ตอนที่ 286: ช็อก Ink Stone_Romance

ซุนหม่านเซียงไม่เชื่อคำพูดเฉินเยี่ยน แต่เธอเชื่อคำพูดซินชาน

“พวกเธอว่าเหม่ยลี่ เหม่ยลี่กำลังทำร้ายพวกเรา? เธอเป็นคนทำให้พวกเราเป็นแบบนี้?”

ถึงแม้ซุนหม่านเซียงจะเชื่อแล้ว แต่ยังยากที่จะทำใจรับได้

เฉินเยี่ยนไม่สนใจเธอ ซินชานมองเธอแล้วถอนหายใจออกมา

“มันสมควรตาย นางผู้หญิงหน้าด้าน เสียดายที่ฉันทำดีกับมันขนาดนี้ ฉันยังบอกกับมันว่า ถ้าอีกสองปีเฉินเยี่ยนไม่มีลูก จะให้ซินห้าวทิ้งเฉินเยี่ยน ให้ซินห้าวไปแต่งงานกับมัน มันบอกว่าเห็นฉันเป็นแม่มานานแล้ว บอกว่ามันจะไม่แต่งงานกับคนอื่น ถึงแม้ซินห้าวไม่แต่งกับมัน มันก็จะขอเป็นลูกสาวฉัน ทุกครั้งฉันเอาอกเอาใจมัน มันกลับมาทำร้ายพวกเรา ฉันจะไปฉีกอกมัน”

ซุนหม่านเซียงโกรธจัดควบคุมตัวเองไม่อยู่ ตะโกนร้องออกไปข้างนอก ดูท่าทางแล้วจะไปสู้กับซูเหม่ยลี่

ซินชานดึงเธอไว้

“พอได้แล้ว หยุดโวยวาย คุณไปหาเธอจะมีประโยชน์อะไร? เธอจะยอมรับหรือ? อีกอย่าง คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเลย”

ซินชานก็หมดปัญญากับภรรยาตัวเองจริงๆ โตขนาดนี้แล้ว ไม่รู้จักคิดสักนิดเลย

“งั้นคุณบอกมาจะทำยังไง? ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่ามันจะเป็นคนแบบนี้ รู้แบบนี้ รู้แบบนี้ฉันจะไม่พูดกับมันแล้วมันทำคุณกับซินห้าวจนกลายเป็นแบบนี้ ฉันทนไม่ไหวอยากจะกินมันไปซะเลย”

ซุนหม่านเซียงรู้สึกเสียใจ ต่อให้เธอลำเอียงขนาดไหน ทำดีกับซินห้าวไม่เท่าซินเหลย แต่เห็นลูกชายนอนอยู่โรงพยาบาลแบบนี้ เห็นตัวเขาเต็มไปด้วยเลือด คิดถึงว่าอีกนิดเดียวลูกชายเกือบจะไม่มีชีวิตแล้ว ในใจเธอทนไม่สงสารไม่ได้

พักหลังนี้ ตอนกลางคืนสามีก็นอนไม่หลับ ดูผอมลง แก่ขึ้น เธอทรมานใจจนแทบทนไม่ไหว คิดอยากจะให้เรื่องพวกนี้จบในเร็ววัน กว่าจะหาหลักฐานมาได้เกือบหมดนี่ไม่ง่ายเลย ตอนนี้เป็นเพราะเธอปากมากไปบอกซูเหม่ยลี่ ไม่มีสมุดบัญชีแล้ว ถ้าสามีเกิดเรื่องขึ้นมา ก็เป็นเพราะว่าเธอเป็นคนทำ

ซุนหม่านเซียงตาแดง น้ำตาไหลลงมา

“เอาล่ะ อีกหน่อยคุณทำอะไรก็คิดเยอะนิดหนึ่ง อย่าหุนหันพลันแล่น คุณก็รู้พวกเราเป็นคนครอบครัวเดียวกัน คุณเอาที่ใส่ใจคนอื่นมาใส่ใจเยี่ยนจื่อ เธอเป็นลูกสะใภ้ที่ดี อีกหน่อยห้ามว่าเยี่ยนจื่อแล้ว”

ซินชานเห็นเธอร้องไห้เสียใจ เลยตบไหล่ ปลอบเธอ

ครั้งนี้ซุนหม่านเซียงไม่ได้พูดอะไร

“แล้วสมุดบัญชีจะทำยังไง?”

