หิมะตก ณ ฉางอัน ทุ่งหญ้าที่แคว้นหนานจ้าวยังคงเขียวขจีอยู่ โต้วเยี่ยนซานลงมาจากหอจู๋โหลว บิดเอวด้วยความขี้เกียจ สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วหยิบหนังสือที่เหน็บตรงเอวออกมา ค่อยๆ เดินไปรอบๆ หอจู๋โหลวอันงดงาม ผมยาวพาดบ่า ไม่ได้เกล้าขึ้นมา เขาคิดว่าปล่อยไว้แบบนี้รู้สึกสบายกว่า
ตื่นมาอ่านหนังสือตอนเช้ากลายเป็นความเคยชินของเขาไปแล้ว เพียงแต่ว่าหนังสือที่นี่น้อยไปหน่อย อย่างเช่นหนังสือที่เขาถืออยู่ก็คือหนังสือบอกฤกษ์
เดือนสามวันที่สามสิบ ฤกษ์สร้างบ้าน ฤกษ์สร้างฮวงซุ้ย ฤกษ์ฝังศพ เป็นวันดี ต้องหาอะไรทำเสียหน่อยแล้ว ไม่เช่นนั้นไม่ต้องรอให้หลี่ซื่อหมินมาจัดการ ตัวเองก็คงค่อยๆ แหลกสลายไปเอง
ด้านล่างหอจู๋โหลวของเขาไม่ได้เลี้ยงหมู พื้นสะอาดสะอ้าน มีเพียงต้นหญ้าต้นเล็กๆ ขึ้น หญ้าเติบโตได้ไม่ดีเพราะใส่ผงกำมะถันเยอะเกินไป งู แมลง มดไม่สามารถอาศัยบนพื้นที่นี้ได้ ดังนั้นหอจู๋โหลวของโต้วเยี่ยนซานจึงสะอาดมาก
ผู้ดูแลบ้านก็ยังคงคอยดูแลเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในชนเผ่าอย่างจงรักภักดี ทุกวันจะส่งคนเข้าป่าไปหาอาหาร เป็นเรื่องที่ต้องทำทุกวัน
เสบียงไม่เคยพอกิน โดยเฉพาะไม่กี่วันมานี้ ตอนที่โต้วเยี่ยนซานเห็นผู้ดูแลบ้านแทะกระดูกอะไรก็ไม่รู้ ก็รู้ว่าต้องออกไปหาเสบียงเพิ่มแล้ว
ตอนแรกคิดว่าจะให้คนในชนเผ่าไปปล้นเสบียงชนเผ่าเล็กๆ มา ใครจะไปรู้ว่ามีทหารจำนวนสามร้อยนายถือไม้ไผ่สวมเกราะสานบุกเข้าไปในป่า สุดท้ายกลับออกมาไม่ถึงหนึ่งร้อยคน ที่เหลือเป็นอาหารมดไปหมดแล้ว ไม่มีใครหิวจนตาลายตอนอยู่ในป่าที่น่ากลัวนี้แล้วออกไปตระเวณหาอาหารหรอก เพราะจะกลายเป็นศัตรูของป่าแห่งนี้ทันที
โต้วเยี่ยนซานหักเสบียงตัวเองออกครึ่งหนึ่ง ที่เหลือก็พึ่งหน่อไม้กับมันเทศมาประทังชีวิต
ในคอกหมูยังมีหมู แต่ไม่มีใครเห็นด้วยกับความคิดที่จะฆ่าหมูของโต้วเยี่ยนซาน แม้แต่ผู้ดูแลบ้านก็ไม่เห็นด้วย หมูเป็นเสบียงสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตคนทั้งชนเผ่าได้ ตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ลำบากที่สุด
