พระชายาอิงชินอ๋องร้อนใจดุจถูกแผดเผา ควบม้าเร่งความเร็วย้อนกลับไปยังเมืองหลวง กว่าจะกลับมาถึงเมืองก็ดึกมากแล้ว
ทหารอารักขาเมืองเห็นพระชายาอิงชินอ๋องกลับมาก็รีบเปิดประตูเมืองที่ปิดไปก่อนแล้วให้นาง
หลังพระชายาอิงชินอ๋องผ่านประตูเมืองเข้ามาก็มุ่งหน้ากลับจวนอิงชินอ๋องโดยไม่หยุดพัก
ประตูใหญ่สีแดงเข้มของจวนอิงชินอ๋องปิดสนิท สิงโตหินและกิเลนหยกหน้าประตูตั้งตระหง่านท่ามกลางฟ้ายามราตรีอันเงียบสงัด คนเฝ้าประตูเห็นพระชายากลับมาก็รีบเปิดประตูให้
“เจิงเอ๋อร์เล่า เขาเป็นเช่นไรบ้าง” พระชายาอิงชินอ๋องพลิกกายลงจากม้า คว้าตัวผู้หนึ่งเอ่ยถามด้วยความร้อนรน
“เรียนพระชายา ตั้งแต่ท่านอ๋องน้อยกลับจากวังก็กลับไปยังเรือนลั่วเหมย ไม่ออกมาอีกเลยขอรับ” คนผู้นั้นรีบตอบ
“ท่านอ๋องเล่า” พระชายาอิงชินอ๋องถามอีก
“ตั้งแต่ท่านอ๋องตามท่านอ๋องน้อยเข้าวังไปก็ยังมิกลับมา ตอนนี้ยังอยู่ที่วังขอรับ” คนผู้นั้นตอบ
สิ้นเสียงพระชายาอิงชินอ๋องก็สาวเท้าไปยังเรือนลั่วเหมยทันที
“พระชายา ท่านชะลอลงหน่อยเจ้าค่ะ” ชุนหลันตามพระชายาอิงชินอ๋องเข้าไปด้วยความรีบร้อน ตะโกนขึ้นด้วยเสียงติดหอบ “ใครก็ได้ รีบมาจุดโคมส่องทางให้พระชายา”
มีคนรีบไปนำโคมไฟมาแล้ววิ่งเหยาะนำทางไปยังเรือนลั่วเหมย
เมื่อมาถึงเรือนลั่วเหมยพบว่าประตูเรือนปิดสนิท ข้างในมีเพียงความมืดมิด ไม่มีการเคลื่อนไหวใดเลย
“เปิดประตู พระชายามาหา” ชุนหลันรีบก้าวขึ้นมาตะโกนขึ้น
หลินชีกับอวี้จั๋วยังไม่นอน เกิดเรื่องใหญ่ที่จวนอิงชินอ๋องในวันเช่นนี้ ตั้งแต่ฉินเจิงกลับมาก็ขังตัวเองไว้ในห้อง ไม่พบผู้ใดทั้งนั้น ทั้งสองต่างเป็นห่วงเขาจนนอนไม่หลับ ยามนี้ได้ยินว่าพระชายากลับมาแล้วก็รีบวิ่งมาเปิดประตูให้นาง
“เจิงเอ๋อร์เล่า อยู่ที่ไหน” พระชายาอิงชินอ๋องถามทั้งสอง
“เรียนพระชายา พอท่านอ๋องน้อยกลับมาก็ขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่พบผู้ใดทั้งนั้น ภายในห้องไม่มีการจุดตะเกียงตลอดมา” หลินชีตอบเสียงเบา
พระชายาอิงชินอ๋องพยักหน้าแล้วเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป
“พระชายา พี่สะใภ้เล่า ท่านตามนางทันหรือไม่” อวี้จั๋วตามพระชายาอิงชินอ๋องไปแล้วถามเสียงเบา
“ไม่ทัน” พระชายาอิงชินอ๋องตอบ
ความกระตือรือร้นของอวี้จั๋วหายไปทันที ไม่เอ่ยถามขึ้นอีก
พระชายาอิงชินอ๋องมาที่ประตูห้องแล้วผลักเข้าไป ทว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างใน ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย นางจึงส่งเสียงเรียก “เจิงเอ๋อร์ เปิดประตูให้แม่หน่อย”
สิ้นเสียงตะโกนก็ไม่มีเสียงตอบรับดังมาจากข้างใน
พระชายาอิงชินอ๋องส่งเสียงเรียกอีกหลายครั้ง ทว่ายังไม่มีเสียงตอบกลับมา
“พระชายา คงมิได้เกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋องน้อยหรอกใช่หรือไม่ ถึงอย่างไรระยะนี้ร่างกายเขาก็ได้รับบาดเจ็บ ยังไม่หายดี” ชุนหลันก้าวขึ้นมาแล้วกล่าวด้วยความลนลาน