ผ่านไปนานซุนหม่านเซียงถึงค่อยเงยหน้าขึ้นถามซินชาน

ซินชานถอนหายใจ เรื่องกลายเป็นแบบนี้ พวกเราใครก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น

“ถ้าคุณ…แล้วฉันจะอยู่ยังไง”

ซุนหม่านเซียงดึงชายเสื้อซินชาน หน้าตาน่าสงสาร

เฉินเยี่ยนมองแล้วพูดไม่ออก แม่สามีตัวเองคนนี้ ทำตัวเหมือนเด็กสาวเลย

“แม่ เดี๋ยวสักพักแม่กลับไปโทรหาซูเหม่ยลี่ เล่าเรื่องพวกพวกเราให้ซูเหม่ยลี่ฟัง แต่อย่าบอกว่า พวกเรารู้เรื่องที่เธอแอบทำเรื่องเลวๆ ลับหลังพวกเรานะ บอกว่าสมุดบัญชียังอยู่ อยู่ที่ฉัน จากนั้นแม่บอกเธออีกว่าซินห้าวอยู่โรงพยาบาล บาดเจ็บสาหัสมาก ฉันก็บาดเจ็บ บอกว่าคืนนี้ฉันจะอยู่โรงพยาบาลเฝ้าเอง”

เฉินเยี่ยนคิด แล้วบอกซุนหม่านเซียงแบบนี้

“ฉันบอกมัน ให้มันมาทำร้ายซินห้าวอีกเหรอ สมองเธอโง่หรือไง ยังจะให้ฉันไปคุยกะมันอีก ถ้าฉันโทรไป ฉันต้องด่ามันแน่นอน”

ซุนหม่านเซียงไม่เข้าใจความหมายของเฉินเยี่ยน

เฉินเยี่ยนมองเธออย่างจนปัญญา

“พ่อพูดเอง”

ซินชานกลับเข้าใจความหมายของเฉินเยี่ยน พยักหน้าให้เฉินเยี่ยน

“แล้ว แล้วถ้ามันยังหาคนมาอีก ซินห้าวก็ขยับไม่ได้ มีแค่เธอ ถ้าบาดเจ็บจะทำยังไง?”

หลังซุนหม่านเซียงได้ยินซินห้าวอธิบายก็เข้าใจ เธอกังวลใจ

“เธอไม่ให้คนอื่นมาหรอก ครั้งนี้เธอต้องมาด้วยตัวเองแน่นอน”

เฉินเยี่ยนก็คิดไว้แล้ว คนพรรคภูเขาดำมีเรื่อง ซูเหม่ยลี่ไม่น่าจะหาคนอื่นมาโรงพยาบาล ส่วนตัวเธอจะได้มีข้ออ้างมาโรงพยาบาลเยี่ยมซินห้าว ถึงแม้จะทำอะไรเธอก็มีข้ออ้าง อีกทั้งตอนนี้ซินห้าวบาดเจ็บ ซูเหม่ยลี่ต้องมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลด้วยตัวเองแน่นอน

“อ้อ แล้วสมุดบัญชีนั่นเธอยังมีอยู่จริงหรือ?”

ซุนหม่านเซียงเป็นห่วงสมุดบัญชี ซินชานก็มองเฉินเยี่ยน แต่พวกเขาไม่เห็นสมุดบัญชีเลย

“แม่สนใจแค่คุยกับเธอก็พอ”

เฉินเยี่ยนไม่ให้คำตอบที่ชัดเจน

สุดท้ายซินชานและซุนหม่านเซียงกลับไปแล้ว เฉินเยี่ยนและซินห้าวให้พวกเขากลับไป ที่นี่มีแค่พวกเขาก็พอแล้ว แต่หลังซินชานกลับไปก็กลับมาใหม่อีกรอบ เอาของมาให้เฉินเยี่ยน เขาฝากฝังอีกหลายประโยคแล้วค่อยกลับไป

ในห้องคนไข้เหลือแค่เฉินเยี่ยนและซินห้าว ซินห้าวจ้องเฉินเยี่ยนนิ่ง

“มีอะไรหรือ?”

เฉินเยี่ยนโดนซินห้าวจ้องจนรู้สึกอึดอัด สายตาซินห้าวให้ความรู้สึกที่เธอพูดไม่ถูก

“ตัวคุณคงจะเจ็บมากใช่ไหม? รีบมาพักผ่อน”

ซินห้าวตบเตียง ให้เฉินเยี่ยนขึ้นไปบนเตียงคนไข้

เฉินเยี่ยนอยู่อีกฝั่งของเตียง เธอเหนื่อยมากจริงๆ ต้องการพักผ่อน

อันที่จริงในใจซินห้าวไม่สงบเลย ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้นึกถึง จนกระทั่งเฉินเยี่ยนพูดถึงสมุดบัญชี เขาถึงตกใจว่าไม่เห็นสมุดบัญชีแล้ว

เขามั่นใจแน่นอนว่าคนพวกนั้นไม่ได้แย่งสมุดบัญชีไป สมุดบัญชีอยู่ที่เฉินเยี่ยน แต่คนพวกนั้นไปตีเฉินเยี่ยน ตอนที่เขาปกป้องเฉินเยี่ยน เขาก็พบว่าสมุดบัญชีไม่ได้อยู่ที่ตัวเฉินเยี่ยนแล้ว