ท้องของโต้วเยี่ยนซานกำลังร้อง เขาเพิ่งค้นพบว่าการหิวโหยมันน่ากลัวถึงเพียงนี้ กระดูกทั่วร่างกายกำลังร้องครวญคราง หัวใจ ตับ ม้าม ปอดและไตกำลังร้องโอดโอย เห็นอะไรก็กลายเป็นของกินไปหมด
เขาจำไม่ได้แล้วว่าครั้งล่าสุดที่ได้กินข้าวอย่างจริงจังคือเมื่อไหร่ เมื่อคืนฝันว่ากำลังกินข้าวอยู่คนเดียว มีเนื้อแพะย่างเป็นตัว โต้วเยี่ยนซานที่เป็นถึงทายาทคนโตของบ้าน ตอนนี้อยากได้ขนมเปี๊ยะมากินกับเนื้อแพะ หรือจะเป็นกัวคุยที่พวกทาสกินกันก็ได้
เกาะอยู่บนคอกหมูอีกรอบมองดูหมูตัวอ้วนที่กำลังส่งเสียงร้องก็น้ำลายไหล หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด… มีหมูอ้วนทั้งหมดยี่สิบสองตัว เขาตกอยู่ในจุดที่ต้องนั่งนับหมูทุกวัน
คอกหมูมีสิ่งดำๆ ตัวที่ยี่สิบสามกำลังปีนป่าย เขาหวังว่าตัวสีดำสุดท้ายที่กำลังแย่งอาหารกับหมูก็เป็นหมูเหมือนกัน
พอนางเงยหน้าขึ้นมาเห็นโต้วเยี่ยนซานกำลังจองอยู่ ก็รู้ได้เลยว่านั่นไม่ใช่หมู นั่นคือคน เป็นผู้หญิงเสียด้วย
“ทั่นเกอ ดูเจ้าสิ ตอนนี้ในชนเผ่า มีเพียงเจ้าที่ได้กินทุกวัน แม้อาหารแย่นิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่มี ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว ทำไมพวกเจ้าจนเช่นนี้ พวกเรามีเพียงสามสิบคนก็กินเสบียงที่พวกเจ้าสำรองไว้หมด ขี้เกียจเกินไปแล้ว พวกเจ้าช่วยอาศัยช่วงที่เสบียงเยอะกักตุนไว้ให้มากกว่านี้ไม่ได้หรอ”
ทั่นเกอลุกขึ้น กลืนหญ้าเขียวลงไป ร่างกายสูงใหญ่ แต่หน้าอกกลับดูซูบไปเล็กน้อย มีเพียงเศษผ้าพันรอบเอว นางคำรามใส่โต้วเยี่ยนซาน แต่ถูกโซ่ล่ามไว้ โซ่ล่ามไว้ค่อนข้างตึง ไม่ว่านางจะใช้แรงเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเข้าใกล้โต้วเยี่ยนซานได้
“ทั่นเกอ ข้ารู้ว่าทุกๆ ชนเผ่ามีของล้ำค่าซ่อนอยู่ ตามที่กล่าวไว้ก็น่าจะหนึ่งพันปีแล้ว เป็นเผ่าพันธุ์ของเจ้าที่ใช้เม็ดทรายทองที่ร่อนมาได้หลอมขึ้นมา เพียงแค่เจ้าบอกข้าว่าเครื่องทองพวกนี้อยู่ที่ไหน เจ้าก็ยังคงเป็นองค์หญิง ต่อไปข้าและคนของข้าจะไปให้ไกลเอง แล้วจะไม่กลับมาอีก เจ้าจะว่าอย่างไร”
ทั่นเกอเห็นว่าไม่สามารถเข้าใกล้โต้วเยี่ยนซานได้ก็เลยนั่งลง หยิบอาหารหมูจากรางหินหนึ่งกำมือ ใส่เข้าปากเคี้ยวต่อ โดยไม่มองโต้วเยี่ยนซานอีกเลย
