เอี้ยวคอมองแล้วหวงหลางก็ตระหนักว่าที่ด้านหลังเขานั้นไม่มีใครสักคน “แปลกจัง”
เขาพยายามบิดคอมองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในที่สุดเขาก็มองเห็นผิวหลังคอส่วนหนึ่งของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงเหมือนถูกแมลงกัด
“นั่นอะไรน่ะ?” ตอนที่เขายกโทรศัพท์ขึ้นเปิดไฟฉายส่องไปที่หลังคอตัวเองเพื่อดูให้ชัดขึ้น โทรศัพท์ในมือของเขาจู่ ๆ ก็สั่น “ชิบ! ใครโทรมาเวลาแบบนี้กัน?”
หวงหลางมองหมายเลขโทรเข้า เป็นหลีจิ่ว
เขาเดินไปข้าง ๆ หลบให้พ้นจากประตู และหลังจากแน่ใจแล้วว่าเขาไม่อยู่ในมุมกล้องแล้ว เขาก็รับสาย เขาเพิ่งกดปุ่มรับสายตอนที่เสียงประหลาดของหลีจิ่วดังเข้ามาในโทรศัพท์ของหวงหลาง “หวงหลาง มีบางอย่างผิดปกติอย่างมากในบ้านผีสิงนี่ พวกนักแสดงก็แปลก ๆ ด้วย ที่นี่มันไม่ดีมาก ๆ!”
“มาที่นี่เดี๋ยวนี้! ฉันมีคนดูอยู่บนไลฟ์สตรีมเกินหนึ่งแสนคน ถ้านายกล้าทิ้งฉันไว้ ฉันจะไม่ให้อภัยนายเลย!” หวงหลางลดเสียงต่ำเป็นการเตือนที่ดูร้ายกาจ ผู้ชายคนนี้มีบุคลิกที่ต่างออกไปจากตอนที่อยู่กับคนดูโดยสิ้นเชิง
“หยุดไลฟ์ ออกไปจากบ้านผีสิงกันก่อน ฟังฉันเถอะนะ!” เสียงของหลีจิ่วนั้นไม่ได้ต่างไปจากเสียงปกติมากนัก แต่น้ำเสียงก็ยังประหลาด
“นายรู้ไหมว่าบริษัทลงทุนไปกับการไลฟ์ครั้งนี้มากแค่ไหน? ฉันโฆษณาการไลฟ์ครั้งนี้มาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว และแฟนคลับทั้งหมดของฉันก็คาดหวังกับการไลฟ์ครั้งนี้ ฉันกำลังรอที่จะใช้โอกาสนี้ขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งของแพลตฟอร์ม และนายยังมาขอให้ฉันกลับออกไปตอนนี้?” หวงหลางเค้นเสียงรอดไรฟันออกมา “ถ้านายทำแบบนี้เพราะเรื่องเงินละก็ เอาเลย นายชนะ ตราบใดที่นายให้ความร่วมมือตามบทที่เหลือ ฉันจะจ่ายให้นายสองเท่าทันทีที่พวกเราออกไปจากที่นี่”
“มันไม่ใช่เรื่องเงิน มีบางอย่างที่นี่แตกต่างไปจากบ้านผีสิงอื่น!” จากนั้นก็เป็นเสียงสัญญาณแตกพร่า เสียงของหลีจิ่วเพี้ยนไป “ที่นี่มีผีสิงจริง ๆ!”
สายยังต่ออยู่ และโทรศัพท์ก็ไม่ได้แสดงสัญญาณว่าหลีจิ่ววางสายไปแล้ว แต่ว่าเสียงของเขานั้นหายไปไม่ได้ยิน เสียงเดียวที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ก็คือเสียงสัญญาณแหลม ๆ
“เครื่องรบกวนสัญญาณโทรศัพท์?” หวงหลางตัดสายทันที เขาวิ่งกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยและตรวจดูโทรศัพท์ที่กำลังใช้ในการไลฟ์ เทียบกับหลีจิ่วแล้ว เขากังวลเกี่ยวกับการรบกวนการไลฟ์ของเขามากกว่า
“เขาไปไหนแล้ว? เขาหายไปแล้วน่ะ? โฮสต์ถูกผีจับตัวไปแล้วเหรอ?”
