ตอนที่ 656: ชัยชนะ
เซียนราชาของตระกูลเทียนมู่ตกตะลึงอย่างมากกับเทียนเจี้ยน คนที่เขาคิดว่าไม่สำคัญอะไรก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขายากที่จะเชื่อว่าคนนี้คือผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง แต่ที่ยากที่จะเชื่อขึ้นไปอีกคือชายผู้นี้มาหนุนหลังเจี้ยนเฉิน บุคคลที่มีโลหะผสมทังสเตน
ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างนั้นเป็นตำแหน่งสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง ผู้อยู่เหนือกว่ากฎหมายของเมือง ผู้อาวุโสสูงสุดสามารถควบคุมแม้แต่เซียนผู้คุมกฎที่ประจำอยู่ที่นั่น เขาเป็นผู้ที่แม้แต่หัวหน้าตระกูลโบราณก็เทียบไม่ได้
ไม่ใช่แค่เมืองทหารรับจ้างจะเป็นฝ่ายที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ผู้อาวุโสสูงสุดเองก็มีพลังระดับที่น่ากลัว เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ตระกูลเทียนมู่และตระกูลเอ้าหยุนต่างก็ดูเหมือนไร้พลัง
“แต่….ได้เช่นใด ? ! เจี้ยนเฉินและผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเมืองทหารรับจ้างรู้จักกันได้อย่างไร ? ! ” เทียนมู่หลิง มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความอึ้ง แม้ว่าจะเป็นเซียนปฐพีแต่นางเองก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลโบราณ ความรอบรู้ของเธอในเรื่องนี้เยอะกว่าคนธรรมดา ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดผู้นี้สำคัญเช่นใด
มันไม่ต่างอะไรกับการเป็นผู้นำสูงสุดของทั้งทวีป !
” เอ้ย ! ” จุ่นโม่เห่ากลับมาใจเย็นได้อย่างรวดเร็วกว่าคนอื่น ๆ “ไม่คิดเลยว่าเขาจะเรียกผู้อาวุโสสูงสุดของ เมืองทหารรับจ้างมาที่นี่ด้วย งั้นจบเรื่องกันไปเถิด มีแค่ฝ่ายเดียวที่พอสามารถสู้กับผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง ได้คงต้องเป็นตระกูลผู้พิทักษ์ในตำนาน “
“หลิงเอ๋อ สหายของเจ้านี่ไม่ใช่คนธรรมดาเลย เขาเชิญผู้อาวุโสแห่งเมืองทหารรับจ้างมาได้ด้วย ! นึกไม่ถึงจริง ๆ มันช่างคาดไม่ถึงจริง ๆ ใครจะไปกล้ามีส่วนในโลหะผสมทังสเตนกันในตอนนี้ ? ” หวังหยานหงเอ่ยกับเทียนมู่หลิงที่ยังคงอึ้งอยู่
เซียนราชาของตระกูลเทียนมู่เองก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมองไปที่เทียนเจี้ยนด้วยท่าทีหวาดกลัว ” ข้า เทียนมู่หยวน ขอคารวะผู้อาวุโสสูงสุด ข้าไม่คิดว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะปรากฏตัวในวันนี้ ช่างน่าแปลกใจจริง ๆ ถ้าตระกูลเทียนมู่ได้ทำการล่วงเกินไปในวันนี้ ข้าหวังว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะไม่ถือสา” ครั้งนี้น้ำเสียงของเซียนราชาดูต่างจากแต่ก่อน ไม่มีความหยิ่งทะนงอีกต่อไปและพลังที่แผ่มาของเขาก็ดูจะหม่นลง
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง เทียนมู่หยวนไม่กล้าที่จะทำตัวหยิ่งยโสด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่เจ้าเลิกคิดเรื่องโลหะผสมทังสเตนไป นั่นคงไม่มีปัญหาอะไร” เทียนเจี้ยนพูดขึ้นมา
“ในเมื่อผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ยปากเช่นนี้แล้ว ตระกูลเทียนมู่ของเราจะไม่หวังในส่วนแบ่งนั้นแม้แต่น้อย เราจะกลับแล้ว” เทียนมู่หยวนตอบกลับไป เขาบอกลาเทียนเจี้ยนและเปิดประตูมิติออกพร้อมกับสมาชิกในตระกูลของเขาได้ออกจากพื้นที่นี้ไป
“ผู้อาวุโสสูงสุด ข้าเองทำตัวไม่เคารพท่าน ข้าหวังว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะให้อภัยข้าผู้นี้ เอ้าหยุนชิงผิง ข้าผู้นี้ขออภัยอย่างสุดซึ้ง ” เซียนราชาของตระกูลเอ้าหยุนทำตัวอ่อนน้อมถ่อนตนเช่นกัน เขาคุกเข่าให้กับเทียนเจี้ยน เนื่องจากเขารู้ว่าเขายังอยู่ในฐานะที่เป็นศัตรู แม้ว่าเทียนเจี้ยนจะให้อภัยเขา แต่ความจริงที่ว่าเขาและตระกูลเอ้าหยุนได้ล่วงเกินเทียนเจี้ยนนั้นเป็นที่ทราบกันทั่วไป ที่เขาทำการล่วงเกินนั้นคือผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างจากบุคคลทั้งหมดในโลก เทียนเจี้ยนนั้นเป็นเพียงไม่กี่คนที่ไม่น่าล่วงเกิน
“กลับไปเสีย นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะพูด ” เทียนเจี้ยนพูดขึ้นอย่างใจเย็น เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดในคำพูดของเขา
“ได้ ตระกูลเอ้าหยุนของข้าจะกลับเดี๋ยวนี้ เราจะไม่คิดเรื่องโลหะผสมทังสเตนอีก” เซียนระดับราชารีบตอบกลับก่อนจะพาตระกูลของเขาเข้าประตูมิติทันที
ในเสี้ยวพริบตา เซียนระดับราชา 2 คนที่เพิ่งมาถึงก็ได้พ่ายแพ้ไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พวกนั้นได้กลับไปแล้ว ตอนนี้พวกเดียวที่เหลืออยู่คือพวกถือสันโดษและเซียนผู้คุมกฎอย่างพวกซิตูชิงและคนอื่น ๆ
“ผู้อาวุโสสูงสุดจงเจริญ นิกายดาบเทวะของเราจะไม่คิดมีส่วนในเรื่องนี้เช่นกัน”
“ผู้อาวุโสสูงสุดจงเจริญ พวกเราจากเมืองไป่หัวเองก็ไม่คิดจะมีส่วนในเรื่องนี้”
……
ไม่นานหลังจากนั้นพวกถือสันโดษหลายกลุ่มและสำนักต่าง ๆ ก็ไม่คิดจะมายุ่งเรื่องโลหะผสมทังสเตน ด้วยการที่มีผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ที่นี่และตระกูลโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดจากไป พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น
หลังจากได้เจอกับเรื่องนี้ต่อหน้า พวกเขาทุกคนตอนนี้ต่างก็รู้ว่าหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างอัคนี เจี้ยนเฉิน คือบุคคลที่พวกเขาไม่อาจทำการล่วงเกินได้ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดๆ แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะไม่ใช่เรื่องสำคัญ ในตอนที่สู้กับพวกเขา แต่ผู้หนุนหลังของเขาเองก็ยังคงเป็นผู้ที่ยืนอยู่ในระดับสูงสุดของทวีป
ครั้งนี้ เจี้ยนเฉินได้เป็นที่รู้จักกันในหมู่ตระกูลและพวกที่ถือสันโดษแล้ว !
ผลลัพธ์นี้ทำให้เซียนผู้คุมกฎหลายคนต่างก็ร่ำลาเจี้ยนเฉินอย่างเป็นมิตรก่อนจะจากไป ซิตูชิงและคนอื่น ๆ เองก็แสดงสีหน้าซับซ้อน ไม่มีสักคนเลยที่คิดว่าแผนของพวกเขาจะพังลงเช่นนี้ การปรากฏตัวของผู้อาวุโสสูงสุดนั้นทำให้แผนของพวกเขาพังทลาย และตอนนี้ ซิตูชิงและเซียนผู้คุมกฎอีก 2 คนจากตระกูลหวงฟู่ต่างก็กลัวว่าจะถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ
“ทำไมพวกเจ้ายังนิ่งเฉยอีก ? รีบไปเลย วิ่ง ! ” ซิตูชิงเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมาเพื่อปลุกคนอื่น ๆ จากความสับสน เขาหันหนีและรีบเดินทางห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรด้วยความเร็วที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ การอยู่ที่นี่ต่อไปมีแต่เพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่
เซียนผู้คุมกฎของตระกูลหวงฟู่, ไป๋ไฮ และเกอซิ่วไม่ลังเลเช่นกัน ทั้งสองเดินทางออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุด
“พวกเจ้าคิดจะไปที่ไหนกัน ? หยุดพวกมัน ! ” เจี้ยนเฉินร้องออกมาก่อนจะวิ่งเข้าใส่ซิตูชิง
“จินเทียน, จิ้งเฟิง การหนีนั้นไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด ! ทำไมเจ้าไม่อยู่สะสางหนี้แค้นกับข้าก่อน ? ” หวงเทียนป้าหัวเราะออกมา ในมือของเขามีธนูยาวสีทอง เขายิงธนูออกมา 2 ดอกพุ่งตรงเข้าใส่ผู้ที่หลบหนี จินเทียนและจิ้งเฟิง
“ไอ้แก่ การต่อสู้ของเรายังไม่จบ ! ” นูบิสร้องออกมาดัง ๆ ก่อนจะแปลงร่างเป็นแสงสีทองแล้วไล่ตามเกอซิ่ว เจียเต๋อไท่ไม่ลังเลที่จะไล่ตามชายชุดฟ้า ไป๋ไฮ ซึ่งบาดเจ็บก่อนหน้านี้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะลดลงเหลือน้อยกว่าไป๋ไฮ แต่ด้วยการที่มีผู้หนุนหลัง เจียเต๋อไท่ก็ไม่กลัวอีกต่อไป
“ฟรึด ๆ ! “
ลูกธนูพลังงานสีทองยิงเข้าใส่จินเทียนและจิ้งเฟิงด้วยความเร็วสูง สมกับเป็นยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ ลูกธนูนั้นล็อคเป้าหมายไปที่ชายทางสองโดยไม่มีทางพลาดเป้า
ทั้งคู่ไม่ลดความเร็วลง ทั้งสองหยิบยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎออกมาเพื่อกันลูกธนูนั้นออกไปและจากนั้นจึงวิ่งต่อ
ในอีกด้าน เกอซิ่วนั้นหนีไปได้ไกลกว่าคนอื่น เขาอยู่นอกสายตาไปแล้ว ไม่มีทางเลยที่นูบิสจะไล่ตามเขาได้ ความต่างของความแข็งแกร่งของทั้งคู่นั้นมีมากเกินไป และความเข้าใจในเรื่องมิติของเกอซิ่วเองก็มีเยอะพอสมควร
ก็เหมือนกัน เจี้ยนเฉินนั้นไม่สามารถไล่ตามซิตูชิงได้ ศัตรูของเจี้ยนเฉินได้หนีไปแล้วและเขาก็ได้แต่ความผิดหวังกลับมา