ถ้าเฉินเยี่ยนซ่อนไว้ แล้วเขาไม่เห็น คนอื่นก็ต้องเห็นสิ แต่ไม่มี

เหมือนสมุดบัญชีหายสาบสูญไปเลย

ตอนที่มาถึงโรงพยาบาล เฉินเยี่ยนประคองเขา เขาก็ไม่เห็นสมุดบัญชี หมายความว่าสมุดบัญชีไม่ได้อยู่ที่ตัวเฉินเยี่ยน แต่เฉินเยี่ยนกลับบอกว่าสมุดบัญชีอยู่ที่นี่

ถ้าอย่างนั้นเฉินเยี่ยนเอาสมุดบัญชีไปไว้ที่ไหน?

หรือว่าเฉินเยี่ยนมีความสามารถ ทำให้สิ่งของหายไปในอากาศ แล้วให้ปรากฏขึ้นมาได้อีก?

ไม่!

เขาไม่ควรคิดแบบนี้ ใครที่ไหนจะมีความสามารถแบบนั้น!

แต่ตอนที่เขาสะลึมสะลือ เขารู้สึกได้เหมือนว่าเฉินเยี่ยนป้อนเลือดให้เขา ความรู้สึกนั้นตอนนี้เขายังจำได้อยู่

แล้วตอนที่เขาเพิ่งลืมตาขึ้นมาเห็นนั่นอีก เฉินเยี่ยนบอกว่าเพราะเขาสลบไปเลยตาลาย เป็นอย่างนั้นจริงหรือ?

แผลบนตัวเขา เลือดออกเยอะมากเขารู้ ไม่มีเหตุผลพิเศษอะไรทำไมเลือดถึงหยุดได้?

ระหว่างทางที่เฉินเยี่ยนพาเขามาโรงพยาบาล แผลที่เขาห้ามเลือดไว้ไม่ได้ปริแตกแล้วไหลออกมาอีก แต่ทั้งหมดนี่มันเหลือเชื่อ

นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

ซินห้าวอยากจะถามเฉินเยี่ยน แต่เขากลับอ้าปากไม่ออก

เขาได้ยินเสียงลมหายใจช้าๆ มองไปอีกที เฉินเยี่ยนนอนตะแคงหลับอยู่บนเตียงคนไข้แล้ว

เฉินเยี่ยนที่หลับอยู่ยังคงคิ้วขมวด นอนหลับไม่เป็นสุข

ช่วงนี้เฉินเยี่ยนผอมอีกแล้ว สีหน้าเธอก็ดูซีดเซียว ดูซีดเหมือนเสียเลือดไปมาก

แต่บนตัวเฉินเยี่ยนไม่มีบาดแผลเลย แล้วจะเสียเลือดมากไปได้ยังไง?

ไม่ เขาจะไม่ไปคิดแล้ว

เขาสงสัยเฉินเยี่ยนไม่ได้ ความรู้สึกที่เฉินเยี่ยนมีต่อเขา เขารู้ดี เขาจะไม่คิดเพ้อเจ้อ

ซินห้าวห่มผ้าให้เฉินเยี่ยน อยู่ๆ หางตานิ่งไป ข้างเฉินเยี่ยนบนเตียงมีสมุดบัญชีวางอยู่ ไม่เพียงแค่หนึ่งเล่ม

นี่!

ออกมาตั้งแต่เมื่อไร?

ซินห้าวช็อกจนเกือบจะร้องออกมา แต่เห็นเฉินเยี่ยน เขาเลยอ้ำอึ้งไป ทำให้ตัวเองนิ่งไว้

อยู่ๆ สมุดบัญชีก็โผล่มาทำให้ซินห้าววุ่นวายใจ เขานอนบนเตียง ในสมองคิดไปต่างๆ นานา ไม่รู้ว่าคิดอะไรไปบ้าง

กลางคืนค่อยๆ คืบคลานเข้ามา คนไข้และญาติต่างหลับกันไปหมดแล้ว ที่ระเบียงก็เงียบเชียบ

อยู่ๆ มีเสียงตึกตึกดังขึ้นมาในหูเฉินเยี่ยน นี่เป็นเสียงเดินของรองเท้าที่มีส้น

มาแล้วหรือ?

ในความมืดเฉินเยี่ยนลืมตาขึ้น

เสียงรองเท้ายิ่งใกล้เข้ามา ประตูห้องคนไข้ถูกคนผลักเปิดเบาๆ เฉินเยี่ยนงอตัวขึ้นมา เธอไม่สนใจร่างกายที่เจ็บปวด แล้วเงี่ยหูฟัง