“ถ้านายท้าทายพวกเขามากพอ พวกเขาย่อมตอบโต้กลับนายในที่สุด ตามที่ฉันคาดเดานะ ครั้งนี้เขากินคำใหญ่เกินกว่าจะเคี้ยวได้* ฉันเคยไปที่บ้านผีสิงนี่มาก่อน ความสยองขวัญที่นั่นไม่ใช่สิ่งที่นายจะจินตนาการได้ ตอนนั้น พวกเราไปท้าทายบ้านผีสิงกันเจ็ดคน และพวกเราเหลือแค่สองคนที่ยังยืนไหว”
“นายพูดเล่นใช่ไหมน่ะ?”
“ความเข้าใจในคำว่าสยองขวัญของพวกนายจะได้นิยามใหม่เมื่อไปที่นั่น นายเคยเห็นบ้านผีสิงที่ไหนเตรียมรถเข็นเอาไว้ขนลูกค้าที่หมดสติไหมล่ะ? นายเคยเจอบ้านผีสิงที่มีห้อง VIP สำหรับผู้เข้าชมที่หมดสติที่โรงพยาบาลท้องถิ่นไหม? นายเคยไปบ้านผีสิงที่ไหนที่พนักงานทุกคนรู้วิธีการกู้ชีพกรณีฉุกเฉินไหม? ฉันเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน และฉันก็ไปเจอกับตัวเองแล้ว คอยดูไปเถอะ มันกำลังจะน่าสนใจมากขึ้นแล้ว”
ข้อความยังถูกส่งขึ้นหน้าจอเรื่อย ๆ พอเห็นว่าการไลฟ์ไม่ได้หยุดชะงักไป หวงหลางก็ถอนหายใจโล่งอก เขาเค้นรอยยิ้มออกมาแล้วกลับเข้าไปในรัศมีกล้อง “ผมแค่ออกไปดูนิดเดียวเท่านั้น และเมล็ดข้าวที่ทิ้งไว้บนพื้นเกิดการเปลี่ยนตำแหน่งจริง ๆ ตอนที่พวกเราเดินเข้ามาในห้องนี้ มีคนเดินผ่านประตูไป”
หลีจิ่วนั้นกลับออกไปคนเดียว ทิ้งเขาเอาไว้ในนี้ ดังนั้นหวงหลางจึงไม่ทำตามบทแล้ว หวงหลางมองหน้าจอและบางครั้งเขาก็เกาหลังคอตัวเอง เขากดความรำคาญเอาไว้ในใจและพึมพำด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายอย่างประหลาด “บางทีคุณอาจจะคิดว่าผมโกหก หรือบางทีคุณอาจจะเชื่อว่าผมกำลังโกหกคุณอยู่ แต่ไม่ใช่อย่างนั้นเลยจริง ๆ ตั้งแต่ที่ผมก้าวเท้าเข้ามาในบ้านผีสิงนี่ ผมก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด และยังมีความรู้สึกเหมือนมีใครบางคนตามหลังผมอยู่…”
เขากำลังพูดพร่ำเพื่อซื้อเวลาให้ตัวเองคิดหาวิธีดำเนินการต่อไปให้ได้ แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจ พื้นที่พูดคุยในไลฟ์ของเขาจู่ ๆ ก็เต็มไปด้วยข้อความวิ่งขึ้นมา!
พริบตาเดียว แอพก็เริ่มสะดุดเพราะข้อความจำนวนมหาศาล นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอกับอะไรอย่างนี้เหมือนกัน
“เกิดอะไรขึ้น?” หวงหลางยืนอยู่ที่เดิม กดเริ่มหน้าใหม่หลายครั้งก่อนที่พื้นที่สนทนาจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่ว่า เพราะข้อความจำนวนมากเกินไป ส่วนวิดีโอจึงยังไม่เข้าที่เข้าทาง
“ดูด้านหลังคุณสิ!”
“เชี่ยเอ๊ย! นั่นน่ากลัวชิบ!”
“มีหน้าคนอยู่บนหน้าต่าง! หันไปดูสิ! โฮสต์!”
“นอกประตู เขาอยู่ด้านนอกประตู!”
