ตอนที่ 332 การประมูล โดย Ink Stone_Fantasy
“หินก้อนใหญ่อะไรขนาดนี้ มีแค่หยกเม็ดนิดเดียว มันไม่สมเหตุสมผลเลยนะ”
เยี่ยเทียนส่ายหัว เขารู้สึกได้ว่า หยกที่อยู่ในก้อนหินที่ใหญ่น้ำหนักพันกว่ากิโลกรัมนี้ ใหญ่ไม่เท่ากำปั้น เยี่ยเทียนก็ไม่มีความสนใจกับหินก่อนนี้ทันที
หลังจากที่ออกจากหินก้อนนั้น เยี่ยเทียนอยู่ในงานเดินกวัดแกว่งไปมา ในครั้งนี้ไม่ค่อยมีหินที่ใช้ในการเดิมพันแบบครึ่ง ที่เดิมพันกันก็มีราคาอยู่ที่ไม่กี่สิบหยวน หลังจากสองสามชั่วโมง เยี่ยเทียนก็ดูครบหมดแล้ว
เพียงแต่ว่าผลลัพธ์มันทำให้เยี่ยเทียนผิดหวัง ในก้อนหินที่ถูกตัดออกมาพวกนี้ ครึ่งหนึ่งมีพลังที่เบาบางมาก ยังมีอีกครึ่งหนึ่งที่ข้างในจะมีพวกหยกเขียวขนาดเล็ก นอกจากนั้นหนึ่งในสามก็จะเป็นเพียงแค่หินรูปไข่ที่ไม่มีค่า
“คุณอา วิ่งไปไหนมา ฉันหาอามาครึ่งวันแล้ว”
ตอนที่เยี่ยเทียนรู้สึกกระหายน้ำอยากหาน้ำดื่มสักหน่อยเดินกลับไปที่หน้าประตู หลิวติงติงก็มาปรากฏอยู่ ตรงหน้าของเขา ฟ่านเฉากั๋วและเหวินเหวินก็ยืนอยู่ข้างๆ เธอ
เยี่ยเทียนมองด้วยสายตาแปลกใจ ใช้มือหยิบขวดน้ำแร่ฟรีจากโต๊ะมาหนึ่งขวด พูดว่า “ฉันกำลังดูหินพวกนี้อยู่ ทำไมหรอ”
หลิวติงติงเบะปาก พูดว่า “คุณปู่เพิ่งดุฉันว่า ทำไมไม่ติดตามคุณอา”
“กลัวฉันหลงหรือไง ศิษย์พี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
เยี่ยเทียนได้ยินแล้วก็หัวเราะขึ้นมา การลำดับชั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากจริงๆ ตัวเองจริงๆ แล้วอายุน้อยกว่าหลิวติงติง แต่ว่าอยู่ตรงหน้าของเธอ ก็มีความรู้สึกได้ถึงความมีอาวุโสกว่า
หลิวติงติงพูดว่า “การประมูลซื้อขายหินพวกนี้จะเริ่มแล้ว คุณปู่ให้มาตามคุณอา ไปช่วยดู”
“ดี งั้นไปกันเถอะ”
เยี่ยเทียนพยักหน้า เดินตามหลิวติงติงเข้าไปในอาคารที่มีเพียงหลังเดียวเท่านั้น พอเข้าไปถึงก็พบว่าจั่วเจียจวิ้นมานั่งรออยู่ในห้องก่อนหน้านี้แล้ว
“เยี่ยเทียน เป็นอย่างไรบ้าง เจอก้อนหินดีๆ อะไรบ้างไหม”
เมื่อได้เห็นเยี่ยเทียนเดินเข้ามา จั่วเจียจวิ้นก็ลุกขึ้นยืนโบกมือไปมาให้เขา โดยปกติแล้วจั่วเจียจวิ้นจะเรียกชื่อเยี่ยเทียนว่าเป็นศิษย์น้องในที่ส่วนตัวหรือว่าต่อหน้าเพื่อนๆ
