ตอนที่ 655: ความแข็งแกร่งของเทียนเจี้ยน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 655: ความแข็งแกร่งของเทียนเจี้ยน

ต้องขอบคุณประตูมิติที่เปิดออกมาสู่โลก เซียนราชาของตระกูลเอ้าหยุนและตระกูลเทียนมู่ได้มาถึงที่นี่ แม้ว่าพวกนั้นจะเป็นเซียนราชาเช่นกัน แต่เซียนราชาของตระกูลทั้งสองนั้นมีประตูทางเข้าที่ดูน่าประทับใจยิ่งกว่าของเทียนเจี้ยน ความกดดันที่พวกเขามาถึงนั้นเหนือกว่าการคงอยู่ ‘ แบบธรรมดา ‘ ของเทียนเจี้ยน

ชายชุดขาวและชายชุดเทาได้เดินออกมาจากประตูมิติ ทั้งคู่ดูอายุได้ราว 70 ปีและสายตาของทั้งคู่ก็ดูเปล่งประกายอย่างกับดวงดาว ถ้ามีคนมองไปที่ตาของทั้งคู่ พวกเขาต้องหลงใหลมันแน่ ๆ ทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าตระกูลของตัวเองและจากรูปร่างของทั้งคู่แล้วบ่งบอกได้เลยว่าพวกเขานี้ต้องไร้เทียมทาน ถ้ามีคนอื่นมามองดูจะเห็นได้ว่านี่คือร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

“คารวะใต้เท้า !”

“คารวะผู้อาวุโสสูงสุด ! “

ผู้อาวุโสจากตระกูลเอ้าหยุนและตระกูลเทียนมู่ต่างก็คารวะเซียนราชาของตน หลังจากนั้นสักครู่พวกเขานั้นก็เริ่มอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น

ตอนนี้เซียนผู้คุมกฎทุกคนที่ได้มารวมกันที่นี่จากกลุ่มอื่น ๆได้ถอยออกไปไกลแล้ว แต่ละคนต่างก็ยอมแพ้กับความคิดที่จะเอาส่วนแบ่งในโลหะผสมทังสเตน แค่คิดยังไม่มีทางเป็นไปได้ ด้วยการที่มีตระกูลโบราณมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และยังมีเซียนระดับราชาอีก 2 คนโผล่เข้ามาอีก มันคงเป็นการต่อสู้ที่พวกเขาไม่สามารถเข้าไปร่วมได้

เซียนราชาทั้งสองได้ตระหนักอย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขามองไปที่ชายชุดขาว เทียนเจี้ยน ซึ่งยืนอยู่โดยไม่สนสิ่งใด

“ผู้อาวุโส ท่านเป็นใครกัน ! ” เซียนระดับราชาจากตระกูลเทียนมู่ถามขึ้นมาด้วยความเคารพ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของเทียนเจี้ยน แต่เขาเองก็ไม่ได้เกรงกลัวเทียนเจี้ยนเช่นกัน เซียนราชาทุกคนมักจะซ่อนพลังของตนเองไว้ ทำให้ยากที่จะบอกได้ว่าแต่ละคนนั้นแข็งแกร่งเพียงใด

“ข้าไม่ใช่คนสำคัญแต่อย่างใด โลหะผสมทังสเตนนี่ไม่ใช่ของพวกเจ้า กลับบ้านไปซะ “เทียนเจี้ยนตอบกลับ จากวิธีที่เขาพูด มันเห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นเซียนระดับราชาอีก 2 คนอยู่ในสายตา

คำพูดของเทียนเจี้ยนทำให้เซียนราชาจากตระกูลเอ้าหยุนนั้นหน้ามืดครึ้มขึ้นมา คำพูดนี้เหมือนเขาไม่สนว่ามีเซียนราชายืนอยู่ตรงหน้า และนั่นทำให้เซียนราชาของตระกูลเทียนมู่โกรธเช่นกัน อีกอย่างน้ำเสียงของเทียนเจี้ยนนั้นก็ฟังดูราบเรียบ แต่คำพูดของเขานั้นได้ไม่ต่างอะไรกับการสั่งให้ทั้งสองตระกูลนั้นกลับบ้านไปเสีย นี่มันเป็นการตบหน้าตระกูลทั้งคู่อย่างเห็นได้ชัด