“แม่มึ๊ง! พวกมันเป็นของจริง! พวกมันกำลังมาแล้ว!”
ข้อความทะลักเข้ามา และวิดีโอก็เต็มไปด้วยข้อความจนมองไม่เห็นโฮสต์แล้ว นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่หวงหลางได้รับความนิยมและจำนวนคนดูมากเท่านี้ เขาไม่ฟังคำแนะนำที่บอกให้มองไปข้างหลังตัวเอง กลับกัน เขาไปดูจำนวนคนดูไลฟ์ของเขา เพียงแค่ไม่กี่นาที จำนวนคนดูของเขาก็พุ่งไปถึงสามแสนห้าหมื่นคน และยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความเร็วน่าตกตะลึง
ถ้ามีคนดูครบเจ็ดแสน ฉันก็จะได้ไปยืนอยู่ในตำแหน่งสูงสุดบนแพลตฟอร์ม ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ มันก็ไม่ยากเกินไปแล้ว
หวงหลางยังไม่ได้หันหลังกลับไปดู หลังจากเขาให้สัญญาว่าจะจ่ายสองเท่า ในที่สุดหลีจิ่วก็กลับมาช่วยเขา ทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุมของเขา และแน่นอนว่า เขาไม่ลืมเรื่องสีหน้าที่เหมาะสม
อ่านข้อความแล้ว หวงหลางก็ปรากฏตัวขึ้น เขาตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัวอย่างจงใจและมีจุดมุ่งหมาย มีแค่มุมปากของเขาเท่านั้นที่คอยแต่จะยกขึ้นไป “ผีปรากฏตัวขึ้นจริง ๆ? อย่าพยายามหลอกผมเลย! ปู่ของผมห้ามพวกเราเปิดประตูหยิน นี่จะทำไปสู่ผลสะท้อนอันรุนแรงมาก!”
จำนวนคนดูเพิ่มขึ้นเป็นจรวด เพราะบ้านผีสิงส่วนใหญ่ล้วนเก็บการตกแต่งภายในของตนเอาไว้เป็นความลับ น้อยครั้งมากที่จะมีการไลฟ์สตรีมในบ้านผีสิง นอกจากนี้ หวงหลางยังเลือกบ้านผีสิงที่เป็นที่นิยมที่สุดบนออนไลน์ในการไลฟ์ของเขา และยังมีเหตุผลเบื้องหลังความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นของเขาด้วย
เขามีแฟนคลับอยู่ไม่น้อย และด้วยการจัดการของบริษัทของเขา ร่วมกับความนิยมของบ้านผีสิงของเฉินเกอที่บนอินเตอร์เนต ทั้งหมดนี้รวมกันนั้นส่งผลลัพธ์เกินกว่าที่ทุกคนคาดเดาเอาไว้ ผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มทะลักเข้ามาในห้องไลฟ์ของเขา และข้อความก็เริ่มถล่มพื้นที่พูดคุย
“ผีมีจริง! หลางต้าเกอเจอผีจริง ๆ!”
หัวข้อพูดคุยนี้ทะยานขึ้นติดอันดับของเวบไซต์ในทันที และนั่นก็ดึงดูดผู้เข้าชมให้เข้ามาในไลฟ์ของเขามากขึ้น
หวงหลางนั้นดีใจอยู่ลึก ๆ แต่ว่าเขาก็ยังสวมหน้ากากหวาดกลัวเอาไว้ “อย่าตื่นตระหนกไป โดยเฉพาะเวลาอย่างนี้ พวกเราไม่ควรตื่นตระหนก อย่ากังวล บรรพบุรุษทั้งหมดของผมล้วนเป็นนักทำนาย และเพราะอย่างนั้น ผมจึงมีประสบการณ์ในการรับมือกับปัญหาอย่างนี้!”
ยิ่งเขาพูดอะไรอย่างนี้ เหล่าคนดูก็ยิ่งมีปฏิกริยา หลายคนบอกให้เขาหันกลับไป และอีกหลายคนบอกให้เขาวิ่งหนี สรุปว่ามีผีอยู่ที่ข้างหลังเขาจริง ๆ นะ!