สองคนนี้เป็นแบบนี้มาจะครึ่งปีกว่าแล้ว ต่อให้ทั่นเกอถูกเครื่องทรมานที่น่ากลัวแค่ไหนก็ไม่หลุดพูดออกมาสักคำ ตอนนี้ได้เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งในระยะยาวแล้ว
โต้วเยี่ยนซานถอนหายใจอีกครั้ง ตัวเองไม่ใช่ว่าไม่มีเงิน แต่ว่าเงินทั้งหมดอยู่ที่จงหยวน ตัวเองก็กลับไปไม่ได้ ส่งคนไปสี่คนพอออกจากป่าก็เงียบหายไม่มีข่าวอีกเลย
พวกเขาไม่มีทางหนีไป คนพวกนี้เป็นทหารที่จงรักภักดีต่อตระกูลโต้วที่เลี้ยงมา เพื่อตระกูลแล้วขึ้นเขาลงห้วยก็ไม่ปริปากสักคำ ไม่เห็นร่องรอยก็แสดงว่าพวกเขาไม่ตายก็ถูกพวกไป่ฉีซือจับไปแล้ว
นี่ข้าต้องถูกขังจนตายในป่านี้อย่างนั้นหรือ โต้วเยี่ยนซานยังไม่ทันมีเวลาได้ถอนหายใจ หมอกหนาก็ถูกพัดลอยมาจากหุบเขา เขาพูดออกมาอย่างโอดครวญ “มาอีกแล้วหรือ”
พอถึงฤดูหนาว หมอกก็จะมาไม่ขาดสาย แล้วยังตรงเวลาด้วย เพียงแค่ไม่มีพระอาทิตย์ก็จะมีหมอกขึ้นมาหนามาก
เกล็ดน้ำค้างที่ไม่ทำให้เสื้อเปียก ช่างเป็นฉากที่สวยงาม หมอกและเกล็ดน้ำค้างพวกนี้มีผลเหมือนกัน พอโดนบนตัวแม้ไม่ทำให้เสื้อเปียก แต่ความเย็นจะลึกเข้าไปถึงกระดูก
เดินสองสามก้าวเข้าไปในหอจู๋โหลว ห้องเรียบง่ายที่ถูกเติมเต็มรอยร้าวด้วยโคลนเช่นนี้ กักหมอกที่หนาขนาดนั้นไม่ได้ เปลวไฟในเตาก็ดูเหมือนจะมอดลงแล้ว
โต้วเยี่ยนซานเอามือซุกในกระเป๋าเสื้อ นั่งตัวสั่นอยู่ข้างเตาไฟ ความคับแค้นในใจพรั่งพรูออกมาจากกระดูก
หลี่ซื่อหมิน ข้าจะฆ่าเจ้า อวิ๋นเยี่ย ข้าจะทำให้เจ้าอยู่กับหมูไปตลอดชีวิต
ฮันฮันใช้ปากดันประตูให้เปิดออก จมูกยาวๆ ดมฟุดฟิดไปทั่ว เป้าหมายของมันคือใบหญ้าโคลเวอร์ที่อยู่ในกระถาง นั่นคือตอนที่อวิ๋นเยี่ยเห็นน่ารื่อมู่แปรงฟันแล้วเลือดออกอยู่บ่อยๆ ก็เลยเก็บมาจากสำนักศึกษา กะจะผัดให้น่ารื่อมู่กินกับข้าว หญ้าชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยห้ามเลือดอย่างดี ซุนเต้าจั่งเคยทดลองผลของมันแล้ว
ในห้องดูเหมือนจะไม่มีคน ฮันฮันเบียดประตูเข้าไป ร่างกายอวบอ้วนแต่กลับคล่องแคล่ว พอมาถึงกระถางต้นไม้ ก็มีรองเท้าลอยมาโดนหูของมัน ฮันฮันผู้ร่าเริงก็มุดหัววิ่งหนีไป ที่แท้มีคนอยู่ในห้อง
เดือนสามวันที่สามสิบเอ็ด ฤกษ์ไหว้คำนับ ฤกษ์ย้ายเข้าบ้าน ฤกษ์ขอพร ในมือของอวิ๋นเยี่ยก็มีหนังสือ ไม่ต่างอะไรกับหนังสือของโต้วเยี่ยนซาน เป็นหนังสือดูฤกษ์ทั้งคู่
