เสี่ยวเทียนเหยา ได้เขียนคำไว้บนใบหน้าของเขาว่า “เปิ่นหวางโกรธมาก” หลิน ชูจิ่ว อยากจะพูดคำสองคำที่ดีเพื่อเกลี้ยกล่อมเขาและขอบคุณเขาที่ให้ผลไม้เย็นแก่เธอ แต่……

       เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้ให้โอกาสหลิน ชูจิ่ว ทันทีที่เธออ้าปากเสี่ยวเทียนเหยาก็บอกให้เธอหุบปากแล้วออกไปข้างนอกอีกครั้ง

“ หวางเย่ เรา……” เราจะไม่สามารถพูดดีๆ กันได้เลยหรือ?

“หุบปาก เปิ่นหวางไม่มีเวลามาคุยกับเจ้า” เสี่ยวเทียนเหยาวางจดหมายที่เขาเขียนซึ่งเพิ่งแห้งลงไปในซองจดหมาย จากนั้นเขาก็หยิบม้วนงานขึ้นมาจากทางด้านข้างแล้วอ่านมัน หลังจากอ่านเสร็จ เขาก็เคาะโต๊ะสองครั้งเพื่อเรียกอันเหว่ยออกมา

“หวางเย่” อันเหว่ยไม่ได้หลีกเลี่ยงการดำรงอยู่ของหลิน ชูจิ่วและคุกเข่าลงไปต่อหน้าเสี่ยวเทียนเหยา

       ในระยะสั้นๆ เสี่ยวเทียนเหยา ยุ่งมาก เขายุ่งมากจนไม่มีเวลากวาดสายตาไปที่หลิน ชูจิ่ว หลิน ชูจิ่ว ไม่ต้องการที่จะเกิดความรู้สึกหงุดหงิดขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงออกไปข้างนอก

       เขาไม่ได้ถามว่าเธอต้องการผลไม้เย็นนั้นหรือไม่ แล้วเขาก็มอบมันให้กับเธอ แต่ตอนนี้เสี่ยวเทียนเหยา กลับคาดหวังให้เธอขอบคุณเขาหรือ

       หลังจากออกไปข้างนอก หลิน ชูจิ่วก็ยังคงโกรธอยู่ ยิ่งเธอคิดว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้มากขึ้นเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเสี่ยวเทียนเหยาน่ารำคาญมากเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้เสมอที่จะพูดในสิ่งที่เธอต้องการจะพูด

       เพียงแค่ออกมาจากเรือนของเสี่ยวเทียนเหยา หลิน ชูจิ่วก็ได้พบกับพ่อบ้านเฮ้าซึ่งกำลังรีบเร่งอยู่ ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น“ พ่อบ้านเฮ้า มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?”

“หวางเฟย …” พ่อบ้านเฮ้า วิ่งเร็วมาก ดังนั้นเขาจึงไม่สังเกตเห็นหลิน ชูจิ่ว เขาเพียงแค่หยุดเมื่อเขาได้ยินเสียงของหลิน ชูจิ่วเท่านั้น

“เกิดอะไรขึ้น?” หลิน ชูจิ่วเห็นใบหน้าที่เป็นกังวลของพ่อบ้านเฮ้า ดังนั้นเธอจึงช่วยไม่ได้ที่จะถามขึ้นอีกครั้ง

“หวางเฟย บ่าวอยากขอความช่วยเหลือจากท่าน…” พ่อบ้านเฮ้าดูเขินอายมากและลังเลเล็กน้อย

“มันเรื่องอะไร พูดมาก่อน?” หลิน ชูจิ่วรู้สึกว่าผู้คนของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่แปลกจริงๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้มองตัวตนของเธออย่างจริงจัง cแต่พวกเขาก็ยังคอยเก็บเรื่องเล็กน้อยจากเธอ