หวงหลางนึกขอบคุณทักษะการแต่งหน้าของหลีจิ่วอยู่ลึก ๆ ด้วยผลลัพธ์เช่นนี้ การจ่ายสองเท่าก็นับว่าคุ้มค่าจริง ๆ ร่างกายของเขาโซเซไปมาซ้ายทีขวาที แล้วยังรวมกับที่เขากำลังตัวสั่นอย่างหวาดกลัว ข้อความบอกให้เขาออกไปจากที่นี่มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งจะอยู่ที่นี่มากขึ้นเท่านั้น
เขาไขว้แขนเอาไว้ที่หน้าอกเป็นท่าประหลาด หวงหลางตะโกนเข้าไปในกล้องโดยไม่หันกลับไปมองรอบตัว “ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว วิ่งหนีก็สายเกินไป สงบใจไว้! พวกเราต้องสงบใจเข้าไว้!”
เขาปรบมือทั้งสองข้างเข้าหากัน และหวงหลางก็คำรามออกมาเสียงดัง “ไม่ว่าที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเราจะเป็นใคร ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องกลัว! ค้นหาความสงบในหัวใจ สวรรค์จับตามองพวกเราอยู่เสมอ!”
เมื่อเขาพูดออกไปแล้ว สายตาของหวงหลางก็เบนไปทันที สีหน้าหวาดกลัวที่เขาใช้อยู่หายไปอย่างช้า ๆ
“ไม่ต้องกลัว ยิ่งพวกเรากลัวแค่ไหน พวกมันก็จะยิ่งรังแกพวกเรา!” หวงหลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงกล้าหาญ “ไม่ต้องห่วง ผมไม่เคยโดดเดี่ยว มีพวกคุณทั้งหมดอยู่ด้วย พวกเราจะรอดไปด้วยกัน อย่าลืมทิปโฮสต์ของคุณสำหรับความกล้าหาญของเขานะครับ และอีกหนึ่งนาที พวกเราจะบุกออกไปกำจัดผีร้ายนี่เสีย!”
เห็นเงินที่คนดูส่งให้เขาแล้วความยินดีก็แผ่ไปทั่วหัวใจของหวงหลาง และกระทั่งแก้มของเขาก็แดงระเรื่อขึ้น เขาหันกลับไปเผชิญหน้ากับประตูและพูดออกมา “อย่างที่คุณปู่ของผมเคยพูดเอาไว้ ต้องสงบใจเอาไว้ให้ได้! ทำใจให้กระจ่างและฝึกปากว้านใจ เหล่าทหารหาญจะปรากฏตัวที่เบื้องหลังพวกเรา!”
เขาชี้นิ้วสองนิ้วไปทางหน้าต่าง กระทั่งในเวลาเช่นนี้ หวงหลางยังไม่ลืมที่จะปรับกล้องให้ตัวเองกับหน้าต่างและประตูห้องพักผู้ป่วยปรากฏในจอ ประตูห้องพักผู้ป่วยปิดลงพร้อมกับเสียงครูด และใบหน้าซีด ๆ ก็แอบมองผ่านหน้าต่างเข้ามา
นี่เป็นความซีดขาวที่ไม่สามารถใช้วิธีการแต่งหน้าทำขึ้นได้ มันเป็นความขาวที่ดูไร้ชีวิตชีวา คนผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นเหมือนอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว แต่ก็เหมือนกับจะล่องลอยหายไปตอนไหนก็ได้
ใบหน้าที่ไม่รู้จัก ดวงตาที่ไร้ม่านตาสีดำคู่นั้น เสียงครูดของประตู ริมฝีปากแห้งผาก และเส้นผมสีดำที่ยาวลงมาปกคลุมใบหูทั้งสองข้างเอาไว้…
ตอนที่หวงหลางเห็นใบหน้านี้ ร่างกายของเขาก็ผงะไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว และจากนั้นความรู้สึกชื่นชมในตัวหลีจิ่วก็พลุ่งขึ้นในใจ เขาเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง นี่ดีเกินไปแล้ว!