“พวกเจ้าสองคนมานี่ พังประตูให้ข้า” พระชายาอิงชินอ๋องกวักมือเรียกอวี้จั๋วกับหลินชี
ทั้งสองก็เป็นห่วงฉินเจิงเช่นกัน ได้ยินคำสั่งก็รีบเดินเข้ามาหา
อวี้จั๋วมีวิทยายุทธ์ หลินชีแม้ได้ร่ำเรียนวิทยายุทธ์เบื้องต้นมา มีความรู้เพียงงูๆ ปลาๆ แต่ยังดีที่มีกำลัง ทั้งสองร่วมแรงกันดันประตู ไม่นานก็พังประตูเปิดออกได้
เมื่อประตูเปิดออก พระชายาอิงชินอ๋องก็ยกกระโปรงเข้าไปข้างในทันที
ชุนหลัน อวี้จั๋ว และหลินชีเองก็ตามเข้าไปเช่นกัน
ภายในห้องรับรองไร้ผู้คน ห้องชั้นกลางก็ไม่เห็นเงา กระทั่งห้องชั้นในก็ไม่พบผู้ใด
“จุดตะเกียง” พระชายาอิงชินอ๋องมองหารอบห้องก่อนบอกชุนหลัน
ชุนหลันรีบไปหยิบหินเหล็กไฟ คลำทางไปยังโต๊ะเพื่อจุดตะเกียง
หลังจุดตะเกียงเพิ่มแสงสว่างแล้วก็ค้นหาทั่วทั้งห้องอีกครั้ง ทว่าก็ไม่พบเงาเจ้าของห้องเลย
ฉินเจิงไม่อยู่ในห้อง
“พระชายา ไฉนถึงไม่พบท่านอ๋องน้อย ท่านอ๋องน้อยหายไปไหน เขาคงไม่ออกไปตามพระชายาน้อยด้วยความร้อนใจด้วยหรอกใช่หรือไม่” ชุนหลันเอ่ยด้วยความร้อนใจ
“เป็นไปไม่ได้ ทางไปเมืองหลินอันมีเพียงเส้นทางเดียว ระหว่างทางในเมื่อเรายังพบหลี่มู่ชิง หากเจิงเอ๋อร์ตามไปด้วย มีหรือจะไม่พบเขา” พระชายาอิงชินอ๋องส่ายหน้า
“เช่นนั้นไฉนท่านอ๋องน้อยจึงไม่อยู่ในห้อง คงไม่เกิดเรื่องใดขึ้นหรอกกระมัง” ชุนหลันกล่าว
พระชายาอิงชินอ๋องเดิมทีรีบกลับเมืองมาด้วยความกระวนกระวายใจ ยามนี้พังประตูห้องฉินเจิง ทว่ากลับไม่พบเงาเจ้าของห้อง นางตั้งสติทำจิตใจให้สงบแล้วสั่งงาน “พวกเจ้าออกไปค้นหาให้ทั่วทั้งห้องหนังสือและทุกแห่งในเรือนลั่วเหมย”
“เจ้าค่ะ/ขอรับ” ชุนหลัน อวี้จั๋ว และหลินชีรีบเดินออกไป
“ช้าก่อน อย่าเคลื่อนไหวให้คนแตกตื่น” พระชายาอิงชินอ๋องกำชับ
ทั้งสามเข้าใจความหมาย ขานรับแล้วรีบออกไป
พระชายาอิงชินอ๋องนั่งหน้าโต๊ะเพื่อพักผ่อน พินิจมองสภาพภายในห้องซึ่งไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย
พักใหญ่ต่อมาพวกชุนหลันก็กลับมา พร้อมส่ายหน้าให้พระชายาอิงชินอ๋อง “พระชายา ค้นหาในเรือนลั่วเหมยจนทั่วแล้ว แต่ไม่พบท่านอ๋องน้อยเลย” พูดจบก็หยั่งเชิงถาม “ให้พลิกจวนค้นหาหรือไม่”
“ไม่ต้องแล้ว” พระชายาอิงชินอ๋องส่ายหน้า
“แล้วท่านอ๋องน้อย…หายไปไหน หากเกิดเรื่องใดขึ้นจะทำเช่นไรเจ้าคะ” ชุนหลันกังวล
“สมแล้วที่เห็นเขาโตมาตั้งแต่เด็ก เจ้ายังเป็นห่วงเขามากกว่าข้าเสียอีก” พระชายาอิงชินอ๋องบีบไหล่ชุนหลันแผ่วเบา “เขาโตแล้ว รู้ดีว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ ยามนี้ในเมื่อไม่อยู่ที่เรือนลั่วเหมย ไม่ว่าหายไปไหน แต่คงไตร่ตรองดีแล้วว่าตนกำลังจะทำสิ่งใด ถึงเรากังวลไปก็เปล่าประโยชน์”
“พระชายาน้อยก็จริงๆ เลยเชียว ทิ้งท่านอ๋องน้อยไว้เช่นนี้แล้วเดินจากไป ความรักที่ท่านอ๋องน้อยมีต่อพระชายาน้อยนั้นเราต่างเห็นในสายตา มีใจเกินร้อยด้วยซ้ำ ไม่เคยลดลงแม้แต่น้อย ไฉนนางถึงใจร้ายเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าแม้แต่พระชายาตามไปยังปฏิเสธไม่ขอพบอย่างเด็ดขาด บ่าวไม่เข้าใจเลยจริงๆ” ชุนหลันได้ยินเช่นนั้นก็นัยน์ตาแดงก่ำ อดไม่ได้ที่จะตำหนิขึ้น