จั่วเจียจวิ้นแสดงความรักใคร่สนิทสนมกับเยี่ยเทียนเช่นนี้ ทำให้คนที่อยู่ภายในงานต่างจ้องมองไปที่เยี่ยเทียน
แม้ว่าจั่วเจียนจวิ้นเป็นคนที่มีอาชีพเกี่ยวกับพวกอัญมณี แต่ว่าเขาก็เข้าร่วมงานในกลุ่มนี้น้อยมาก เพียงแต่ว่าเมื่อพวกหินเริ่มเป็นที่นิยมกันทั่วไป หลังจากนั้นถึงค่อยมาร่วมงานบ้างเป็นบางครั้งบางคราว แม้ว่ากับใครก็จะเกรงใจไปหมด แต่ว่าไม่เคยที่จะเห็นการทักทายอย่างรักใคร่สนิทสนมแบบนี้มาก่อน
เยี่ยเทียนพยักหน้า เดินไปข้างๆ จั่วเจียจวิ้นแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ พูดเสียงต่ำว่า “จริงๆ แล้วถ้าไม่ได้อยู่ในสายอาชีพนี้ละก็ จะไม่เข้าใจเลยนะศิษย์พี่ ช่องทางของการเดิมพันหินพวกนี้ค่อนข้างลึกซึ้ง ทั้งหมดที่ผมดูมาผมยังไม่เข้าใจเลย”
แม้ว่าก่อนหน้านี้จั่วเจียจวิ้นจะเคยแนะนำลายเส้นมังกรที่แยกออกเป็นสองส่วนหรืออะไรสักอย่างให้เขาแล้ว ในสายตาของเยี่ยเทียนก็รู้สึกว่าพวกหินเหล่านั้นก็ลักษณะคล้ายกัน เขาแยกไม่ออกเหมือนกันว่าอันไหนดีหรือไม่ดี
“ฮ่าฮ่า ก่อนนั้นฉันก็เป็นแบบนี้ น้องเยี่ย ถ้ามีโอกาสก็ลองๆ เล่นดูก็จะเข้าใจไปเอง”
จั่วเจียจวิ้นยังไม่ทันได้ตอบกลับ คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเหวินหลนสงก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา คำพูดที่ปนกับความสนิทสนม ทำให้คนในบริเวณรอบๆ ชำเลืองมองเยี่ยเทียนแบบไม่หยุด
เหวินหลนสงกับจั่วเจียจวิ้นมีสถานะที่แตกต่างกันเล็กน้อย อีกคนเป็นปรมาจารย์ด้านฮวงจุ้ย มีความเชียวชาญในการทำนาย ดังนั้นจึงมีหลายคนพยายามคาดเดาที่มาของเยี่ยเทียน
โชคดี ที่ผู้ที่มารวมตัวกันในที่นี่ ต่างก็มีฐานะทางสังคมและรู้จักกันดีอยู่แล้วจึงไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์อะไร เวลาผ่านไปประมาณสิบกว่านาทีแล้ว การประมูลก็เริ่มขึ้น
“เพื่อนร่วมงานในวงการเครื่องประดับทุกท่าน รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาศร่วมงานกันอีกครั้ง ทุกท่านต่างรู้ดีว่า ช่วงนี้ประเทศพม่าไม่ค่อยสุขสงบเสียเท่าไหร่ ทำให้ตลาดค้าขายหยกขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก ขอไม่ลงรายละเอียดมากมายในส่วนนี้ ลำดับถัดไปขอเปิดพิธีการประมูลค้าขายหินอย่างเป็นทางการ”
ชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าปีที่กำลังพูดอยู่ เป็นคนฮ่องกง หน้าที่ประจำของเขาในงานประมูลหยก ก็คือการจัดการเรื่องต่างๆ ภายในงานนี้ และเขาเองก็เป็นผู้มีส่วนร่วมในการจัดงาน
การประมูลค้าขายหินในฮ่องกงครั้งนี้ ไม่เหมือนกับการประมูลที่พม่า
การประมูลในพม่าทั่วไปนั้น มีทั้งการประมูลแบบเปิดและแบบปิด การประมูลแบบปิดจะให้คนที่ประมูล เขียนหมายเลขลงในก้อนหิน หลังจากนั้นก็เขียนจำนวนเงินของตัวเอง ต่อไปก็จัดลำดับว่าใครให้ราคาสูงที่สุด ก้อนหินก็จะตกเป็นของคนที่มีหมายเลขนั้น ส่วนการประมูลแบบเปิดนั้นจะยุ่งยากน้อยกว่า ได้ราคาที่ต่ำกว่า
การประมูลแบบปิดนั้น ผู้เข้าร่วมประมูลจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจอย่างละเอียดในหินหยก และบางครั้งต้องมีสายตาที่ดีด้วย
แต่ว่าพอมาประมูลที่ฮ่องกง การประมูลแบบปิดถูกตัดออก เป็นการประมูลแบบเปิดที่เห็นชัดเจนว่าใครเข้าเลือกหินก้อนไหนแล้วก็ให้ราคา ดังนั้นใครมีกำลังทรัพย์มากกว่า ก็จะเป็นผู้ชนะไปในท้ายที่สุด
ในตอนนั้นจั่วเจียจวิ้นเองก็มีปัญหาเหมือนกัน เพราะถึงแม้ว่าเขาอยู่ที่ฮ่องกงจะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ในกระเป๋ากางเกงของเขาเมื่อเปรียบเทียบกับคนในนี้ ก็แทบจะสู้ไม่ได้เลย
“เริ่มการประมูลที่ก้อนหินหมายเลขศูนย์ศูนย์หนึ่ง ราคาต่ำสุดในการประมูลคือ หนึ่งหมื่นห้าพันดอลลาร์ฮ่องกง มีเพื่อนคนไหนสนใจสามารถเริ่มประมูลได้เลย”
ภายในงานก็คือคนที่ทำงานสายเดียวกันเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเครื่องประดับ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร มากมายภายในงาน ในที่สุดการประมูลก็เริ่มต้นขึ้น
ตลาดหยกปีแปดเก้า ในตอนแรกที่มีเค้าลางว่าจะได้รับความนิยม แต่ตอนหลังไม่มีเงินลงทุนถึงหลายร้อยล้าน ราคาของหินก็เลยค่อนข้างต่ำ ดังนั้นเมื่อเริ่มการประมูลก็จะมีมูลค่าไม่สูงมาก
“สองหมื่นดอลลาร์ฮ่องกง!”
“ห้าหมื่นดอลลาร์ฮ่องกง!”
“ฉันขอประมูลหนึ่งแสนสองหมื่นดอลลาร์ฮ่องกง!”