เมื่อแขนของเขาสั่น การไลฟ์ก็สั่นไปด้วย แน่นอนว่ายังมีผู้ที่สงสัยและคิดว่านี่เป็นกลเม็ดหนึ่งของพนักงานบ้านผีสิง คนดูบางคนแนะนำให้เรียกตำรวจส่งผู้รักษากฏหมายไปที่บ้านผีสิงเพื่อช่วยชีวิตหวงหลาง
ความสงสัยเหล่านี้นั้นเป็นที่คาดเดาได้ แต่ว่าหวงหลางนั้นไม่สนใจคนที่อยากจะเรียกตำรวจ เขาอยู่ในระหว่างการแสดงละครร่วมกับหลีจิ่ว แล้วเขาจะดำเนินต่อไปได้อย่างไรหากมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง? เพียงแค่ไม่ถึงครั่งชั่วโมงนี้ จำนวนคนดูก็เพิ่มขึ้นเป็นหลายแสนคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับหวงหลางและกระทั่งโฮสต์คนอื่น ๆ ของแพลตฟอร์มมาก่อน
“ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณตำรวจหรอกครับ อย่างน้อยที่สุดผมก็เป็นทายาทของนักทำนายที่สืบเชื้อสายกันมายาวนาน วันนี้ ผมจะแสดงพลังแท้จริงที่ผมได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษให้พวกคุณเห็นครับ ถ้ามันได้ผล ผมก็หวังว่าทุกคนจะลบความเห็นแย่ ๆ เกี่ยวกับยันต์ของผมที่ในร้านในเถาเป่าออกไป” เขาเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายหลังแล้วหยิบชาดที่บดเอาไว้บางส่วนออกมา ตอนที่เขากระโดดขึ้นไปและแตะปลายนิ้วของเขาลงที่หน้าผากของใบหน้าที่กั้นไว้ด้วยกระจกบาง ๆ “ฟังคำขอร้องของฉัน จักรพรรดิแห่งท้องนภา! ไปซะ เจ้าผีร้าย! เจ้าสู้พลังของฉันไม่ได้!”
เสียงของเขาก้องอยู่ในห้องพักผู้ป่วย หวงหลางใช้ชาดเขียนสัญลักษณ์ที่ไม่มีใครเข้าใจลงบนกระจก จากนั้นเขาก็โซเซถอยหลังขณะหอบหายใจเอาอากาศเข้าไปเหมือนเพิ่งทำบางอย่างที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากไป “ตอนนี้ทุกอย่างน่าจะไม่เป็นไรแล้ว”
หวงหลางเงยหน้าขึ้นมองไปที่หน้าต่าง และใบหน้ามนุษย์ที่นอกหน้าต่างก็ยังอยู่ตรงนั้น ดวงตาที่มีสีขาวล้วนนั้นเต็มไปด้วยความงุนงงเหมือนกำลังมองคนโง่คนหนึ่ง
เกิดบ้าอะไรขึ้นอีก? หวงหลางกัดฟันอย่างโมโห จากบทที่พวกเขาตกลงกันไว้ หลีจิ่วต้องถอยกลับไปแล้วตอนนี้ แต่ ‘หลีจิ่ว’ นั้นกลับไม่ให้ความร่วมมือเลย นี่เขากำลังเรียกร้องเงินมากขึ้นหรือไง? ให้เขาหนึ่งนิ้ว และเขาก็จะเรียกร้องหนึ่งหลา!
หัวใจของเขานั้นเดือดดาลเพราะความโกรธเกรี้ยว แต่อย่างไรเสีย หวงหลางก็เป็นนักไลฟ์สตรีมที่มีประสบการณ์จากเมืองซินไห่ เขาสามารถปรับตัวไปตามสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นอีก “ฟังคำขอร้องของข้า เทพธิดาแห่งความเมตตา! ชำระล้างบาปของเหล่าวิญญาณร้าย กลับไปยังที่ที่เจ้ามาซะ!”
หลังจากพึมพำบทสวด หวงหลางก็กระโดดไปมาทั่วห้อง และตอนที่มือของเขาพ้นจากกล้อง เขาก็ยื่นสามนิ้วไปยังใบหน้าที่บนหน้าต่าง เขาโบกสามนิ้วของเขาไปมา เป็นการบอกว่าเขายินดีจ่ายให้หลีจิ่วสามเท่า!
จ่ายสามเท่าเลยนะ ตอนนี้นายก็ควรจะพอใจได้แล้ว!
