่ยอมรับ งั้นอธิบายมาหน่อยว่าเมื่อกี้ทำไมถึงได้บอกว่าหัวหน้าไป๋เอาปืนจ่อหัวนาย แถมนายยังบอกว่าชอบความรู้สึกตอนเอาโดนปืนจ่อหัวมาก” ผู้อาวุโสจินกล่าว

แววตาหลี่กานเฉินดูกล้ำกลืน เขากำหมัดแน่น แล้วพูดอย่างเดือดดาล “ได้ นั่นเป็นปืนของฉัน ฉันเป็นคนขอให้ท่านหัวหน้าเก็บรักษาเอาไว้เอง สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ของพวกนายจะเอาเรื่องก็มาเอาเรื่องที่ฉันได้เลย ไม่เกี่ยวกับท่านหัวหน้า!”

“ได้ หลี่กานเฉิน นายยอมรับก็ดี พาตัวไป”

ด้านหลังผู้อาวุโสจิน ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวขึ้น

ที่พวกเขามาครั้งนี้ก็ไม่ได้คิดจะจับตัวหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยกลับไป แค่เอาตัวแพะรับบาปกลับไปได้ ก็ถือว่าทำภารกิจสำเร็จแล้ว

ได้ยินอย่างนั้น เจ้าหน้าที่สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์หลายคนทำท่าจะเข้ามาจับกุมหลี่กานเฉิน

“สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ของพวกคุณช่างเหิมเกริม กล้าดียังไงมาจับตัวพี่น้องพันธมิตรอู๋เว่ยของเราถึงถิ่นของเรา” ในตอนนี้เอง เยี่ยหวันหวั่นหยักมุมปากขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มชั่วร้าย “ฉันยอมให้สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ของพวกคุณจับหลี่กานเฉินไปได้…แต่ ฉันไม่รับประกันนะว่าพี่น้องที่ยืนอยู่ข้างหลังของฉันจะยอมรึเปล่า”