พระชายาอิงชินอ๋องถอนหายใจออกมา “เจ้าก็อย่าไปตำหนิหวาเอ๋อร์เลย ฐานะบุตรีแห่งจวนจงหย่งโหวนั้นไม่ง่าย เรียกได้ว่าเมื่อเทียบกับบุตรีในเมืองหลวงกระทั่งทั่วทุกแห่งในใต้หล้าแล้วลำบากกว่ามาก การที่นางจากไปวันนี้ต้องมีเหตุผลเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการหย่าร้างแล้ว…” พูดจบ นางก็ผุดลุกขึ้นยืนทันที “จริงด้วย พระราชโองการหย่าร้างต้องประกาศต่อใต้หล้า…เร็วเข้า รีบไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทที่วังหลวง”
พูดพลางพระชายาอิงชินอ๋องก็พรวดพราดออกจากห้อง เดินไปข้างนอกด้วยความรีบร้อน
ชุนหลันเองก็นึกขึ้นได้ รีบตามไปทันที
เมื่อออกจากห้อง พระชายาอิงชินอ๋องเดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดลงฉับพลัน ยกมือเรียกอวี้จั๋วกับหลินชีมาหาแล้วกำชับ “ปิดประตูให้สนิท พวกเจ้าสองคนเฝ้าเรือนลั่วเหมยไว้ ห้ามให้เรื่องท่านอ๋องน้อยไม่อยู่ที่เรือนลั่วเหมยแพร่งพรายออกไปโดยเด็ดขาด หากมีคนมาหาก็บอกไปอย่างก่อนหน้านี้ว่าท่านอ๋องน้อยเก็บตัวไม่พบผู้ใด”
“ขอรับ” หลินชีกับอวี้จั๋วรับคำ พยักหน้าพร้อมเพรียง
พระชายาอิงชินอ๋องสั่งงานเสร็จแล้วก็นำชุนหลันออกจากเรือนลั่วเหมย หาได้กลับไปยังเรือนของตนเอง หากแต่ตรงไปยังประตูจวน แล้วขี่ม้าไปยังวังหลวง
เมืองหลวงกลางดึกเงียบสงัดอย่างยิ่ง เสียงกีบเท้าม้าวิ่งผ่าน สร้างความตกใจให้สุนัขชาวบ้านเห่าขึ้น
สุนัขเห่าขึ้นครั้งหนึ่ง สุนัขตัวอื่นบนถนนก็ส่งเสียงเห่าตาม
พระชายาอิงชินอ๋องมาถึงหน้าประตูวังอย่างว่องไว ประตูวังตอนกลางดึกประดับด้วยโคมไฟเฉกเช่นปกติ รัตติกาลช่วยขับให้กำแพงวังหลวงสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างหนักหน่วง
พระชายาอิงชินอ๋องดึงเชือกบังเ**ยน ก่อนตะโกนบอกองครักษ์อารักขาประตูวัง “เปิดประตู ข้าต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาทอย่างเร่งด่วน”
คนอารักขาประตูวังเห็นว่าเป็นพระชายาอิงชินอ๋องมา รองหัวหน้าขึ้นไปบนกำแพงแล้วตอบกลับด้วยความเคารพ “พระชายาโปรดรอสักครู่ กระหม่อมจะรีบไปทูลรายงานฝ่าบาท”
“ได้ เจ้าไปทูลรายงานฝ่าบาทว่าจำต้องเปิดประตูให้ข้าเข้าเฝ้า วันนี้ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องพบฝ่าบาทให้ได้ หากทรงไม่ยอมพบข้า ข้าก็จะบุกเข้าไปเอง” พระชายาอิงชินอ๋องย้ำเตือนด้วยวาจาดุดัน
รองหัวหน้ารีบพยักหน้ารัว คิดในใจว่าสมกับเป็นแม่ลูกกัน นิสัยบางอย่างของท่านอ๋องน้อยเจิงต้องได้รับถ่ายทอดมาจากพระชายาอิงชินอ๋องเป็นแน่ เพราะท่านอ๋องค่อนข้างมีนิสัยอ่อนโยน ไม่โกรธเคืองง่ายๆ แม้พระชายาอิงชินอ๋องดูแล้วอ่อนโยนเช่นกัน แต่แท้จริงแล้วมิใช่คนที่จะคุยด้วยง่าย ท่านอ๋องน้อยยิ่งเป็นศิษย์เหนือกว่าครู