ใบหน้าที่บนหน้าต่างนั้นดูไม่เหมือนจะรู้วิธีการจัดการกับสถานการณ์นี้เหมือนกัน เห็นสามนิ้วของหวงหลางโบกไปมาตรงหน้าเขา เขาก็ดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่างและหายตัวไปอย่างช้า ๆ
หลังจากหลีจิ่วหายตัวไปจากสายตา หวงหลางก็หัวเราะเยาะให้กับความละโมบของหลีจิ่ว หน้าด้านและไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย แต่บนใบหน้าของเขากลับไม่ได้มีแววอาฆาตแค้น เขาหยุดทำท่าทางและหมุนกล้องไปทางประตูอีกครั้ง
“พวกคุณเห็นไหม! เจ้าสิ่งนั้นหายไปแล้ว!”
ในส่วนพูดคุยดูดีใจ และหวงหลางเองก็ยินดีกับความสงบชั่วครู่นี้ “เมื่อครู่นี้ เป็นผีตัวน้อย ๆ ที่ตามผมออกมาจากประตูหยินครับ อย่างที่พวกคุณได้เห็น นั่นไม่ใช่ผลลัพธ์ที่การแต่งหน้าจะทำได้ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด เจ้าสิ่งนั้นยังลอยอยู่กลางอากาศด้วย”
มีบางคำถามจากผู้ชมเพราะว่าพวกเขาไม่ได้เห็น ‘ผี’ หายตัวไป แต่ว่าหวงหลางเลือกที่จะไม่สนใจคำถามพวกนี้ทั้งหมด “ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว จากที่คุณปู่สอนผมมา วิญญาณสองสามดวงแรกที่หนีออกมาจากประตูหยินจะไม่ได้กล้าหาญมากนัก หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้วก็จะไม่กลับมาอีก”
หวงหลางเช็ดเหงื่อที่ไม่ได้มีอยู่บนหน้าผากของตัวเองแล้วพูดต่อ “เมื่อครู่นี้มันอันตรายจริง ๆ นั่นแหละ ต้องขอบคุณที่ผมรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เอาละ พวกเราจะออกไปจากที่นี่และดำเนินการเปิดเผยความลับของพวกเราต่อ…”
เขายิ่งพูด หวงหลางก็ยิ่งรู้สึกไม่ค่อยดี หน้าจอเริ่มสั่นอีกครั้ง และพื้นที่พูดคุยก็ถูกถล่มอีกครั้ง ความรู้สึกเลวร้ายผุดขึ้นในใจเขา หวงหลางเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าใบหน้าผีนั่นกลับมาอีกแล้ว!
*แม่งเอ๊ย! แกจะเอาอย่างนี้เหรอ?*หวงหลางกัดฟัน ‘หลีจิ่ว’ นอกบทได้ แต่เขาทำไม่ได้
เขาถอยหลังไปหลายก้าว และหวงหลางก็ทำเหมือนกับเขารู้สึกอับอาย เขาหันไปหากล้องและพูด “นี่ไม่ดีแล้ว! ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ผีน้อยที่หนีออกมาจากประตูหยินแล้วครั้งนี้! พลังหยินในบ้านผีสิงนี่รุนแรงเกินไป!”
เขาจ้องมองใบหน้าที่บนหน้าต่างอย่างโกรธแค้น “คราวนี้ ผมคงจะหนีได้ไม่ง่ายนัก แต่ไม่ต้องห่วงเพราะว่าปู่ของผมยังมอบเครื่องรางที่ทรงพลังให้กับผมอีกหลายชิ้น!”
เขาเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วดึงเครื่องรางชิ้นหนึ่งที่มีพื้นหลังสีแดงตัวอักษรสีดำออกมา หวงหลางดูต่างไปจากก่อนหน้า เขาส่งความเกลียดชังทั้งหมดที่เขามีไปยังหลีจิ่วและพูด “เครื่องรางนี้เป็นของที่แพงที่สุดในร้านของผมในเถาเป่า และยังมีจำนวนจำกัดบนโลกนี้! พวกมันล้วนเป็นสิ่งที่ปู่ของผมทิ้งเอาไว้! ไม่มีเวลาจะเสียแล้ว เป็นความผิดของผมเองที่อัญเชิญผีตนนี้เข้ามาในโลกของพวกเรา ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรผมก็จะขับไล่มันกลับไปยังปรโลกให้ได้!”