“นับตามเวลาที่กำหนด หลี่อันหลานน่าจะคลอดแล้ว ไม่แน่อาจจะเป็นวันนี้”
บ่นพึมพำกับตัวเอง แล้ววางหนังสือฤกษ์ยามไว้บนโต๊ะ พนมมือขึ้น ขอพรให้หลี่อันหลานและลูกของนางปลอดภัย
ไม่รู้ว่าหลี่อันหลานที่อยู่ไกลเป็นหมื่นลี้จะสบายดีหรือไม่ ใจของอวิ๋นเยี่ยเป็นกังวล อยู่ไม่เป็นสุข ตากระตุกอย่างรุนแรง
สูดหายใจเข้าลึกๆ กั้นหายใจไว้ จนจะขาดใจก็ยังไม่สงบลง จดหมายฉบับที่แล้วบอกว่าตัวเองสบายดี ครรภ์แข็งแรง
คนรับใช้ตระกูลอวิ๋นก็ส่งจดหมายมาบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เพียงแค่องค์หญิงรู้สึกเหนื่อยล้าบ้าง คนพื้นที่พวกนั้นไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย หาเรื่องให้ตลอด แม่ทัพหงฆ่าไปแล้วสามกลุ่ม แต่ยังมีคนสร้างความวุ่นวายอยู่
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ใช้วิธีประนีประนอม แต่ใช้กำลังบังคับชาวเหลียวให้ยอมสยบ เพื่อจะได้เริ่มแผนเส้นทางรวยของตัวเอง
พวกทหารที่รีบอยากรวยไม่ออมมือแน่ๆ เกรงว่าตอนนี้ดินแดนแห่งเหลียวคงเต็มไปด้วยศีรษะมนุษย์
กองทัพที่ไม่มีวินัยทางทหาร ก็เหมือนกลุ่มโจรดีๆ นี่เอง แต่ที่ไม่เหมือนก็คือพวกเขามีประสิทธิภาพมากกว่า มีระเบียบมากกว่า และโหดร้ายมากกว่า
ชาวเหลียวจะตายหรือไม่ตาย อวิ๋นเยี่ยไม่สามารถเข้าไปจัดการได้ แล้วก็ไม่มีวิธีเข้าไปจัดการด้วย เพราะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ต่อให้เป็นความประสงค์ของฝ่าบาทก็ไม่อาจควบคุมสถานที่ที่อยู่ไกลกว่าหมื่นลี้ได้
ไม่รับคำสั่งจากจักรพรรดิของเมืองอื่น คำพูดนี้เป็นความจริง กว่าจดหมายจะไปถึง เรื่องราวก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว โดยเฉพาะที่หลิ่งหนาน ไม่ต้องพูดถึงความทุรกันดาร คนที่พึ่งพาตนเองได้มีเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ หลายร้อยกว่าคนกล้าพูดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิแห่งสวรรค์ เพื่อเสบียงแล้วจะอะไรพวกเขาก็ทำได้ทั้งนั้น
หวังว่าหลี่อันหลานจะทำตามการเตรียมการของตัวเอง ไม่เข้าร่วมการสังหารก่อนหน้านี้ รอให้การสังหารของแม่ทัพผ่านไปแล้วค่อยเริ่มดำเนินการปลอบใจราษฎร เหล่าทหารทำเกินกว่าเหตุ ต้องหยุดให้อยู่ในขอบเขต อย่างไรก็รวบรวมจิตใจของราษฎรไว้ก่อน