จากที่ไกล ๆ เซียนผู้คุมกฎที่แอบอยู่ต่างก็มองหน้ากันแปลก ๆ พวกนั้นพยายามจะคาดเดาถึงความแข็งแกร่งของเทียนเจี้ยนและพยายามคิดว่าเขาเป็นใคร ทั่วทั้งทวีปไม่ค่อยมีใครทำตัวเช่นนี้กับสองตระกูลโบราณและพูดจาหยาบคายเช่นนี้

เซียนระดับราชาจากตระกูลเอ้าหยุนเริ่มทำสีหน้าเคร่งขรึมด้วย เขามองไปที่เทียนเจี้ยน และพูดขึ้น “ผู้อาวุโส ท่านช่างกล้าหาญนัก บอกให้เรากลับบ้านด้วยคำพูดแค่เพียงอย่างเดียวงั้นหรือ ? ท่านคิดว่าท่านสามารถสู้ได้ทั้งตระกูลเทียนมู่และตระกูลเอ้าหยุนด้วยตัวคนเดียวงั้นรึ ? “

เทียนเจี้ยนเอามือไพร่หลังและตอบกลับ “ข้าไม่คิดจะสู้กับพวกเจ้า แต่ดูหมือนว่าถ้าข้าไม่ทำ พวกเจ้าคงไม่ยอมจากไป”

“ช่างหยิ่งยโสยิ่งนัก ! ถ้าท่านมั่นใจในทักษะของท่าน งั้นให้ผู้อาวุโสคนนี้ได้ประลองฝีมือกับท่านสักครา ! ” เซียนราชาจากตระกูลเอ้าหยุนฮึดฮัดออกมาก่อนจะรวบรวมพลังโลกเข้าที่ฝ่ามือ เขาบินเข้าหาเทียนเจี้ยนด้วยความรวดเร็วพร้อมกับหมัดที่พร้อมจะต่อยเข้าไป

พลังงานโลกนั้นเป็นพลังงานซึ่งเซียนราชาสามารถใช้ได้ เปรียบเทียบกับพลังเซียน พลังงานโลกนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก พลังนี้มันไม่มีรูปร่างเนื่องจากมันสร้างจาก ‘สสารที่ว่างเปล่า ‘ แต่พลังของมันนั้นสูงอย่างมาก

แต่เขายังเอามือไขว้หลังอยู่ เทียนเจี้ยนนั้นไม่มีวี่แววว่าจะขยับเลย แต่กลับกันมีลำแสงสีทองบินออกมาจากตาของเขาและพุ่งเข้าใส่เซียนราชาด้วยความเร็วสูง

ความเร็วที่แสงสีทองเดินทางนั้นรวดเร็วอย่างมาก มันแทงทะลุพลังงานโลกได้อย่างง่ายดาย และมันได้พุ่งต่อไปโดยไม่มีปัญหาอะไร โดยได้พุ่งเข้าหาเซียนราชาโดยไม่มีทีท่าว่าจะช้าลงเลย

“พรืด ! “

ลำแสงนั้นอัดเข้าที่อกของเซียนราชาและฉีกร่างเขาอย่างกับเขาเป็นเต้าหู้ ชั่วครู่ต่อมาก็ได้ปรากฏรูขนาด 2 นิ้วโผล่ขึ้นมาบนอกของเขา

เลือดค่อย ๆ ไหลออกมาจากบาดแผลของเซียนราชา เมื่อดูสองบาดแผลที่หน้าอกของเขาแล้ว เซียนราชานั้นอึ้งและทำได้แต่แสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา

ตาของเซียนราชาของตระกูลเทียนมู่แทบจะหลุดออกมาจากเบ้าตา เขาทำได้แต่มองไปที่หน้าอกของเซียนราชาของตระกูลเอ้าหยุนที่ซึ่งมีเลือดค่อย ๆ ไหลออกมาจากบาดแผล เขาก็เหมือนทุกคน เขาเองก็อึ้งเหมือนกัน

เซียนผู้คุมกฎที่มองดูการต่อสู้อยู่ต่างก็อ้าปากค้าง พวกเขาต่างก็ไม่เชื่อสายตาตัวเอง

ทุกคนต่างก็เหมือนกับโดนสายฟ้าฟาด แม้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขา แต่นั่นก็ยังทำให้เกิดคำถามขึ้นในหัวของพวกเขาอยู่ เซียนราชาผู้แข็งแกร่งนั้นสามารถบาดเจ็บได้ง่ายดายถึงขนาดนี้ !