“หนึ่งแสนสองหมื่น ตกลง ขอแสดงความยินดีให้กับผู้บริหารหวัง หินชิ้นนี้ตกเป็นของท่านแล้ว”
ราคาประมูลไม่ได้สูงมาก ไม่ได้หมายความว่าราคาต่ำ ชิ้นนั้นถือว่าเป็นตัวแทน ของการประมูลที่ไม่เลวเลยทีเดียว แค่ชั่วครู่เดียวก็สามารถถูกประมูลออกไปในราคาหนึ่งแสนสองหมื่น ถ้าหากตัดหินออกมาแล้วเจอหยกขนาดเท่ากำปั้น เกรงว่าราคาต้องเพิ่มเป็นเท่าตัว
เพราะว่าตลาดหยกอยู่ในช่วงค่อยๆ เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค พวกร้านอัญมณีในเวลานี้ ให้ความสนใจ กับหยกเป็นพิเศษ ถือว่าสมเหตุสมผล
จากการสังเกตุเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่ ทุกคนให้เริ่มให้ความสนใจ และมีราคาอยู่ในใจกับหินที่ตนชอบ ไม่มีใครให้ราคาที่สูงกว่าราคานี้อีกแล้ว การแข่งขันที่รุนแรงก็ไม่ปรากฏให้เห็น
แต่พอหินที่นำออกมาแสดงนั้นจะเป็นหินชั้นดี การประมูล ก็ค่อยๆ มีราคาเพิ่มสูงขึ้น เหมือนที่จั่วเจียนจวิ้นประมูล ก้อนหินหมายเลข 587 ในราคาหกล้านกว่า
ที่ได้ราคานี้ ก็เป็นเพราะว่าไม่มีใครให้ราคาต่อ เพราะต้องการรักษาหน้าของจั่วเจียจวิ้น แต่ถ้าหากประมูลต่อไป หินก้อนนี้ก็อาจจะได้ถึงแปดล้าน
“ศิษย์พี่ นี้ นี้มันจะคุ้มค่าไหม ไม่มีใครรู้ว่าข้างในนั้นจะมีหรือไม่มีหยกอยู่”
ถ้าเกิดหยกราคาหกล้านกว่า เยี่ยเทียนก็จะไม่พูดอะไร แต่ว่าหกล้านกว่าที่เสียไป เพียงสามารถซื้อก้อนหินก้อนหนึ่ง ที่ไร้ประโยชน์ ถ้าอย่างนั้นเยี่ยเทียนก็จะรู้สึกว่าไม่คุ้มค่ากับที่เสียเงินไปแล้ว
จั่วเจียจวิ้นเมื่อได้ยินก็หัวเราะออกมา พูดว่า “แต่ก่อนฉันก็คิดอย่างนั้น แต่ว่าการพนันก้อนหินก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าตัดออกมาแล้วเจอหยกที่ดี มูลค่ามันจะมีราคาสูงถึงสิบล้าน ถ้าไม่มีอะไรเลย ก็เสียเงินเปล่า นี่คือการพนัน”
หลังจากได้ยินคำพูดของจั่วเจียจวิ้น เหวินหลงสงหัวเราะขึ้นมาพูดว่า “ปรมาจารย์จั่ว ท่านนะเป็นคนโชคดีมากเลยนะ “ราชันย์หยก” ของเมื่อปีที่แล้วก็ถูกท่านประมูลออกมาไม่ใช่หรอ”
ในธุรกิจอัญมณีของฮ่องกงทุกครั้งที่มีการจัดตั้งการค้าขายหรือว่างานประมูล จะมีการปรึกษาหารือ ประเมินค่าด้วยการเปรียบเทียบก่อน ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีจะได้เห็น ศักยภาพของผู้ประกอบธุรกิจเดียวกัน
แต่ว่าการค้าขายหยกมีการจัดตั้งอย่างเป็นระเบียบ ทุกครั้งที่มีการซื้อขายสำเร็จ ก็ต้องเลือกหยกที่มีราคาสูงที่สุด มีการมอบสมญานามให้เป็น “ราชันย์หยก”