หวงหลางถือเครื่องราวเอาไว้แล้วหมุนตัวไปรอบ ๆ “ฟังคำขอร้องของข้า ผู้ปกครองแห่งปรโลก รับดวงวิญญาณเร่ร่อนดวงนี้ของท่านกลับไปเสีย อย่าได้ทิ้งเอาไว้บนโลกมนุษย์อีกต่อไป!”
ตอนที่เขาท่องมนต์จบ หวงหลางก็เหยียดสี่นิ้วไปยังใบหน้าที่บนหน้าต่าง เพราะประสบการณ์ก่อนหน้านี้ คราวนี้ใบหน้านั่นเข้าใจความหมายของหวงหลางได้ในทันทีหลังจากเห็นสี่นิ้ว เขาพยักหน้าเงียบ ๆ และหายตัวไป ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันได้อย่างแนบเนียน หลังจากใบหน้านั่นหายไป หวงหลางก็เล่นละครจบและติดยันต์เอาไว้ที่บนหน้าต่างอย่างโอ้อวด!
“ไม่ต้องกังวลแล้วคราวนี้! มียันต์ของผมที่คุณปู่ให้มา มันต้องกลับมาไม่ได้แล้วแน่นอน!” หวงหลางถอนหายใจลึก การไลฟ์ครั้งนี้ยากกว่าที่เขาคาดเอาไว้ เต็มไปด้วยการทดสอบมากมาย เขาเหลือบมองไปยังหน้าต่างด้วยท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อย เขากลัวว่า ‘หลีจิ่ว’ จะกลับมาอีก ดังนั้นจึงเตรียมกลับออกไปอย่างเร่งร้อน
“เอาละ พวกเราควรจะไปแล้วตอนนี้” หวงหลางหยิบโทรศัพท์ เปิดประตูแล้วเดินออกไป
ในทางเดินใต้ดินสายลมเย็นพัดมา และเสียงหัวเราะของเด็กก็ดูราวกับจะสะท้อนไปมาอยู่ในทางเดิน
เมื่อหวงหลางออกจากห้องพักผู้ป่วย เขาก็รู้สึกเย็นวาบไปตามสันหลัง เขาหมุนโทรศัพท์ และพบว่าพื้นที่พูดคุยนั้นวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้งแล้ว คราวนี้ ไม่ใช่แค่ไลฟ์ของเขาแล้ว แต่ทั้งแพลตฟอร์มล้วนชะงักไปจากการหลั่งไหลเข้ามามากเกินของข้อมูล
จำนวนคนดูนั้นทะลุสถิติสูงสุดตลอดมาของแพลตฟอร์มในพริบตา
“คราวนี้มีอะไรอีก?” หวงหลางหันมองรอบ ๆ และตอนที่สายตาของเขามองเห็น อากาศเย็นเยือกก็ราวกับจะไต่ขึ้นมาจากเท้าของเขาจนถึงหนังศีรษะ
ที่ยืนอยู่ห่างจากเขาไม่กี่ก้าวด้านหลังนั้นเป็นผีในชุดผู้ป่วยสี่คนยืนเรียงกันเป็นแถว!
ร่างกายของพวกเขานั้นบิดเบี้ยวจนดูไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไปแล้ว และสีหน้าบนใบหน้าของพวกเขายังยิ่งเน้นย้ำความไม่ใช่มนุษย์!
พวกเขาทั้งหมดมองหวงหลางเงียบ ๆ จากนั้นผู้ป่วยที่ตรงกลางก็ชี้ที่ตัวเอง และจากนั้นก็ชี้ไปยังผีทั้งสามที่ข้างตัวเขาก่อนที่จะยกแขนไปทางหวงหลางและชูสี่นิ้วให้เขา
TL note: *กินคำใหญ่เกินกว่าจะเคี้ยวได้ ทำสิ่งที่ยากเกินความสามารถ
ลืมแจ้งจากบทก่อนหน้า หลางต้าเกอ = พี่ใหญ่หมาป่า หวงหลาง = หมาป่าเหลือง