“ทะ-ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ท่านยังสบายดีอยู่หรือไม่ ? ” หนึ่งในเซียนผู้คุมกฎรีบถามออกมา เขาบินไปที่เซียนราชา ใบหน้าของเซียนผู้คุมกฎนั้นซีดขาวพร้อมกับถามไถ่ออกมาไม่หยุด

ผู้อาวุโสของพวกเขานั้นเป็นถึงเซียนราชาขั้นสุดยอด กวาดตามองไปทั่วทั้งทวีป พวกเขายืนอยู่เหนือผู้ใด การได้รับบาดเจ็บง่ายดายแบบนี้โดยคนที่ทำเหมือนปัดขี้ฝุ่นออกจากไหล่นี่มันเกินไปหน่อยแล้ว

มันราวกับเซียนราชาผู้นั้นไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนพูด เขาทำได้แค่มองไปที่เทียนเจี้ยนด้วยความตื่นตกใจ “ทะ-ท่านเป็นใครกัน ! ” ในน้ำเสียงที่เขาพูดนั้นแฝงไปด้วยความหวาดกลัว เขารู้ว่าเขาคงทำอะไรเทียนเจี้ยนไม่ได้ จึงไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งทะนงดังเช่นแต่ก่อน

แม้แต่เซียนราชาของตระกูลเทียนมู่เองก็ยังลดพลังและกลิ่นอายของเขาลง เขามองไปที่เทียนเจี้ยนด้วยความกลัว แม้ว่ามันยากที่เขาจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเซียนราชาได้รับบาดเจ็บอย่างง่ายดายขนาดนี้

นูบิสและเจียเต๋อไท่ต่างก็อึ้งด้วยเช่นกัน ใบหน้าของทั้งคู่ต่างก็แสดงแต่เพียงความหวาดกลัวเมื่อเทียนเจี้ยนแสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของเขาออกมา นูบิสนั้นมองไม่เห็นความหยิ่งยโสบนใบหน้าของชายคนนั้นเลย

หวงเทียนป้าเองก็มองไปยังเจียเต๋อไท่และนูบิส เขาได้พูดขึ้นมา ” นี่คือผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง รีบ ๆ คารวะเสีย” แม้ว่าเขาจะบอกสองคนนั้น แต่หวงเทียนป้าไม่ได้พูดกระซิบกับสองคนนั้น ทุกคนจึงได้ยินที่เขาพูด

“อะไรนะ ? ! เขาคือผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง! “

ในตอนที่ได้ยินฐานะของชายคนนี้ ใครที่ได้ยินต่างก็แทบหยุดหายใจ เซียนราชาทั้งสองคนเองก็ไม่เว้น

สักพักทุกคนต่างก็ยังคงพูดอะไรไม่ออก ไม่มีใครกล้าขยับแม้แต่นิดเดียว แต่ทันใดนั้นก็มีหนึ่งในนั้นที่คุกเข่าให้กับเทียนเจี้ยน ” ผู้เยาว์ขอคารวะผู้อาวุโสสูงสุด ! “

“ผู้เยาว์ขอคารวะผู้อาวุโสสูงสุด ! ” เจียเต๋อไท่และนูบิสรีบคุกเข่าทำความเคารพทันที ในตอนนี้หัวใจของทั้งสองแทบจะกระโจนออกมาจากอก ไม่มีเลยสักครั้งที่พวกเขาจะคิดว่าเจี้ยนเฉินมีคนที่ทรงพลังแบบนี้คอยช่วยเหลือ

“ท่าน…ท่านคือผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเมืองทหารรับจ้างจริง ๆ ! ” เซียนราชาของตระกูลเอ้าหยุนอุทานออกมาด้วยความตะลึง วินาทีต่อมาใบหน้าของเขาก็ซีดยิ่งกว่าเดิมทันที