เมื่อปีที่แล้วจั่วเจียจวิ้นดวงของเขาถือว่าไม่เลวเลย เขาเสียเงินไปหกแสนดอลลาร์ฮ่องกง ก็สามารถซื้อหยก มาได้ชิ้นหนึ่ง หยกน้ำแข็งราคาสูงสุดที่เขาประมูลได้คือสิบล้านขึ้นไป ปีที่แล้วเลยมีการมอบสมญานามให้เป็น “ราชันย์หยก”
การให้สมญานามนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เพียงแค่จะสามารถช่วยยกระดับชื่อเสียงร้านอัญมณีของตัวเองเท่านั้น
ตอนนี้ตลาดค้าขายหยกโควต้าของมันไม่ใหญ่มากนัก เพราะฉะนั้นคนที่มากันเป็นจำนวนมาก จริงๆ แล้วครึ่งหนึ่งก็คือเพื่อมาดู “ราชันย์หยก” ที่เขาให้สมญานามกัน
เมื่อได้ยินเรื่องเมื่อปีที่แล้วจากเหวินหลนสง จั่วเจียนจวิ้นก็แสดงท่าทีโมโห พูดว่า “อาสง นี้เธอกำลัง ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ หรือว่าพูดประชดประชันฉันอยู่กันแน่ ชิ้นส่วนหินที่ดีที่สุดพวกนั้นก็ถูกเธอแย่งไปแล้ว ไม่ใช่ว่าเธอตั้งใจจะเอาชนะผู้เฒ่าคนนี้หรือ”
ร้านอัญมณีของจั่วเจียนจวิ้น มียอดขายในตลาดฮ่องกงเพียง หนึ่งร้อยล้าน ดอลลาร์ฮ่องกง เป็นพวกเครื่องประดับหยกได้เพียง สิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นครั้งนี้จั่วเจียจวิ้นจึงมีเงินทุนในการประมูลไม่เกินห้าล้านเท่านั้น
เมื่อเจอหินคุณภาพดี จั่วเจียจวิ้นก็ประมูลไปแล้วไม่รู้กี่รอบ หินบางก้อนเขาประมูลมาราคาเป็นแสนก็คิดว่าใช้เงินมากจนเกินความจำเป็นแล้ว
การเดิมพันหินก็เหมือนกับการเดิมพันทุนและเงินทุน เหวินหลนสงคือคนที่พอมีเงินมากมักจะแสดงอำนาจบาตรใหญ่ เมื่อครู่ที่เพิ่งประมูลไป ก็ได้หินที่ดีที่สุดมากว่าโหลแล้ว
เยี่ยเทียนประเมินคร่าวๆ พวกเหล่านี้อย่างน้อยที่สุดก็จะใช้เงินไปแล้วกว่าหกสิบล้านดอลลาร์ฮ่องกง แต่ว่าดูจากท่าทางแล้ว ยังมีความต้องการที่จะประมูลเพิ่มอีกถึงจะรู้สึกพอใจ
“เห่อเห่อ ผมก็แค่หว่านตาข่ายออกไปกว้างๆ ไม่แน่ว่าอาจจะจับปลาได้ แต่ท่านเล็งไปที่เป้าหมายที่ชัดเจน ผมกล้าที่ไหนที่จะไปเปรียบเทียบกับท่าน”
ถึงแม้รู้ว่าจั่วเจียจวิ้นกำลังล้อเล่น เหวินหลนสงก็ยังมีรอยยิ้ม อยู่ในฮ่องกงนี้ ไม่มีใครกล้าที่จะทำให้ ปรมาจารย์จั่วไม่พอใจ
ไม่ได้หมายความว่าจั่วเจียจวิ้นจะพยากรณ์ได้ถูกต้องทุกครั้ง แต่ที่สำคัญคือจั่วเจียจวิ้นมีฝีมือที่ถือว่าลึกซึ้งมาก ในการวางฮวงจุ้ย ถ้าเกิดว่าทำให้เขาไม่พอใจ วันไหนแอบไปทำอะไรกับหลุมศพพวกเขา กลัวว่าพวกลูกหลานจะอยู่กันอย่างไม่เป็นสุขแน่นอน
เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วชื่อเสียงของจั่วเจียจวิ้นเริ่มดังขึ้น เคยมีอาจารย์ฮวงจุ้ยนิรนามมาก่อกวนถึงในบ้าน พูดว่าจั่วเจียจวิ้นคือคนที่มีชื่อเสียงแต่ไม่มีฝีมือ อยากจะมาสกัดดาวรุ่ง
