TQF:บทที่ 745 อวสาน (14)
มองจนขบวนขันหมากอันหรูหราจากไปจนลับสายตา เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แม้จะอยากให้ท่านย่ามีความสุข แต่วันเวลาที่ย่าหลานได้อยู่เคียงข้างกันในหลายๆปีมานี้ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังคงคิดถึงและทำใจไม่ได้
“เสี่ยวเสี่ยว….”โม่ซวนซุนกอดนางเอาไว้และบอกเสียงนุ่มนวล “พวกเรามาเยี่ยมท่านย่าได้ทุกเมื่อ”
“อื้ม ข้ารู้”
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา แม้จะทำใจยากแต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ไม่ได้ฝืนรั้งเอาไว้ อย่างไรซะทุกคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง และคนที่จะอยู่เคียงข้างไปตลอดชีวิตก็คือคนๆนี้ มีเขาก็เพียงพอแล้ว
ด้วยงานแต่งครั้งนี้ หยูเฮงน้อยตั้งใจไปที่พระราชวังมา ท่าทางเบิกบานของนางตอนกลับมาเห็นได้ว่าครั้งนี้ที่ไปถือว่าปล้นสะดมสำเร็จ
ไม่นานนักเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ได้ข่าวว่าพระราชวังมีของหาย ที่หยูเฮงน้อยไปเดินเล่นที่คลังสมบัติเขาครั้งนั้นทำให้ของเขาหายไปถึง 2 ใน 3 โชคดีที่โจรคนนี้คิดได้จึงจงใจเหลือแหวนมิติไว้ให้วงนึง ถือว่าอีกฝ่ายไม่ได้เสียหายหนักขนาดนั้น
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ความฮือฮาที่เกิดขึ้นจากงานแต่งของฟางซูหยุนและหวงฝู่มั่วเฉินสงบลงหลังจากผ่านไป 1 เดือนในที่สุด
เมื่อเฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้เห็นความสุขล้นที่ยากจะปกปิดจากใบหน้าของท่านย่าก็รู้สึกดีใจกับนางจริงๆ และอวยพรนางอย่างจริงใจ
ส่วนหยูเฮงน้อยที่เสพติดการปล้นไม่ยอมอยู่เฉยที่สมาคมตันจง ให้ความสนใจกับอิทธิพลเล็กใหญ่รอบๆชิงยาง โดยเฉพาะคลังสมบัติของพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะยินยอมหรือไม่ก็จะต้องไปสักรอบ จากนั้นของ 2 ใน 3 ก็จะหายไป และเหลือแหวนมิติให้พวกเขา 1 วง
หยูเฮงน้อยปล้นขนาดนี้ทำให้คนเหล่านั้นไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ขอแค่ได้เห็นของในแหวนมิติทุกคนก็จะรู้ว่าผู้ใดมาทำการเยี่ยมเยียน แม้ว่าพฤติกรรมของนางจะดูบังคับขู่เข็ญ แต่โชคดีที่ทรัพยากรที่หยูเฮงน้อยให้ไปเพียงพอที่จะเอาไปแลกกับทรัพยากรของพวกเขาที่เอามา ไม่อย่างนั้นต้องเกิดความโกลาหลขึ้นแน่
แน่นอนว่ากับพวกอิทธิพลที่ทำแต่เรื่องชั่วๆ หยูเฮงน้อยกวาดล้างของไปทั้งหมดอย่างไม่เกรงใจ ทิ้งคำขู่ไว้ด้วยว่า ถ้านางรู้ว่าพวกเขาทำชั่วต่อไปละก็ จะกลับมาเด็ดหัวพวกเขาได้ทุกเมื่อ