ในหัวมีแต่ภาพม้าพยศวิ่งไปวิ่งมา เดี๋ยวก็เป็นเสียงเด็กร้อง เดี๋ยวก็เห็นพื้นที่เต็มไปด้วยศพ สองภาพนี้วนเวียนอยู่ด้วยกันไม่หยุด ยากที่จะแยกออก
ซินเย่วเปิดประตูเดินเข้ามา ในมือถือเค้กข้าวพุทรา นี่เป็นขนมอย่างเดียวที่นางทำเป็น อวิ๋นเยี่ยกินจนจะอ้วกอยู่แล้ว บอกว่าเป็นเค้กข้าวพุทรา แต่ที่นางทำมีแต่พุทรา หาเม็ดข้าวแทบไม่เจอ หวานจนออกขม
ตัวนางเองชอบทานของหวานมาก คนเดียวกินทั้งถาดก็ไม่เลี่ยน
นำถาดของล้ำค่าไปไว้ใต้จมูกอวิ๋นเยี่ย ให้เขาดมว่าหอมหรือไม่
ความจริงแล้วพุทราเมื่อนึ่งสุกแล้วจะมีกลิ่นชวนอ้วกอย่างบอกไม่ถูก อวิ๋นเยี่ยแต่ไหนแต่ไรไม่กินพุทราแบบต้มหรือแบบนึ่ง แต่เพราะเป็นความหวังดีจากซินเย่วจึงกัดฟันกินเล็กน้อย แล้วบอกว่าตัวเองไม่ชอบของหวาน
เหลืออีกสองเดือนก็จะคลอดแล้ว อวิ๋นเยี่ยคอยบอกให้นางขยับร่างกายบ้าง ขยับร่างกายบ่อยๆ ดีต่อนางและลูก จะได้คลอดได้ง่ายๆ
ตรงหน้ามีผู้หญิงท้องใหญ่กำลังขยับไปมา ทางไกลหมื่นลี้ก็มีอีกคนกำลังต่อสู้กับโชคชะตา ในยุคนี้การคลอดลูกก็ไม่ต่างอะไรกับเดินเข้าสู่ประตูผี
“ท่านพี่ วันนี้สีหน้าท่านดูไม่ค่อยดีเอาเสียเลย หรือเป็นเพราะว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับ จริงด้วย น่ารื่อมู่ชอบนอนดิ้น ตอนกลางคืนนอนแนวตั้งแท้ๆ พอมาตอนเช้ากลายเป็นแนวนอนเสียได้ เมื่อคืนก็เอาขามาพาดอกข้า เล่นเอาฝันร้ายทั้งคืน”
รู้ถึงความเคยชินของอวิ๋นเยี่ย ซินเย่วแบ่งเค้กข้าวพุทราเป็นชิ้นเล็กๆ ป้อนอวิ๋นเยี่ย ดูกรามเขาขยับขึ้นลงแสดงว่ากำลังเคี้ยว ตัวเองหั่นชิ้นใหญ่ ตักเข้าปากเพลิดเพลินกับผลผลิตของตัวเอง
ส่วนน่ารื่อมู่กินลูกพลับแช่แข็งมากเกินไปทำให้ปวดท้อง ร้องโอดโอยอยู่นาน ไม่รู้ตอนนี้ดีขึ้นบ้างหรือยัง
ห่มผ้าห่มลงบนขาของซินเย่ว ข้างนอกหนาวจนไม่สามารถเอามือออกมาได้ ชายคาบ้านเต็มไปด้วยน้ำแข็งย้อย เหล่าเฉียนใช้ไม้ไผ่ตีให้มันตกลงมา ของแบบนี้หากตกลงบนหัวจะเป็นอันตราย
ท้องฟ้าด้านนอกสว่างจ้า พระอาทิตย์ส่องแสงมา แต่อวิ๋นเยี่ยกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่น ลมหนาวพัดมาดั่งถูกมีดกรีดแทง แต่หวังว่าค่ำคืนนี้จะดีขึ้น
อวิ๋นเยี่ยเอามือถูกัน อดไม่ได้ที่จะคิด