       พ่อบ้านเฮ้ายังลังเลอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ยังอ้าปากขึ้นในที่สุด“ มีทหารบาดเจ็บ แผลของเขากำลังเน่าเสีย บ่าวกำลังพยายามหาหมออยู่”

       หมออู๋ไม่ได้อยู่ในตำหนัก มีหมอคนอื่น ๆ แต่พวกเขาก็ไม่กล้ารักษาทหารคนนั้น เพราะแผลของเขาอยู่ในดวงตาของเขา หากพวกเขาไม่ระวังพอพวกเขาอาจจะทำลายดวงตาของผู้ป่วยก็ได้

       พ่อบ้านเฮ้า ไม่ได้ต้องการรบกวนหลิน ชูจิ่ว และด้วยตัวตนของนาง เขาจึงไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับนาง

“บาดแผลของเขาเน่าเสีย มันร้ายแรงหรือเปล่า ข้าจะไปดูหน่อย” หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้รอให้พ่อบ้านเฮ้าเปิดปาก แต่เป็นฝ่ายพูดขึ้นเอง

“ ขอบคุณ หวางเฟย” พ่อบ้านเฮ้า ดูมีความสุขมากและจากนั้นเขาก็บอกสถานการณ์ให้หลิน ชูจิ่วรู้ “เฉินซานบาดเจ็บที่ดวงตาข้างซ้ายของเขา ดวงตาของเขาถลอก เขามักจะเปลี่ยนผ้าพันแผลของเขาอย่างระมัดระวัง แต่เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแผลของเขาก็เริ่มเน่า ตอนแรกเขาไม่ได้คิดว่ามันจะจริงจังอะไร แต่แผลของเขาก็แย่ลงเรื่อยๆ หมอคนอื่นๆ ไม่กล้าแตะบาดแผลของเขา เพราะพวกเขากลัวที่จะทำลายดวงตาของเขา”

       ใบหน้าของหลิน ชูจิ่ว ดูภูมิฐานมากขึ้น แต่ก่อนที่เธอจะเห็นบาดแผลเธอก็ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นอะไรได้ ดังนั้นเธอจึงพูดแค่ว่า “ช่วยไปนำกล่อยยาของข้ามา”

       เมื่อเธอนำกล่องยาของเธอเข้าไปในวัง เธอก็ไม่มีโอกาสได้นำเวชภัณฑ์ใด ๆออก คราวนี้สิ่งเหล่านั้นจะเป็นประโยชน์

“ ขอรับ ” พ่อบ้านเฮ้า พูดด้วยเสียงที่ดังและจากนั้นเขาก็สั่งให้ใครบางคนไปนำกล่องยาของหลิน ชูจิ่วมา ในขณะที่เขานำหลิน ชูจิ่วไปยังทหารที่บาดเจ็บ

       ระหว่างทาง พวกเขาพบหลิวไป๋และซูฉา ซูฉาถามอย่างสุภาพขึ้นว่าหลิน ชูจิ่วจะไปที่ไหน หลิน ชูจิ่วไม่ได้เปิดปาก แต่พ่อบ้านเฮ้าก็รีบอธิบายสิ่งต่าง ๆขึ้น

“ฟังดูเลวร้ายมาก? ท่านต้องการให้พวกเราช่วยหรือไม่?” ซูฉาพูดขึ้นด้วยความกระตือรือร้น

       แน่นอนว่า เขาจะไม่ยอมรับว่าเขาอยากจะเห็นความสามารถทางการแพทย์ของหลิน ชูจิ่ว ครั้งที่แล้วเขาไม่เห็นว่านางรักษาบาดแผลอย่างไร

       หลิน ชูจิ่ว ตอบอย่างสุภาพขึ้น “ ไม่จำเป็น คุณชายซูมาเยี่ยมหวางเย่คงจะต้องมีสิ่งที่สำคัญเพื่อพูดคุย ข้าไม่กล้าถ่วงเวลางานของหวางเย่แต่อย่างใด”