ในตอนนั้นจั่วเจียจวิ้นก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่ว่าหลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป อาจารย์ท่านนั้นก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต ขณะที่ครอบครัวเขากำลังจัดซุ้มเซ่นไหว้ผู้ตายที่หน้าบ้าน เทียนก็ล้มแล้วเกิดไฟใหม้บ้านวอดทั้งหลัง
เพราะว่าอาจารย์ฮวงจุ้ยคนนั้นในฮ่องกงก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงมากเหมือนกัน ตำรวจจึงเข้าไปสืบสวนอย่างละเอียด สุดท้ายก็สรุปผลออกมาว่า เรื่องทั้งหมดทั้งอุบัติเหตุทางรถยนต์และการเกิดไฟไหม้ทั้งเป็นอุบัติเหตุ
ตอนนั้นไม่มีใครนึกถึงจั่วเจียจวิ้น ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ แต่ว่าหลังจากนั้นก็ถูกสัปปะเหร่อแก่ๆ พูดกันต่อมาว่า ก่อนหน้านั้นหนึ่งเดือนจั่วเจียจวิ้นเคยไปที่หลุมฝังศพบรรพบุรุษของอาจารย์ฮวงจุ้ยคนนั้นมาก่อนแล้ว
แต่ก็ไม่มีใครสามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ว่าคนแก่คนนั้นพูดจริงหรือโกหก หลังจากเรื่องนี้ได้มีการเล่าต่อๆกัน จั่วเจียจวิ้นที่อยู่ในฮ่องกงก็มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาทันที ในเวลาเดียวกันเขาได้ถูกสถาปนาให้เป็น ปรมาจารย์ฮวงจุ้ย อันดับหนึ่งของเกาะฮ่องกง
ดังนั้นอย่าว่าแต่เหวินหลงสงเลย แม้แต่หลี่เชาเหยิน ที่เป็นมหาเศรษฐีของฮ่องกงได้พบกับจั่วเจี่ยจวิ้น มีการเกรงใจเป็นพิเศษ ไม่กล้าดูถูกแม้แต่น้อย
การประมูลวันนี้ของจั่วเจียจวิ้นถือว่าสิ้นสุดแล้ว หันไปหาเยี่ยเทียนที่ดูง่วงๆ ยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นอะไรไป ศิษย์น้อง เธอไม่ลองประมูลหินสองอันนี้ดูเล่นๆ หรอ ฉันขอบอกเลยนะว่า การตัดหินพวกนี้ถือว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำกันได้สบายๆ เลยนะ”
วันนี้การประมูลหินได้ราคาค่อนข้างสูงเหมือนกัน ส่วนมากราคาจะอยู่ที่ก้อนละ สามหมื่นถึงห้าหมื่นดอลลาร์ฮ่องกงก็ถือว่าไม่น้อย จั่วเจียจวิ้นไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนฐานะทางการเงินนั้นเขามีเท่าไหร่ แต่ว่าเงินแค่นี้เขาสามารถจัดการให้ได้
“ผมหรอ? เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ มีเงินก็ไม่ใช่ว่าจะใช้มันได้อย่างสิ้นเปลือง
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของจั่วเจียจวิ้น เยี่ยเทียนรีบส่ายหัว สุภาษิตกล่าวว่าการเดิมพันสิบครั้งแพ้เก้าครั้ง เยี่ยเทียนไม่ชอบการพนัน เขาชอบควบคุมสถานการณ์ด้วยมือของเขาเอง