ดังนั้นพฤติกรรมการปล้นของหยูเฮงน้อยนอกจากจะไม่เป็นที่โค่นล้างของทุกคนแล้ว กลับมีคนไม่น้อยที่หยอกล้อกันว่ารอให้หยูเฮงน้อยมา เพราะมีคนในหมู่พวกเขามากมายที่ซื้อของตึกจงหยวนไม่ได้ ทำให้พวกเขาลำบากใจไม่น้อย เฝ้ารอให้หยูเฮงน้อยไปเยี่ยมเยียนที่คลังสมบัติของพวกเขา
พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกครึ่งปี
หยูเฮงน้อยก็เล่นเหนื่อยแล้ว นางก็นึกปัญหาออกอีก 1 อย่าง
จะไปโถงวิหารสวรรค์ตอนไหน
ตาแก่ซอมซ่อเข้าใจว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องเผชิญกับปัญหานี้ ดังนั้นเขาไม่รอให้คนอื่นเอ่ยปากก็สั่งทุกคนว่าให้กลับโถงวิหารสวรรค์ในวันรุ่งขึ้น
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวนึกถึงผู้หญิงชุดแดงคนนั้นที่กำลังจะได้เจอ อารมณ์เรียบๆก็แปรเปลี่ยนเป็นความแค้นมากมาย บ่วงกรรมนี้ก็ต้องจัดการ ถึงเวลาเกรงว่าตัวเองก็ต้องไปจากผืนดินฉางไห่
คนทั้งหลายเดินไปเที่ยวเล่นไป ทุกที่ๆหยูเฮงน้อยเดินทางผ่านนางก็จะร่วมมือกับโม่ซวนซุนเล่นเกมปล้นสะดม ทำให้ชื่อเสียงของนางดังขึ้นไปอีกระดับ มีคนมากขึ้นที่รอคอยการมาของนาง
เพราะคนพวกนี้ห่างไกลจากชิงยางเกินไป จะซื้อของในตึกจงหยวนก็ต้องไปที่ชิงยาง ผืนดินฉางไห่กว้างใหญ่ขนาดนี้ แต่คนที่ซื้อทรัพยากรได้จริงๆจะมีสักเท่าไหร่
บางอิทธิพลถึงขั้นเขียนทรัพยากรที่ต้วเองต้องการทิ้งไว้ในคลังสมบัติเลย ส่วนของในคลังสมบัติตัวเองก็แล้วแต่นางจะเอาไป ไม่ต้องเกรงใจ
เมื่อได้ฟังเรื่องราวแบบนี้แม้แต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเองก็อดหัวเราะลั่นไม่ได้
หยูเฮงน้อยถึงขั้นรับประกันเลยว่าหลังจากที่จัดการเรื่องที่โถงวิหารสวรรค์เสร็จแล้ว นางจะเดินทางให้ทั่วผืนดินฉางไห่ไปเยี่ยมเยียนคลังสมบัติของคนพวกนั้นให้หมด จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง
คำพูดของนางทำให้ทุกคนหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
จากเดิมระยะทางแค่ 2-3 เดือน แต่ภายใต้สถานการณ์การเล่นเกมปล้นสะดมของหยูเฮงน้อยและโม่ซวนซุนจึงใช้เวลาเดินทางไปร่วมครึ่งเดือนกว่าจะถึงโถงวิหารสวรรค์สาขาหลัก
โม่ซวนซุนยังโอดครวญอีกว่าทำไมถึงเดินเร็วขนาดนี้ ตัวเองยังเล่นไม่หนำใจเลย
ขณะนั้น คนทั้งโถงวิหารสวรรค์รู้หมดแล้วว่าโม่ซวนซุนพาคนอื่นกลับมาด้วย
คนทั้งโถงวิหารสวรรค์ขอแค่เป็นคนที่ไม่ได้เก็บตัวฝึกฝนอยู่ล้วนออกมาหมด
ไม่ใช่แค่อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์กลับมาเท่านั้น ที่สำคัญคือนายน้อยพาภรรยากลับมาด้วย
เรื่องของโม่ซวนซุนและเฉิงเสี่ยวเสี่ยวพวกเขารู้กันหมด เรียกว่าทุกเรื่องที่เกิดด้านนอกนั่นพวกเขาก็รู้หมด และเข้าใจว่าทำไมเฉิงเสี่ยวเสี่ยวถึงมาอยู่ที่นี่