“น้องเยี่ย เอายังงี้ไหม เดี๋ยวฉันจะซื้อซักก้อนสองก้อน ให้คุณเล่น” เหวินหลนสงหัวเราะแล้วพูด ท่าทางของเขาจริงใจมาก แต่กลับไม่ได้แสดงท่าทางแบบมีเงินมากอำนาจบาตรใหญ่ มีแต่การแสดงที่เหมือนว่าเพื่อนถามไถ่กัน
“พวกคุณกำลังบังคับให้ผมให้เล่นการพนันใช่ไหม” เยี่ยเทียนได้ยินแล้วก็ฝืนยิ้มออกมา เขาไม่อยากปฏิเสธน้ำใจของเหวินหลนสง ทำได้เแค่พูดว่า “ดี ถ้าอย่างนั้นก็ประมูลสักชิ้น”
ประจวบเหมาะพอดีที่หินบนเวที ราคาประมูลเริ่มต้นไม่สูงเพียงแค่สองหมื่นดอลลาร์ฮ่องกง พิธีกรประมูลตะโกนสามครั้งก็ไม่มีใครประมูลราคาออกมา อาจเป็นเพราะว่าชิ้นนี้ดูไม่เหมือนจะมีอะไรทุกคนเลยไม่สนใจ เยี่ยเทียนเลยยกมือขึ้นประมูล
“ด้านล่างนี้จะเป็นหินชิ้นสุดท้ายในการประมูลครั้งนี้ แถมมันยังเป็นชิ้นที่ใหญ่ที่สุดและหนักที่สุดในครั้งนี้ มันมีมูลค่าประมูลต่ำสุดอยู่ที่สามล้านดอลลาร์ฮ่องกง หากมีเพื่อนๆ คนไหนสนใจเชิญประมูลราคากันได้เลย”
ผ่านไปแล้วอีกครึ่งชั่วโมง การประมูลก็เข้าสู่ช่วงสิ้นสุดของกิจกรรม พิธีกรประมูลกำลังพูดถึงหินชิ้นสุดท้าย ตอนนั้นเยี่ยเทียนก็ได้มองเห็นแล้ว
“ฉันว่า จริงๆ แล้วมองยังไงมันก็เป็นแค่ก้อนหินที่ไร้ค่าก้อนหนึ่ง ทำไมราคาถึงได้สูงขนาดนี้นะ”
“ใช่ไง ส่วนตัดด้านไหนก็ไม่มี คิดว่ายังไงด้านในก็ไม่น่าจะมีหยกอยู่”
พิธีกรเพิ่งประกาศราคาต่ำสุดออกไป ภายในงานก็มีเสียงโวยวายขึ้นมา ทุกคนก็ยังคงสังเกตไปที่หินก้อนใหญ่ ที่ดูไร้มูลค่าก้อนนั้น เพียงเพราะว่าได้ยินราคาที่มันสูงขนาดนี้ ทุกคนก็กลับไม่ยอม
“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน โปรดอยู่ในความสงบ”
เมื่อเห็นว่าภายในงานเริ่มเกิดความวุ่นวาย พิธีกรก็อธิบายว่า “ก้อนหินก้อนนี้ มีคนซื้อมาจากพม่าในราคาเจ็ดล้าน ถ้าหากว่าไร้มูลค่า ทำไมถึงเริ่มราคาประมูลอยู่ที่สามล้านละ ก้อนหินก้อนนี้หญ่มาก ไม่รู้ว่าส่วนไหนจะมีหยกอยู่”
คำพูดของพิธีกรทำให้คนในงานต่างเงียบลง หินลายงูเหลือมก้อนนั้นที่ดูไร้มูลค่า ใช้มีดตัดแบ่งเป็นสองส่วน มันไม่ได้หมายความว่าหินเดิมจะถูกทำลาย
“สี่ล้านดอลลาร์ฮ่องกง!”
“ฉันขอประมูลห้าล้าน!”
“เจ็ดจุดห้าล้านดอลลาร์ฮ่องกง!”
อย่าเพิ่งพูด คนรวยในฮ่องกงมีอยู่เยอะ ตอนแรกค่อยๆ ประมูลราคาหินก้อนนั้นให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ครั้งนี้ราคาก็พุ่งขึ้นมา แค่พริบตาเดียวราคาสูงสุดอยู่ที่เจ็ดล้านดอลลาร์ฮ่องกง พ่อค้าหินคนนั้นก็คงไม่ขาดทุนแล้วครั้งนี้
……