นอกจากเจ้าโถงวิหารสวรรค์แล้ว ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าอาจารย์อาหนิงต่างรู้สึกปวดหัวอย่างมาก อย่างไรซะพวกเขาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายมาเพราะอะไร
ส่วนหยินเฟิ่งก็พอดีเพิ่งออกจากการเก็บตัวได้ไม่กี่วัน ตอนนี้จะไล่ให้นางไปเก็บตัวอีกนางดื้อดึงยังไงก็ไม่ยอม
เพราะหยินเฟิ่งก็อยากรู้ว่าหญิงสาวที่ตอนนั้นถูกตัวเองถล่มจนไม่สามารถต้านทานได้ไหวบัดนี้จะเก่งสักแค่ไหน
ที่สำคัญคือหยินเฟิ่งเองก็เจ็บใจไม่น้อย นางไม่เข้าใจว่าบุตรแห่งสวรรค์อย่างโม่ซวนซุนไปชอบผู้หญิงที่วิทยายุทธต่ำขนาดนั้นได้อย่างไร อีกฝ่ายนอกจากสวยแล้วมีตรงไหนที่เทียบกับนางได้บ้าง
คิดมาถึงตรงนี้หยินเฟิ่งรู้สึกคับแค้นในใจ นางจะไปเก็บตัวฝึกฝนได้อย่างไร นางแค้นจนอยากจะถล่มผู้หญิงที่มาถึงที่ให้หนักๆอีกครั้ง ให้อาจารย์ปู่เล็กได้เห็นชัดๆว่าใครกันแน่ที่เป็นธิดาแห่งสวรรค์ ใครกันแน่ที่คู่ควรกับเขา
หยินเฟิ่งไม่สนใจคำเตือนของอาจารย์และเจ้าโถง นอกจากนางจะไม่ยอมไปเก็บตัวฝึกฝนแล้วยังจะไปพบหน้าคนที่เคยพ่ายแพ้ด้วยตัวเอง แล้วค่อยไล่นางให้ออกไปพ้นๆจากโถงวิหารสวรรค์ไม่มีหน้าจะอยู่ข้างกายอาจารย์ปู่เล็กอีก
“ท่านเขย ที่นี่น่ะเหรอโถงหลักวิหารสวรรค์” หยูเฮงน้อยมองแถบเขาธรรมดาๆด้านหน้าและถามอย่างแปลกใจ
โม่ซวนซุนพยักหน้า “คืออย่างนี้ ที่นี่ถูกวิชาสะกดปกปิดเอาไว้ คนธรรมดามาถึงนี่ก็เข้าไปไม่ได้ นึกว่าเป็นเพียงป่าไม้ธรรมดาผืนหนึ่งเท่านั้น คิดจะเข้าสถานที่ต้องห้ามของวิหารสวรรค์ต้องทะลุวิชาสะกดเข้าไปเท่านั้น”
“อ๋อ” เห็นเรื่องแปลกจนไม่รู้สึกแปลกแล้ว โถงวิหารสวรรค์ดังด้วยวิชาสะกดและวิชาทำนายอยู่แล้ว ถิ่นตัวเองย่อมต้องมีวิชาสะกดอยู่ไม่น้อย
ตาแก่ซอมซ่อทำไม้ทำมือ อากาศว่างเปล่าตรงหน้าเกิดอาการบิดเบี้ยวและค่อยๆมีประตูวิเศษเป็นประกายปรากฏออกมา เขานำเข้าไปคนแรก
จากนั้นทุกคนก็ตามกันเข้าไป
ทุกคนรู้สึกโยกๆและมาปรากฏตัวที่สถานที่ต้องห้ามวิหารสวรรค์ในพริบตาเดียว สำนักที่ก่อตั้งอยู่บนขุนเขาหลายร้อยลี้ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเงยหน้ามองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอลึกลับโบราณที่อบอวลอยู่ในฟ้าดิน
สำนักที่ยืนหยัดอยู่ได้มากกว่าหมื่นปี ต้องยอมรับว่ามีความพิเศษของมันเองจริงๆ
แม้ว่าที่นี่จะคละคลุ้งไปด้วยพลังวิญญาณอันมากมายเหมือนกัน ปราสาทโบราณเรียบง่ายแต่ละหลังตั้งอยู่กลางหุบเขา มองไปแล้วเหมือนเกาะที่ตั้งซ้อนๆกัน ดูแล้วลึกลับและน่าใฝ่ฝ้น
ถ้าเป็นคนอื่นจะต้องมีท่าทีทึ่งๆแน่ แต่สำหรับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยโถงวิหารสวรรค์ก็แค่ดีใช้ได้เท่านั้น นอกจากกลิ่นไอโบราณที่มันสะสมมาตามกาลเวลาแล้ว ด้านอื่นๆยังไม่เทียบเท่าสมาคมตันจงที่พวกนางเพิ่งสร้างเลย
—————————–